แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เขาให้มาบำรุงวัด นี่ฉันเอามาซื้อยาเสียตั้ง ๕,๐๐๐ บาทปีนี้ ซื้อเครื่องมือบ้าง ซื้อยาบ้าง ที่เอามาจ่ายกันอยู่นะเงินของวัด แต่ต้องซื้อ แล้วก็ยังให้อีกยา ก็ให้มาเฉย ๆ ก็มี ไม่ได้ซื้อก็มี จะทำไปได้สักกี่นัดกี่อะไรก็มันแล้วแต่บุญแต่กรรมมันแหละ แต่นี่ก็ทำมาได้หลายนัดนะ นัด ๆ หนึ่งก็ หลาย หลาย หลาย ๆ คน ตั้งร้อยกว่าคนแล้วเดี๋ยวนี้
นี่มันเป็นเรื่องที่ช่วยประชาชน เพื่อนมนุษย์ หรือว่าช่วยทายก ทายิกา ชาวเมือง บาดาล ที่บำบำรุงวัดมาเรื่อย ๆ นี่ คิดว่าช่วยกันได้ วิธีไหนก็ช่วย ทุกอย่างทุกทาง ช่วยมึง ช่วยกู ผลัดกันช่วย นี่เรื่องที่ว่า อย่าลืม ถ้าเจ็บ ไข้ นั่นก็ช่วย ใครไม่เคยไปก็ไปเถอะ วันศุกร์ พอบ่ายโมง ถึงแล้วก็มีแหละ ก็ที่ใกล้ตึกสงฆ์อาพาธ
ไอ้เรื่องเจ็บเรื่องไข้ เรื่องอะไรต่ออะไรนี่ มันยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องกัน ยังบกพร่องอยู่มาก จึงต้องพูดกัน นี่เวลามันยังไม่ถึง ยังอีกสักครึ่งชั่วโมงได้ กว่าจะถึงเวลาทำพิธี ก็จะให้คุณพจนาทขึ้นมาพูด อะไรให้ฟังสัก บ้าง หมอยูรบ้าง เรื่องเจ็บ เรื่องไข้นี่ หมอยูรมายังล่ะนี่ หือ ไหนว่า หมอยูรมายัง มาข้างบน บอกมานี่นะ มาข้างบน คุณพจนาทพูดไปพลาง เจ้าอยากจะพูดเรื่องงูกัดหรือ อ้า เรื่องเกี่ยวกับงูกัด คุณนั่งฟังไว้ฆ่าเวลาไปแหละ มีประโยชน์บ้าง เดี๋ยว กว่าจะถึงเวลาทำพิธีนะ
ไอ้วันนี้จะตักบาตร แบบให้ ให้เห็นว่าตักบาตรจริง ๆ เลย ข้าวมีน้อย ก็ตัก ช้อน สองช้อน ตามมีตามได้นะ มีข้าวมาตักบาตรใช่ไหม เดี๋ยวถามดูให้แน่ หือ เดี๋ยวไม่มีนะมัน หัวเราะกัน เจ้าบาตรน่ะเรียง ถึงข้าวมีน้อย ก็ตักบาตร สองช้อน สามช้อนก็พอ แต่ให้มันได้ทุกบาตร ให้พระจะได้ไปฉัน เอาล่ะ ให้ถึงเวลาที่ จะนั่นก่อน เอ้า นิมนต์ นั่ง
(คุณหมอ) วันนี้ลูก ได้รับโอกาส ให้ จากท่านอาจารย์ ให้ ซึ่งถือว่าเป็น เป็นผู้ปลดทุกข์ ให้เรียกว่า คนทั้งโลกก็เห็นท่าจะได้ เรื่องที่จะพูดในวันนี้ คือเรื่อง เมื่อคนถูกงูกัดแล้ว เราจะให้การช่วยเหลือเขาได้อย่างไรบ้าง
เรื่อง เรื่อง เรื่องทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางโลก และทางธรรม มันจะเริ่มต้นด้วยเหตุ แล้วก็ผล ถ้าเรารู้จักเหตุของมัน เราก็จะแก้เหตุได้ถูกต้อง แล้วผลที่เกิดมันก็จะเป็น ผลที่ถูกต้อง คล้ายว่าเราก็จะได้รับอิสรภาพ
เหตุที่นำเอาเรื่องงูกัด มาพูดในวันนี้ เพราะว่า เท่าที่ลูกได้มาอยู่ในสวนโมกข์นี้ เป็นเวลาประมาณ ๒ เดือนเศษ ธรรมชาติได้ช่วยสอนให้ว่า ในสวนโมกข์และบริเวณใกล้เคียงนี้ งู งูชุม เพราะฉะนั้น นี่ก็เป็นเหตุ ที่หนัก ทำให้นำเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ซึ่งเป็นผลจะได้เหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ กับสถานการณ์ที่เป็นสำหรับ ชาวไชยา หรือว่าชาวบริเวณสวนโมกข์นี้
ทีนี้ ให้เราหลับตานึกดูว่า เราถูกงูกัดนั้น มันเป็นอย่างไร ก่อนที่เราจะรู้ว่าสิ่งที่เรา ถูกกัดน่ะ จะเป็นงู หรือไม่ใช่งูนี่ก็ เป็นปัญหาข้อหนึ่ง อีกอันหนึ่งต่อไปหลังจากที่เรารู้ว่า งู ไปเป็นงูกัดแล้วต้องเข้าใจต่อไปอีกว่า งูนี้เป็นงูชนิดที่ มีพิษหรือไม่มีพิษ อันนี้ข้อสามต่อไปคือเราจะต้องรู้ว่า งูพิษ งู งูที่กัดนี่ พิษ งูพิษที่กัดนี้ เป็นงูพิษชนิดไหน จะได้รักษาให้ถูกต้อง ข้อต่อไปคือว่า เมื่อรู้ว่าเป็นงูชนิดไหนแล้ว จะได้ให้การช่วยเหลือ หรือรักษาให้ตรงกับพิษของงูที่กัด
โดย ครั้งแรกเราต้องดูเสียก่อนว่า หลังจากถูกงูกัดแล้วนั้น เราต้องรู้ เข้าใจเสียก่อนว่า หลังจากถูกงูกัดแล้ว จะมีลักษณะของแผลเป็นอย่างไร เพราะบางครั้งเราเดินไปในที่มืด หรือเดินไปในน้ำ เราอาจจะไปเหยียบเอากะลาข้างหนึ่ง แล้วมันตีเข้ามาอีกข้าง ข้างหนึ่งมันตีที่เท้าเราก็ ทำให้มีบาดแผลเกิดขึ้นได้ ถ้าเราไม่มีความรู้ ว่าแผลที่ถูกงูกัดนั้นเป็นอย่างไร เราก็ อาจจะหลงไป เหมือนอย่างที่พวกเรานี้ โดยทั่วไปนั้นหลง ว่าสิ่งที่เราถือว่าถูกนั้น ความจริงมันไม่เคยถูกจริง ๆ มันเป็นทุกข์ชนิดหนึ่งเหมือนกัน
ทีนี้ ลักษณะของแผลที่ถูกงูกัดนั้น จะแบ่งเป็นสอง สองลักษณะ อันที่หนึ่ง คือบาดแผลซึ่งถูกงูพิษกัด กับอันที่สอง คือบาดแผลที่ งูที่ไม่มีพิษกัด การที่งูกัด ก็เหมือนกับหมอฉีดยาคนไข้ แต่ยาที่ การที่งูกัดนั้น ยา ตัวยา ก็คือว่าพิษงู ถ้างูพิษกัด ก็คือพิษงู เพราะฉะนั้น งูพิษก็ต้องมีเข็มฉีดยา เข็มฉีดยาของงูพิษคือ เขี้ยว ซึ่งอยู่ที่ ที่เพดาน เพดานบน งูพิษทุกชนิด จะต้องมีเขี้ยวยาว สองเขี้ยว เสมอไป ไม่มียกเว้น เพราะเขี้ยวทั้งสองอันนี้ก็เปรียบเหมือน เข็มฉีดยา ที่จะฉีดเข้าไปในเนื้อคนที่ถูกงูกัด ที่โคนของ ของเขี้ยวนั้น จะมีต่อมพิษ ซึ่งเปรียบเหมือนยา เวลาที่งูกัดนั้น มัน ต่อมพิษเดี๋ยวมันจะบีบเอา เอาพิษออกมาทาง ทางเขี้ยว ทางปลายเขี้ยวนั้นเข้ามาสู่เนื้อคน เดี๋ยว ๆ ๆ เดี๋ยวจะเอารูปให้ ให้ดูเรื่องลักษณะของบาดแผลที่ถูกงูพิษกัด
รอย เขี้ยวสองเขี้ยว รอยที่ถูกงูพิษกัดนั้นคือ อันนี้ กับอันนี้ สองอัน กัดจากริมฝีปากบน อันนี้เป็นริมฝีปากล่าง อีก หมายความว่าถ้าพบ จุด สองจุด แผลสองจุด เกิดขึ้น ที่บริเวณ ที่สงสัยที่จะถูกงูกัดล่ะก็ ให้สงสัยว่านั่นคืองูพิษกัด เป็นเขี้ยวสองเขี้ยว แผ่ทั้งแผง ถ้าเผื่อว่าเป็นงูที่ไม่มีพิษร้าย มันจะเป็นรอยขีดเท่านั้นเอง ไม่เป็น ไม่เป็นแผลลึกลงไป เพราะงูที่ไม่มีพิษนั้น มันไม่มีเขี้ยว รอยมันจะขีดทั่ว ๆ ไป เป็นถลอก ๆ ทั่ว ๆ ไป เท่านั้นเอง ไม่มีรอยเป็นพิษ ไม่มีรอยลึกลงไป ใน ในเนื้อเรา เพราะว่าไม่มีเขี้ยวพิษ สำหรับงูไม่มีพิษนี้ เราตัดทิ้งไปได้เลย เพราะว่า เมื่อเราทราบแล้วว่า คนไข้ที่สงสัยว่าถูกงูกัดแล้ว ไม่เห็นจุดสองจุด ไม่เห็นแผลสองแผลแล้ว ก็เรียกว่า คนไข้จะไม่ใช่งูพิษกัด
แต่ถ้าเป็นงูพิษกัดแล้ว แม้จะมีสองจุดก็ตาม เราก็ยังจะต้องดูต่อไปว่า เป็นงูพิษประเภทไหน พิษของงูนี้ มีหมอคนหนึ่ง เขาทำการค้นคว้า แล้วก็พบว่า พิษของงูนี้มันจะมี มีพิษแตกต่างกันตามลักษณะของงูด้วย อันนี้ก็เป็นกฎของธรรมชาติเหมือนกัน คืองูที่มี ประเภทที่หนึ่งนั้น งูแบ่งเป็น ๓ ประเภท งูพิษแบ่งเป็น ๓ ประเภท
ประเภทที่หนึ่งนั้น คืองู งูชนิดที่มีหัวมน หู หัวของงูนั้นมน เป็นรูปมน มนแบบ แบบรอยที่เราคิดถึงน่ะ หัวมน รูปหัวมน หัวมนนะ ตัวอย่างของงูชนิดนี้ ก็เรียกว่า มุชั่น แถวนี้ก็เรียกว่า เช่น งูเห่า เป็นต้น งูหัวมนนี้มีลักษณะพิเศษ คือมีเขี้ยวพิษ ซึ่งงอพับได้ งอพับมาข้างหลังได้ สอง สองเขี้ยวนี้ งอพับมาได้ เวลาที่ไม่ได้กัด เวลากัด เวลาจะกัดคน งูประเภทนี้จึงต้อง ยกตัวให้สูงขึ้น อย่างเวลางูเห่า เวลาจะกัด จะคนนั้นต้องยกตัวให้สูงขึ้น เรียกว่าแผ่แม่เบี้ย สำหรับภาษาภาคกลาง ลูกไม่ทราบว่าทางใต้จะเรียกอะไร เวลาแผ่แม่เบี้ยมันยกตัวให้สูงขึ้นก่อน เพราะเขี้ยวมันพับ นี่เป็นลักษณะธรรมชาติว่าเขี้ยวมันพับ เพราะฉะนั้นต้องยกตัวให้สูงไว้ก่อน แล้วจึงค่อยฉกออกไปอีกทีหนึ่ง
เมื่อเรารู้ธรรมชาติของงูเห่าเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้น เมื่อเหตุของมันเป็นอย่างนี้ เราต้องนึกถึงผลได้ ผลก็คือว่า งูที่จะ งูเห่าจะกัดได้ ต้องส่วนมากก็ ต้องกัดสูง สูงกว่างูชนิดอื่น หมายความว่า มันจะต้องยกตัวมันขึ้นแผ่แม่เบี้ยก่อน แล้วค่อยฉกออกไปอย่างนี้ เราก็รู้ว่า มันต้องสูงแน่ สูงกว่างูชนิดอื่น งูพิษชนิดอื่น
ประเภทที่สอง เป็นงู ประเภทหัวสามเหลี่ยม งูหัวสามเหลี่ยม แล้วก็ตัวอ้วนสั้น งูเห่านั้นตัวยาว หัวมนตัวยาว ประเภทหนึ่ง ประเภทงูหัวมนตัวยาว สอง ประเภทหัวสามเหลี่ยม แล้วก็ตัวอ้วนสั้น ที่พบบ่อยที่สวนโมกข์นี้ก็คือ งูกะปะ งูพวกนี้ มีลักษณะพิเศษ คือเขี้ยวนั้น ไม่สามารถจะหุบพับได้ คือเขี้ยวเป็นเขี้ยวตรง ๆ เลย ลงมาจากเพดานเลย ตรง ๆ หุบพับเข้ามาข้างในไม่ได้ เพราะฉะนั้น งูพวกนี้ จึงสามารถกัดได้ต่ำ ๆ ลักษณะของงู ลักษณะที่งูพวกนี้จะกัด จึงเป็นบริเวณนิ้วบ้าง ไม่ค่อยสูง
ลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่ง ของงูหัวสามเหลี่ยมนี้ คือมันสามารถจะแว้งกัดได้ ยกตัวอย่างที่ตัวยาว ๆ นี้ มันแว้งกัดข้าง ๆ ก็ได้ แต่งูเห่านั้นจะต้องกัดตรง ๆ เสมอ เพราะว่าเขี้ยวพับ มันต้องฉก ชู หัวขึ้นก่อน ต้องแผ่แม่เบี้ยเสียก่อน แล้วก็ฉกไปตรง ๆ นี้ แต่สำหรับงูตัวนี้มัน งูที่หัวสามเหลี่ยมนี้มัน เลื้อยไปด้านล่างนี้ มันสามารถแว้งกัดข้าง ๆ ก็ได้ แต่จะมีก็มีเขี้ยวสองเขี้ยวเหมือนกัน
อันที่สาม ประเภทงูทะเล งูทะเลนี้ธรรมชาติจะช่วย งูสองประเภท คืองูหัวมน และงูหัวสามเหลี่ยมนั้น หางจะแหลมเพราะอยู่บนบก ไม่ได้ว่ายน้ำ งูทะเลนี้ ธรรมชาติ กฎของธรรมชาติช่วย ให้หางของงูทะเลนี้ เป็น เป็นใบพาย ลักษณะของหางงูทะเลจะเป็นใบพาย เพราะงูทะเลต้องใช้ว่ายน้ำด้วย หางจะไม่ใช่เป็นหางแหลม ๆ เป็นใบพาย หางเป็นใบพายอย่างนี้ ใช้โบกว่ายน้ำ
การแบ่งงูออกเป็นสามส่วน ออกเป็นสามพวก ตามรูปร่างของงู ก็ช่วยทำให้ แบ่งลักษณะของพิษงูออกได้เป็น ๓ พวกเหมือนกัน งูหัวมน ตัวยาว หางแหลม เช่น งูเห่า จะมีพิษต่อประสาท ที่ติดกับกล้ามเนื้อ ประสาทที่ส่วนที่ติดกับกล้ามเนื้อ เพราะฉะนั้น คนที่ถูกงูเห่ากัดแล้ว จะมีอาการ กลืนลำบาก หายใจลำบาก เกี่ยวกับเรื่อง กล้ามเนื้อไม่ทำงาน เนื่องจากพิษ มันไปทำลายประสาท ประสาทไม่สามารถบังคับกล้ามเนื้อให้ทำงานได้
ประเภทที่สอง งูหัวสามเหลี่ยม เช่น งูกะปะนั้น พิษจะทำให้ พิษของงูจะทำให้ เลือดออกง่าย แล้วก็ ถ้าพิษมาก ๆ อาจจะถึงทำให้เนื้อเน่าได้ ทำให้ต้องตัดนิ้ว หรือตัด อวัยวะที่ถูกกัด อาจจะมากกว่านิ้วออกไป ถ้าเน่าขึ้นมามาก
อันที่สาม เป็นพวกงูทะเล งูทะเลนี้ เป็นงูที่มีพิษอยู่กึ่งกลางระหว่างประเภทที่หนึ่งและประเภทที่สอง พิษอยู่กึ่งกลาง อ่า อันนี้ พอดีมีงูอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งไม่ได้รวมไว้ เป็นงูพิเศษ คืองูสามเหลี่ยม งูที่ตัวเป็นสามเหลี่ยม แล้วมีลายเป็นปล้อง ๆ บางทีก็สีเหลือง สีดำอย่างนี้ พิษก็อยู่ประเภท สองอย่างรวมกัน คืออยู่ประเภทงูเห่าแล้วก็ มีพิษทั้งสองอย่างคือทั้งประเภทงูเห่า และก็งู งู ประเภทงูหัวมนและงูหัวสามเหลี่ยม มีพิษทั้งสองอย่าง ผสมกัน พิษอยู่กึ่งกลาง
ทีนี้มาเริ่มดูใหม่ตั้งแต่เริ่มเมื่อถูกงูกัด คนที่ถูกงูกัดนั้น ถ้าเป็นงูพิษ ย้ำใหม่อีกทีไว้ตรงนี้ แผลสองแผล ทีนี้หลังจากถูกงูกัดแล้ว คนที่ถูกงูกัดทำอย่างไร
ข้อแรก ข้อหนึ่ง หมายความว่าจะต้อง พยายามเอาตัวงูมาให้หมอเขาให้ได้ หมอเขาจะได้รู้ ว่างูนี้เป็นงูอะไร จะได้ใช้ยาป้องกันได้ตรงกับพิษงู
อันที่สอง หลังจากถูกกัดแล้ว พยายามอยู่กับที่ ถ้ามีเพื่อนไปด้วย ให้ขี่คอเพื่อน หรือใช้หามไป อย่าเดินไปเอง หรือวิ่ง หรือ ดื่มสุราห้ามเด็ดขาด เพราะเหตุมีว่า พิษของงูได้เข้าไปในร่างกายแล้ว จะเข้าไปตามกระแสเลือด ถ้าเรายิ่งออกแรงมาก เลือดก็ยิ่งไหล กลับไปสู่หัวใจได้เร็วขึ้น แล้วก็สูบฉีดออกมาทั่วร่างกายได้เร็วขึ้น เพราะฉะนั้นพิษจะแผ่ไปทั่วตัวได้เร็วขึ้น เพราะฉะนั้น พยายามอยู่นิ่ง ๆ แล้วก็ให้เพื่อนอุ้มไป หรือขี่คอเพื่อนไป หรือว่าหามไป แล้วแต่จะจัดการอย่างไรก็ตามแต่
อันที่สอง ถ้าทำได้ หมายความว่า ใช้มีด กรีดบริเวณปากแผล เริ่มทำทันที ให้ทำเร็ว ๆ เพื่อให้เลือดมันไหลออกมา จากจุดสองจุดที่รอยแผลหรือถูกกัดนั้น พิษมันจะได้ตามออกมาด้วยบ้าง เป็นบางส่วน อาจจะไม่ทั้งหมด
อันที่สาม รีบพาคนที่ถูกงูกัดนั้น ไปหาหมอประยูรโดยเร็ว ที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เพราะงูบางชนิด คนที่ถูกกัดนั้น อาจจะตายได้ภายใน ๔ ถึง ๘ ชั่วโมง
ลืมบอกไปนิดหนึ่งว่า รอยแผลที่ ที่เป็นเขี้ยวของงูนั้น จะบอกขนาดของงูด้วย ว่างูตัวนี้มันใหญ่หรือมันเล็ก ถ้าไม่ได้ตัวงูมา เพราะว่างูตัวใหญ่นั้น เขี้ยวที่ เขี้ยว ๒ เขี้ยวนั้นจะอยู่ห่างกันมาก เพราะฉะนั้น เมื่อกัดก็จะมี รอยแผลนั้นห่างกันมาก ที่คนที่ถูกกัด ถ้างูตัวเล็ก เขี้ยวทั้งสองอันมันเล็ก มันอยู่ชิดกัน ก็ระหว่างเขี้ยวนั้นก็เล็ก วันนี้ลูกมี เรื่องพูดเท่านี้
(พระอาจารย์ ภาษาใต้) โยมทั้งหลาย อาตมาในฐานะเป็นลูกปักษ์ใต้เหมือนกัน แต่ว่าอาตมาจากไป ประมาณเกือบยี่สิบกว่าปีแล้ว คืออาตมาจากไปตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๔๙๒ ไปศึกษาที่เชียงใหม่ ทีนี้อาตมาก็กลับมาปี ๒๕๑๒ ในวัดสวนโมกข์นี้ อาตมาก็ได้มาบวชที่นี้เป็นเวลาเกือบ ๒ เดือนแล้ว อาตมาก็ได้ไปบิณฑบาต ในสายสะพานจันทร์แถววัดเวียง อาตมาก็สังเกตเห็นว่า โรคในบ้านเรานี่ยังมีอีกมากคือโรคพยาธิ แล้วพยาธิในบ้านเรานี้มีมากแน่ เพราะว่า อาตมาในฐานะที่ทำงานที่โรงพยาบาลโรคเมืองร้อน และก็ได้ศึกษาในนี้เป็นเวลา ๘ ปีแล้ว ถึงว่าพยาธิในบ้านเรา ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป ๑๔ จังหวัดภาคใต้ คือจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ ไปถึง นราธิวาส อาตมาก็ได้ทำในเกี่ยวกับโรคพยาธิเท้าช้าง แต่อาตมาศึกษาในโรคพยาธิอื่นด้วย
ทีนี้ อาตมาก็เห็นว่า จะบอกอธิบายให้โยมได้เข้าใจว่า ไอ้โรคพยาธินี้ มันติดต่อกันอย่างไร และวิธีรักษา ให้ระวังให้ดี วิธีการนั้นให้พยายาม ดูแลสุขภาพอนามัยของตัวเองนี่น่ะ ไอ้เรื่องโรค พยาธิเท้าช้างก็ดี ไข้มาเลเรียก็ดี มันก็เป็นพยาธิเหมือนกัน แล้วก็พยาธิปากขอ พยาธิไส้เดือน พยาธิเส้นด้าย วิธีการ แล้วมันติดต่อได้อย่างไรนี่ อาตมาจะเล่าไปคร่าว ๆ แต่ไม่เอาอย่างละเอียด ถ้าเกิด ใครต้องการทราบละเอียด มาศึกษากับอาตมาได้ จะให้ความกระจ่างเป็นโรค ๆ ไป เพราะอาตมาก็ไม่รู้มากหรอก รู้เพียงนิด ๆ เท่านั้นแหละ
แต่ว่าจะบอกให้รายละเอียดว่า พยาธิไอ้ปากขอนี่ ตัวอาตมาสังเกตดูว่า ในฐานะอาตมาไปบิณฑบาต ก็เดินเท้าเปล่าเหมือนกัน แล้วเห็นก็ทุกเช้าที่อาตมาไปบิณฑบาต ก็เห็นตามข้าง ๆ บ้านนี้มีอุจจาระเต็มไปหมด แล้วก็สังเกตว่า บ้านเราเองนี่ สุขภาพอนามัยนี่ ส้วม ถึงแม้ว่ามี ก็ยังไม่ค่อยเต็มที่ คือไม่รู้จักถ่ายกันในส้วม ถ่ายกันแถวริมทางเดินบ้าง อะไรแบบนี้ เวลาพอฝนตก อากาศบ้านเราเราก็รู้อยู่แล้วว่ามันชื้น ความความชื้นของอากาศนั้น ๘๐ ถึง ๑๐๐ ถึงเวลาเราเดินก็ ไอ้เท้าของเรานี้มันมี้นแตะ
เวลาพยาธินี้มัน มันเป็นไอ้ตัวอ่อนเข้ามานี่ มันไชเข้าทางผิวหนัง มีระยะติดต่อนี่ถ้ามันไชเข้าทางผิวหนังนี่ มันจะไชเข้าไปในเส้นเลือด แล้วมันจะไปเจริญเติบโตในลำไส้ และมันไปเกียบไปเกาะที่ผนังของลำไส้ดูดเอาเลือดเรา ถึงจะเห็นเด็ก ๆ บางคนนี่ ตาซีดเหลือง อาตมาก็สังเกตว่า นี้ถ้าเอาอุจจาระมาตรวจแล้ว ทุกราย จะต้องพบไข่พยาธิของปากขอ ซึ่งสังเกตว่า ให้พึงระวังว่า เท้านี่ ควรจะรักษาความสะอาดบ้าง ไม่ใช่ พอเข้านอนแล้วก็ ขึ้นนอนทั้งอย่างนั้นแหละ ไม่ต้องล้างตีนกันแหละ พอไปเหยียบขี้ เหยียบอะไรก็เอากันแหละ ขึ้นบนนอนบนบ้านเลย ไม่ต้องรักษาความสะอาดกันแหละ
แล้วมาเรื่องยุง ยุงนี่ก็ให้ อาตมาสังเกตว่า คนจะ ได้ยิน ไอ้โยมนี่บ่น ๆ กันว่า เอ๊ะ, หมู่นี้ ทำไมยุงชุมมากกว่าเมื่อก่อน เมื่อก่อนทำไมยุงไม่ชุม แล้ว โยมต้องคิดดูว่าทุกวันนี้ คนมันมากขึ้น ของกินก็มากขึ้น ของบริโภค เช่น เครื่องกระป๋องนี่ โยมทิ้งไว้เต็มไปหมด และโยมไม่ชอบกระป๋อง เอาทิ้งไว้ มันก็เป็นที่ไข่ของยุงนั่นแหละ ลูกน้ำอยู่ในนั้นเต็มไปหมดแหละ โยมสังเกตดูเถอะ อาตมาเดินในวัดนี้ สังเกตได้ทุกกระป๋อง ต้องมีลูกน้ำหมด และลูกน้ำนี้ ก็มันกลายเป็นตัวยุง
ทีนี้ ยุงมันก็มากขึ้นทุกวัน ทุกวัน มันก็ไปกัด วันหนึ่งน่ะยุงกัดเลือดคน แล้วสามวัน มันก็ไข่แล้ว แล้วยุงตัวหนึ่ง มันไข่ประมาณ ๒๐๐ ถึง ๓๐๐ ฟอง โยมต้องคิดแล้ว ในในสามวันนี่ยุงจะไข่กันประมาณกี่หมื่น กี่ล้านฟอง และใน ๑๒ วัน จะออกเป็นตัวแก่แล้ว และโยมต้องคิดดูว่า ความสะอาดอันนี้เอง ก็คือว่าโยมพยายาม กระป๋อง กระเปิ๋ง อะไร เวลานั้นก็ กินแล้ว ก็ฝังเสียให้ดี พยายามให้ อย่าให้ลูกน้ำ มันมีขังอยู่ในกระป๋องนั้น
นี่ อันนี้มันขึ้นอยู่กับจำนวนประชากร ที่มันเพิ่มขึ้น ถ้าประชาชนเพิ่มขึ้นมาก การบริโภคเครื่องกระป๋องมากขึ้น ไอ้จำนวนยุงนี่มันก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัวแหละ ฉันใดก็ดี สิ่งไหนที่มีคุณอนันต์ ก็ย่อมมีโทษอย่างมหันต์นั่นแหละ เรื่องโรคอื่นก็เหมือนกัน เหมือนยุงนี้ก็นำพยาธิได้หลาย ๆ ชนิด พยาธิเท้าช้าง ไข้เลือดออก ไข้มาเลเรีย นี่ ไอ้ไข้เลือดออกในบ้านเรานี่ สายทางใต้นี่ อาจจะมีน้อย ไม่เหมือนทางภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคกลาง
พยาธิเท้าช้าง ในภาคใต้เราก็มีมาก เฉพาะ ตั้งแต่จังหวัดชุมพร อาตมาไปทำที่ ตำบลบางลึก อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร และจังหวัดสุราษฏร์ฯ ก็ทำที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ ในอำเภอกาญจนดิษฐ์นี่ ประชาชนเฉพาะตำบลเดียวนี่ มีเชื้อเท้าช้าง หมู่บ้านหนึ่ง ประชากรทั้งหมด ๕๐๐ กว่าคน มีเชื้อเท้าช้างที่ ประมาณราว ๒๑๕ คน ทีนี้หมายความว่า เจาะเลือดพบเชื้อแล้ว ที่ว่าคนที่ตีนโถแล้วนี่ บ้านเราเรียกว่าตีนโถน่ะ มันจะขาโต ๆ นั่นแหละ ตีนโถนี่แหละ ที่ในหมู่สอง ตำบลท่าทองอุแท อำเภอกาญจนดิษฐ์นี่ พบขาโตแล้วนี่ ประมาณ ๕๙ ราย และพบเชื้อ พบเชื้อ ๒๑๕ ราย แล้วให้กินยาไปแล้วทดลองว่าคนไข้เราเจาะเลือดพบเชื้อนี่ ก็ได้ผลประมาณเกือบ ๘๐ เปอร์เซ็นต์
นี่ ไอ้สาเหตุที่ทำไมชาวบ้านนี่ ที่มีเชื้อเท้าช้างมาก ก็ไม่ยากอะไรนี่ สำคัญที่สุดก็คือว่า นอนกางมุ้งมันบ้าง ถามว่า โยมกางมุ้งหรือเปล่า กาง กางแน่ พอเข้าไปถึงปรากฏว่า มุ้งก็ไม่มีนอน เอาไฟไล่ใต้ถุนบ้าน แบบนี้ กางมุ้งอะไร แล้วบางคนก็ชอบกินน้ำหวานเมา พอกิน ๆ แล้วก็ยุงกัดเต็มไปหมดเลย ปรากฏว่า โยมนี่ไปเจาะเลือดก็พบเชื้อเท้าช้างอีก บอกโยม ทำไมไม่กางมุ้ง อื้อ กางแล้วแหละ กางมานานแล้ว มึงอย่ามาสอนกูดีอีก อ้าว สอนให้ก็ไม่ดีอีก นี่แหละ แบบนี้แหละ พอพอสอนก็หาว่ารู้มากเสียอีก เลยก็อย่าสอนเสียดีกว่า ให้ธรรมชาติลงโทษ ก็คือขาโต พอขาโต ก็ว่าทำไมไม่หาย พอกินยาเข้าไป ก็ไม่รู้จักหาย ก็แบบนี้แหละ อาตมาก็ให้ความกระจ่างกับโยมแล้ว บางทีโยมก็ไม่เข้าใจ
แต่ว่า นั่นน่ะเป็นเรื่องของการศึกษา การศึกษานี่มันมีความจำเป็น สำหรับทุก ๆ คน ถ้าคนได้รับการศึกษาดี สุขภาพอนามัยดีแล้ว มันก็ โรคมันย่อมหายไปเป็นธรรมดา แต่ถ้าการศึกษาไม่ดีพอ การอนามัยก็ย่อม เจริญไม่ตาม ไม่เจริญตามเป็นเงาตามตัวเหมือนกัน อาตมาจบเท่านี้
(คุณหมอ) พ่อแม่พี่น้องที่รักทั้งหลาย ผมจำเป็น จะต้องพูดเป็นภาษาบางกอกนิด เพราะว่ามีหมอบางกอกมาเสียด้วย ทีนี้เราจะได้ฟังกันหลาย ๆ ท่าน ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ความจริงเดี๋ยวนี้ผมก็ชักจะขายทองแดงไปแยะแล้ว ฉะนั้นตอนพูดมันจะว่าง อ่า ความจริงเรื่องผมเตรียมมาแยะนะฮะ แต่ว่าตอนนี้มัน กำลังรีบมาใหม่ ๆ และก็เหนื่อยนิด พอดีอาจารย์บอกว่า เอาแค่ 15 นาที ฉะนั้นก็เพียงแต่อารัมภบทนะฮะ เรื่องจริงไว้ฉายกันรอบหลัง รอบที่ว่า พี่น้องทั้งหลายได้พักผ่อนสักนิด แล้วเดี๋ยวจะฉายรอบจริง รอบนี้เขาเรียกว่ารอบอารัมภบท คือรอบทำความเข้าใจกันระหว่างพ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย
พี่น้องทั้งหลายก็คุ้นหน้ากับผมดีแล้ว โดยเฉพาะพี่น้องรอบสวนโมกข์ กระผมได้มาทุกวันศุกร์ ตอนบ่าย ได้มาช่วยเหลือ พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย แต่นั่นแหละครับ ถ้าต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างอยู่ ถ้าไม่มารู้ ถ้าไม่รู้จุดประสงค์ นะฮะ ถ้ามีความตั้งใจไม่ตรงกันแล้ว การทำงานนั้นไม่ได้ผล ฉะนั้นวันนี้ ๑๕ นาทีนี้ผมถือว่าเป็นการทำความเข้าใจ เป็นการปรับ ปรับความเข้าใจกันระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มาช่วยเหลือพี่น้องทั้งหลาย ในด้านสุขภาพอนามัย กับพี่น้องทั้งหลายผู้ต้องการรับความสมบูรณ์ของร่างกาย ในด้านสุขภาพอนามัย ว่าเรามีความคิดเห็นตรงกันหรือไม่ นะฮะ ถ้าตรงกันแล้วเราช่วยกันได้สบาย ถ้าความคิดเห็นนั้นไม่ตรงกัน ถึงจะทำไปสักร้อยปีร้อยชาติ จุดหมายปลายทางมันก็ไม่สำเร็จ
ที่ผมหวั่นว่าจะไม่ตรงกัน ก็เพราะอย่างนี้ เพราะผม โดยเจตนาของเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกรมอนามัยทั้งหมดแล้ว อยากจะให้พี่น้องทั้งหลาย มีสุขภาพอนามัยสมบูรณ์ ทั้งด้านร่างกายและจิตใจโดยจริงจัง นะฮะ ความหมายของพวกผมต้องการอย่างนั้น แล้วพ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย ทุกคนก็ไม่มีใครอยากเป็นโรค อยากให้ร่างกายสมบูรณ์ เหมือนกัน นะฮะ นี่คิดแล้วก็น่าจะว่าตรงกัน แต่ผมบอก มองให้ซึ้งแล้วบางทีไม่ตรงกัน นะฮะ
ที่ว่าไม่ตรงกันก็เพราะอะไร เพราะพ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย คิดว่า ร่างกายจะสมบูรณ์ได้ ด้วยการมาหาหมอ ให้หมอ มาเอายาจากหมอไปรับประทาน นะฮะ ด้วยการใช้ยาจากหมอ โดยการพึ่งหมอ ให้หมอรักษาโรคให้หาย แล้วร่างกายจะสมบูรณ์ แม้กระทั่ง อ่อนเพลีย ไม่ค่อยแข็งแรง หรือว่าจิตใจไม่ดี ก็มาหาหมอ มาขอยาบำรุงร่างกาย นี่ จุดประสงค์ของพี่น้องทั้งหลาย ต้องการอย่างนี้ นะฮะ ส่วนมากผมว่าเป็นอย่างนี้ โดยเข้าใจว่า ถ้ามาหาหมอ เอายาไปรับประทานแล้ว ร่างกายจะสมบูรณ์ นะฮะ ร่างกายจะสมบูรณ์ ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ เป็นความหมายของพี่น้องทั้งหลาย
แต่ความหมายของกระผมผู้มาให้รักการรัก มาให้การรักษา ได้มาให้ เพื่อมาจะส่งเสริมหรือทำให้พี่น้องทั้งหลาย มีสุขภาพอนามัยดีนั้น เป็นความหมายที่ ไม่ค่อยตรงกันทีเดียวหรอกครับ ไม่ตรงกับของพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายหรอกครับ การมาเอายารักษาตัวเรานั้น นะฮะ อย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีทางทำให้พี่น้องทั้งหลาย มีร่างกาย มีสุขภาพสมบูรณ์ได้โดยแท้จริง นะฮะ นี่เป็นเรื่องจริง ที่ผมได้เห็น แล้วก็ดูมา แล้วมีตัวอย่างที่จะยกให้ฟังได้แยะ นะฮะ
ยกตัวอย่างให้ฟังง่าย ๆ ว่า เอาตะปูตำเท้าดีกว่า นะฮะ เอาตะปูตำเท้าเพื่อนิพพานนี้ผมได้จากท่านอาจารย์พุทธทาส นะฮะ ว่าตะปูตำเท้า เราบีบยาใส่ตะปู ก็ตะปูตำเท้าเรานี่ เราบีบยาใส่ตะปูเสีย นะฮะ ให้ตะปูมัน มันพังไปหมดอย่างนี้ เท้าเราจะหายไหม นะฮะ ถ้าพูดตามความจริง ตะปูเป็น ตะปูเป็นส่วนเหตุที่ตำเท้าเรา เมื่อเราบีบยาใส่ตะปู เท้าเราน่าจะหาย แต่พี่น้องทั้งแม่ทั้งหลายเห็นแล้วยังว่ามันไม่หาย นะฮะ เราต้องใช้ยาใส่แผลของเราที่เท้า แล้วเราต้องใช้ความระมัดระวังของเรา ว่าตะปูมันอยู่อย่างไร ลักษณะเป็นอย่างไร แล้วเราเดินทีหลังเราอย่าไปเหยียบเข้าอีก เราต้องใช้ความสังเกต นะฮะ ถ้าหากว่าเรากำจัดแต่ตะปูอย่างเดียว อีกหน่อยพ่อแม่ทั้งหลายก็ต้องไปเหยียบตะปูซ้ำอีกแหละ เดี๋ยวก็ไปเหยียบตะปูตัวโน้นจะปรุง ตะปูตัวนี้เรื่อยไป
นั่นแหละครับ ฉันใดก็ฉันนั้น เรื่องโรคภัยไข้เจ็บก็เช่นเดียวกัน นะฮะ ถ้าเรามาเอายา ไปฆ่าเชื้อโรค ไปฆ่าเชื้อโรคที่มันมา มารังแกเรา หรือมาทำเรา ทำให้เราต้องตรวจสุขภาพ เราเอายาไปฆ่าเชื้อนั้น มันจะฆ่ากันเมื่อไรหมดล่ะครับ นะฮะ ฆ่าในร่างกายเราหมด ภายนอกมันมีอีก ภายนอกร่างกายเรายังมีอีกเยอะแยะ นะฮะ ยมบาลสร้างทหารมาไว้คร่าชีวิตเรากันเยอะเหลือเกิน ไม่ใช่มีแต่ในตัวเรา นอกตัวเราก็มีแยะ อยู่ตามพื้นดิน อยู่ตามที่ไหน ก็จิปาถะไป เราเอายามาขอยาจากหมอ ไปฆ่าเชื้อโรคในร่างกายเรา แล้วมันก็เข้ามาสู่ร่างกายเราอีกล่ะครับ มันมีช่องทางที่จะเข้าสู่ร่างกายเราได้แยะ นะฮะ
เพราะฉะนั้นที่ผมจึงได้บอกว่า มาเอายาจากหมออย่างเดียว สำหรับไปรักษาโรคเรานั้น จะไม่ทำให้ร่างกายเรามีสุขภาพสมบูรณ์หรอกครับ นะฮะ เพราะว่าเชื้อโรคมันมีเยอะแยะ มันมีมากมาย อย่างที่พระคุณเจ้าท่าน ได้กล่าวมาแล้วเมื่อกี้นั่นละครับ มันอย่างนี้แหละครับ แล้วเราจะทำมันอย่างไรหาย ถ้าเราไม่รู้จักวิธีป้องกัน นะฮะ เรากันมันเสีย กันอย่าให้เข้ามาสู่เราได้อย่างกะ ได้ โดยเราสร้างกำแพง นะฮะ โดยสร้างกำแพงกั้น วิธีกั้นอย่างไรนั้น ไว้โอกาสต่อไปถึงจะพูด
นี่ แต่ว่าทำความเข้าใจให้พี่น้องทั้งหลายเข้าใจเสียเถิดว่า การมารับยาอย่างเดียวนั้น ไม่มีทางจะทำให้สุขภาพของเราสมบูรณ์ได้ ก็เพราะอย่างนี้แหละครับ เพราะเชื้อโรคมันมีอยู่จิปาถะ มีอยู่ทุกแห่งมีรอบตัวเรา แล้วเราไม่รู้จักป้องกัน มันก็เข้ามาสู่เราวันยังค่ำ นะฮะ แล้วเราต้องเสียเวลา จะต้องมารักษาแล้วรักษาอีก ซ้ำ ๆ ซาก ๆ นะฮะ ซึ่งเห็นอยู่ได้ชัด
นอกจากโรค นอกจากเชื้อโรคพวกนี้แล้ว นะฮะ นี่ ถ้าหากว่าเราใช้ยาเพื่อฆ่าเชื้อโรค นะฮะ เป็นการแก้ปลายเหตุ ไอ้นี่ เพราะฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายนึกดูเถอะว่าเราแก้ปลายเหตุ นะฮะ เราแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เราแก้ปลายเหตุ แบบเดียวกับเอาไม้กระดานมาทับหญ้า อย่างนั้นมันตายไปชั่วคราวหรอกครับ พอกระดานออกมันขึ้นมาอีก เมื่อเราหมดยา เราก็ต้องเป็นอีก อะไรทำนองนั้น ถ้าเราไม่รู้จักวิธีป้องกันที่ดี
เพราะฉะนั้น สาเหตุอันแท้จริง สาเหตุอันแท้จริงของการที่จะเป็นโรคน่ะ มันไม่ได้อยู่ที่ตัวเชื้อโรคหรอกครับ เช่นเดียวกับสาเหตุที่แท้จริง ที่เรา อ่า เป็นแผลถูกตะปูตำน่ะ มันไม่ได้อยู่ที่ตะปู นะฮะ มันอยู่ที่ความโง่ของเรา อยู่ที่ความไม่รู้ของเรา นั่นแหละเรื่องใหญ่ เราจึงไปเหยียบเข้า ถ้าเรารู้เราวิธีหลบหลีก เรามีสติสัมปชัญญะดี ไปไหนเราเดิน เราระวัง เราทำอะไร เราระวังเสมอ มันก็ไม่เหยียบ และก็ไม่ถูกตะปู นะฮะ นั่นเรื่องสาเหตุอันแท้จริง เรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วย
ก็เช่นเดียวกัน หมายความว่า ถ้าเรารู้ นะฮะ ที่เราเจ็บไข้ได้ป่วย ก็เพราะเราไม่รู้ล่ะครับ ความไม่รู้ของเราอย่างเดียวล่ะครับ แล้วความยึดถือ ความเชื่อตั้งแต่สมัยโบราณ ความเชื่อมาตั้งแต่เก่า ๆ แก่ ๆ ความเชื่อเรื่องของแสลงต่าง ๆ ไอ้โน่นกินไม่ได้ ไอ้นี่ทานไม่ได้ ไอ้นั่นทานไม่ได้ พอทานไม่ได้ทานไม่ได้ รวมสุดท้าย ก็ไม่มีอะไรจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ร่างกายก็ทรุดโทรม นะฮะ เพราะความเชื่อโบราณ หรือทำให้เราเป็นโรค เพราะความไม่รู้วิธีป้องกันโรคหนึ่ง จึงทำให้เราเป็นโรค ลงสุดท้ายก็เพราะความไม่รู้
ทีนี้เราจะแก้ความไม่รู้ โดยการศึกษาให้รู้สิครับ มีอย่างเดียวเท่านั้น การศึกษาให้รู้ก็ฟังผู้รู้ไปพูด แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ผม จะอวดตัวว่าเป็นผู้รู้นะฮะ ใคร ๆ ก็ได้ฮะ ถ้าพูดในแง่ที่มีเหตุมีผล น่าเชื่อ แล้วก็พยายามสนใจ แล้วก็ฟังจดจำไว้ นี่แหละครับ เป็นการแก้รักษาโรคอย่างแท้จริง อย่าได้หวังมาพึ่งหมอเอายาอย่างเดียวเท่านั้น ให้สนใจ รู้ว่าวิธีปฏิบัติตนอย่างไร จึงจะมีร่างกายสมบูรณ์ ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายอย่างไร จะกินอาหารอย่างไรได้ดี จึงจะร่างกายสมบูรณ์ นั่นแหละเป็นการที่รักษาสุขภาพอนามัย
ตัวของตัวท่านเองเป็นผู้ บ่งเป็นผู้ชี้ชะตา เป็นผู้กำหนดสุขภาพอนามัยของท่านเอง ตัวของท่านเองเป็นผู้กำหนัด เป็นผู้กำหนดความสมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจ ความสวยงามนั้น ไม่มีใครสามารถจะกำหนดกันได้ แต่ละคนหน้าตาจะเป็นอย่างไรนั้น รูปธรรม นามธรรม แล้วแต่จะเกิดกันมา แต่ว่าความสมบูรณ์ นะฮะ ความสมบูรณ์ ความไม่มีโรค ความสมบูรณ์ของร่างกายและความสมบูรณ์ของจิตใจนั้น แต่ละคนสามารถจะกำหนดกันเองได้ นะฮะ
ขอให้จำไว้แค่นี้ว่า แต่ละคน สามารถจะกำหนดความสมบูรณ์ของร่างกายได้ ถ้าท่านประพฤติไม่ดี ถ้าท่านสะเพร่า ถ้าท่านประมาท ถ้าท่านขับรถรวดเร็วเกินไป มันก็เกิดอันตราย ฉันใดก็ฉันนั้น ถ้าท่านไม่รู้จักป้องกันโรค ถ้าท่านไม่ระวัง ถ้าท่านกินอาหารที่สกปรกโสมม ท่านก็ต้องเป็นโรค ฉันใดฉันนั้น จึงได้กล่าวว่า ความเจ็บไข้ได้ป่วยและความสมบูรณ์ของร่างกายนั้น พี่น้องทั้งหลายสามารถกำหนดเอาเองได้ นะฮะ ให้จำไว้แค่นี้
แล้วก็หวังว่าพี่น้องทั้งหลายคงจะทำความเข้าใจเป็นแนวเดียวกันกับผมที่มาให้ด้าน บริการด้านการรักษาแก่พี่น้องทั้งหลายได้ เพราะว่าโรคที่เหลือบ่ากว่าแรง ที่พี่น้องทั้งหลายช่วยตัวเองไม่ได้ นั่นแหละ จะหมอจะ จะเป็น จะเป็นเรื่องที่ต้องมาหาหมอ และหมอจะได้ช่วยเป็นอีกล่ำเป็นสัน สำหรับโรคเหล่านี้ ไม่ใช่ว่า เราป้องกันทำดีจริงแล้วจะไม่มีโรคเกิดขึ้นแก่เรา
ลงสุดท้ายขอให้เราเป็นโรคตายไปอย่างธรรมชาติ นะฮะ เพราะคนเราต้องมี เกิด แก่ แล้วก็เจ็บ แล้วจึงตาย อย่าให้เกิดแล้วไม่ทันแก่ มันเจ็บแล้วตายเลย หรือบางคนเกิดแล้ว ไม่ทันแก่ แล้วก็ไม่ทันเจ็บ นอนตายอยู่แล้ว อย่างที่ผมไปพลิกศพ มีเยอะแยะ อย่างนี้มันก็ผิดธรรมชาติทั้งนั้น ขอให้เราได้เป็นอย่างธรรมชาติ ตายอย่างธรรมชาติ หรือด้วยโรคชรา นะฮะ
ผมขอถือโอกาสอารัมภบทระยะแรกเพียงเท่านี้ เพราะพี่น้องทั้งหลายก็ได้นั่งฟังมานานแล้ว แล้วก็ฟังมานานหลายคนก็ชักจะเบื่อ ขอหยุดเพียงแค่นี้ก่อนนะครับ ขอบคุณมากครับ
(เสียงหลวงพ่อ ภาษาใต้) ที่ทำบุญให้ตายาย รับศีลก็ให้ตายาย ให้ทานก็ให้ตายาย ฟังเทศน์ก็ให้ตายาย สวดมนต์ภาวนาอะไรก็ให้ตายาย คือทำในใจให้ดีว่าวันนี้ทำให้ตายาย เป็นวันตายาย เรายังมีตายาย เรายังมีวันตายาย วันตายายคือวันบรรพบุรุษ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ตาทวด เป็นลำดับ ลำดับ ลำดับไป ไม่มีที่สิ้นสุดนั่นเรียกว่าวันตายาย
เรามีวันตายายเป็นของเรา มานมนานแล้ว เข้าใจว่าตั้งพันปีแล้ว ก็ขอให้รักษาวันตายายนี้ไว้ให้ดี ๆ นี่คนในโลกสมัยนี้ เขาไม่มีวันตายาย แต่เราเป็นคนกตัญญู เรายังมีวันตายาย เราเป็นคนกตัญญู กตัญญู ฟังให้ดี ๆ เราจึงมีวันตายาย นึกถึงปู่ ย่า ตา ยาย ตาทวด อันให้เกิดเรามาด้วยความกตัญญู และเรามีวันตายาย ทำบุญตายาย วันนี้ต้องทำด้วยจิตด้วยใจ เสียสละทั้งหมดทั้งสิ้น ใครเคยรับศีลห้า ก็รับศีลอุโบสถกันเสียบ้างสิ จะได้ให้ตายายเป็นพิเศษ อดทน
คนในโลกเขาไม่มีวันตายายนะ คุณดูเถอะ เขามีวันแม่ วันเด็ก วันสาธารณสุข วัน กระทั่งวันสหประชาชาติ วันกรรมกร เรื่องจะฆ่าจะฟันกันทั้งนั้น เขามีวันอย่างนั้น ไม่มีวันตายาย ไม่มีวันที่เขานึกถึงปู่ ย่า ตา ยาย เลย แต่มีวันกรรมกร วันสหประชาชาติ หรือวันสาธารณสุข อย่างดีก็วันแม่ วันครู วันเด็ก อะไรไปตามเรื่อง ไม่มีวันตายาย น่าเสียใจที่ไม่มีความกตัญญู ต่อบิดามารดา ปู่ย่าตายาย ที่เกิดหัว เกิดหูของตัวมา นี่เรามีวันตายาย
ฉะนั้นต้องทำด้วยความกตัญญูกตเวทีที่สุด ถึงคนที่ได้เกิดเรามา แล้วช่วยกันทำให้ลูกหลานยังคงรักษาวันนี้ไว้ อย่าให้ทอดทิ้งเสีย คนแก่ ๆ ตายไปแล้ว เดี๋ยวเด็กไม่ทำ วันตายายก็ไม่มี คนก็จะไม่กตัญญู จะค่อย ๆ หมดความกตัญญู ต่อคนก็เกิดตัวมา ช่วยยุลูก ๆ หลาน ๆ ให้มันมีความกตัญญู ให้มีวันตายาย ให้อุตส่าห์มาวัดวันตายาย มาทำบุญวันตายาย มานึกถึงตายาย วันนี้
นี่ เรื่องที่อยากจะให้นึกไว้ทุกคน อย่าให้ลืมได้ก็คือข้อนี้ แล้วความสำคัญของวันนี้ก็คือสิ่งนี้นะ ฉะนั้นฟังเทศน์ก็ฟังให้ตายาย สวดมนต์ก็ให้ตายาย ให้ทานนี้ก็ให้ตายาย รับศีลนี้ก็ให้ตายาย ตั้งอกตั้งใจรับศีลให้ตายาย นะโม เรื่องตายาย ตักบาตรไปพลางกว่าจะเสร็จ
ประเพณีทำบุญเหมือนทำบุญตายาย นี่มันมีมาหลายร้อยปีหรือตั้งพันปี ฉะนั้นจะต้องนึกถึงแบบฉบับเดิม ๆ ไว้บ้าง เวลานี้ที่น่าเสียดายอยู่อย่างที่ว่า สวดพิมพิสารมันหายไป เพราะความขี้เกียจ ขี้เกียจของคนสวด ขี้เกียจของคนฟัง ธรรมเนียมสวดพิมพิสารก็หายไป หายไป มันควรจะทำให้มีขึ้นมาอีก แต่สวดให้ดี ๆ ให้มันน่าฟัง แล้วก็ช่วยกันฟัง คนมา มาก่อน มาฟังสวดพิมพิสาร จนกว่าจะถึงเวลานั่นแหละ นั้นปู่ย่าตายายเคยทำมา แล้วลูกหลานอวดดี แล้วไม่ทำ มันเลิกเสีย
นี่เป็นเรื่องที่ว่า อืม ไม่เป็นไปเพื่อ เพื่อความสุข เพื่อประโยชน์เพื่อความสุข สิ่งต่าง ๆ มันต้องทำให้ จริง ทำให้จริง ทำให้ถูกต้อง และให้จริง และมันก็รักษาจิตใจได้จริง คุ้มครองจิตใจได้จริง ทำให้มีความสงบสุขได้จริง ถ้าลูกหลานยังรักบิดามารดา ปู่ย่าตายายแล้วก็ ความสงบมันยังมี เวลานี้มันฆ่าฟันกันมากขึ้น เพราะมันไม่เคารพบิดามารดา ปู่ย่าตายาย คนเฒ่าคนแก่ เด็ก ๆ ก็เลย ฉุนเฉียว มุทะลุ ดุดันฆ่าฟันกันง่าย ๆ เหมือนกับไม่มีบิดามารดา ปู่ย่าตายายคุ้มครอง
ฉะนั้นช่วยกันทำให้จิตใจของเด็ก ๆ มีปู่ย่าตายาย มีบิดามารดา ปู่ย่าตายาย จะได้คิดนู้นคิดนี้ คิดหน้าคิดหลัง คิดคนนู้น คิดคนนี้ คิดบาปคิดกรรมได้ เวลานี้มันไม่กลัวบาปกลัวกรรมนะ เหมือนกับในสวดพิมพิสารนะ ไม่ได้กลัวแต่บาป ไม่ได้เกรง ไม่ได้ยำนี้ เพราะว่ามันไม่สวดพิมพิสารนั่นแหละ ถ้ามันยังสวดพิมพิสารกันอยู่ ใจมันยังเป็นสมัยเก่าอยู่ ไม่อย่างนั้น ฆ่าฟันกันน้อยแหละ
เดี๋ยวนี้ไม่มีใครนึกถึงความสงบสุข สมัยปู่ ย่า ตา ยาย เลยเอากันอย่างสมัยใหม่ ฆ่าฟันกันตายเป็นหมื่นเป็นแสน สงครามมีทั่วโลกกันเวลานี้ ที่รบที่ฆ่ากันเองมีอยู่ทั่ว ๆ โลก ตรงนู้น ตรงนี้ ตรงนั้น เป็นย่อม ๆ หมดเลย ที่เวียดนามก็มี ที่ตะวันออกกลางก็มี ที่ไหน ๆ ก็มี มีกระจุกกระจิก ไปเรื่อย หลายแห่ง
มนุษย์เห็นแก่ตัว ไม่ยอม ไม่ยินไม่ยอม ความที่มันใจกระด้างนะ ไม่มีคนเฒ่าคนแก่ ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีบุญ ไม่มีบาป สิ่งเหล่านี้มันแก้ได้ยาก มันต้องใช้เวลานาน เวลายาว เพราะผิดมันผิดมานาน ผิดมายาว ถ้าแก้ให้ถูก ก็ต้องนานต้องยาว บางทีเราตายเสียก่อนนะ ไม่ทันเห็นความสงบของมนุษย์นะ แต่ควรจะหวังกันไว้ว่า เมื่อมนุษย์มันฆ่าฟันกันหนักเข้า หนักเข้า มันก็เอือมเหมือนกันแหละ มันเอือมและก็มันมาหันมาข้างที่ว่า พูดจากัน ปรองดองกัน อะไรกัน ได้ ได้ ยุคหนึ่งแหละ แต่ว่าเราคงตายก่อนไม่ได้เห็นความสงบนั้น ยังอีกนาน
แต่ว่าเรานั้นแหละ พยายามช่วยทำเข้าเถอะ ถ้าเราไม่ช่วยทำกัน ไม่มีหวังกลับมา ช่วยทำบุญ ทำกุศล ช่วยชักจูงเด็ก ๆ ให้ทำบุญทำกุศล ช่วยทำไว้ให้เป็นแบบฉบับ นี่เมื่อก่อน ถ้าทำบุญตายาย มากันหมด มาพูดมาจามาฟังกันอะไร นี่ไม่มีใครมาเสียแล้ว ยิ่งเด็ก ๆ หรือผู้ชายแหละยิ่งไม่ค่อยจะมานะ เด็กรุ่น ๆ ไม่ค่อยจะมาแล้ว นี่มันจะไกลไปทุกที ไกลไปทุกที มันต้องชักชวนให้มาหรือต้องไปพูดให้ฟัง ให้นึกถึงว่าวันนี้ปู่ ย่า ตา ยาย แหละ สวดพิมพิสารนั้นว่า เปรตมา ก็ที่ทำบุญนี่มาดูว่าลูกหลานของเรามาหรือไม่มา ลูกหลานของเรามาแล้วก็ให้พร ลูกหลานของเรา ไปชนไก่ กัดปลา เล่นโปกันเสีย ไม่มาก็แช่ง ด่าให้มันฉิบหายเลย นี่ ในสวดพิมพิสารมันว่าแบบนั้นแหละ ถ้าทำได้แบบนี้มันก็ดีแหละ รู้จักกลัวกัน
เอาเสร็จแล้วเอาวางหน้าพระตามลำดับ เอาไว้ก่อน ไว้ก่อน ถวายก่อน ไว้ตรงนั้นก่อน เตรียมถวาย เตรียมถวายทาน บาตรไว้ตรงนั้นก่อน เตรียมถวายทาน ทางกายเอาน้ำมากรวด นี่ว่าอุทิศทางกาย ทางวาจาว่า ยังกิญจิ อิมินา เป็นต้น นี่ก็กรวดน้ำทางวาจา แต่ว่าเวลานี้เป็นเวลาที่กรวดน้ำด้วยใจ คือในใจจะต้องนึกให้เหมือนกับพระกำลังว่า ยถา วาริวหา เป็นต้น ว่าเมื่อฝนตกลงมาในที่ดอน มันย่อมไหลไปหาที่ต่ำ การมันไหลไปมันก็เต็มไปตามลำดับ ลำดับ ทำให้หลุมเล็ก ๆ เต็ม ไหลไปในร่อง ร่องเต็ม ไหลในลำธาร ลำธารเต็ม ลำธารเต็มก็คลองเต็ม คลองเต็มก็แม่น้ำเต็ม ปากอ่าวเต็ม ทะเลเต็ม มหาสมุทรเต็ม
ให้ทำในใจชนิดนี้ ว่าผลทานในวันนี้ จงถึงแก่ญาติทั้งหลาย มีบิดามารดาโดยตรงเป็นต้นก่อนผู้ล่วงลับไปแล้ว เต็ม แล้วจึงไหลไปยังญาติทั้งหลาย ห่างออกไป ห่างออกไป ห่างออกไป จนเต็ม แล้วไปยังกับผู้มิใช่ญาติ กระทั่งผู้เป็นศัตรู กระทั่งสัตว์ทั้งหลาย ในสากลจักรวาลทั้งสัตว์มนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน หรือว่าเทวดา หรือพรหม ให้หมดเลยนะ คำว่า ยถา วาริวหา มีใจความว่าอย่างนี้ เราทำในใจชนิดนี้ เรียกว่ากรวดน้ำด้วยใจ ให้กรวดน้ำครบทั้งกายทั้งวาจาทั้งใจ ให้รินน้ำ ให้ว่า ยังกิญจิ แล้วให้อธิษฐานอุทิศส่วนกุศลด้วยใจด้วย และทั้งหมดนี้ในวันนี้ให้ตายาย
(53.04).....เริ่มสวด ยถา วาริวหา....
(53.06 คุณหมอ).. ถึงเบื่อก็ต้องทนเบื่อ นะฮะ เราต้องทนฟังเพราะว่า อาจารย์ได้ขอร้องให้พระฉันช้า ๆ หน่อย แล้วก็ปิ่นโตยังไม่คืน เป็นอันเพื่อเป็นการฆ่าเวลาในระยะนี้ กระผมขอเพิ่มเติมต่อไปเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่ง ๆ พี่น้องทั้งหลายกำลังได้รับบริการจาก ฝ่ายเจ้าหน้าที่อนามัย คือการฉีดวัคซีนป้องกันอหิวาต์ ไอ้เรื่อง ผมได้กล่าวแล้วว่า สุขภาพอนามัยนั้น เราสามารถจะทำได้เอง เราช่วยเหลือตัวเองได้ นอกจากนั้นแล้ว ทางการยังสามารถช่วยเหลือให้พวกเราได้อีก ที่ทางการช่วยเหลือให้พวกเราก็คือการฉีดวัคซีนที่เห็นนั่นแหละ
โรคอหิวาต์เป็นอย่างไรนั้น ผมแทบจะไม่ต้องอธิบายได้แล้ว เพราะว่าพวกเรารู้กันหมดเดี๋ยวนี้ แต่ว่ารู้แต่ชื่อ ได้ยินแต่ชื่อ ส่วนคนเป็นอหิวาต์นั้น เดี๋ยวนี้ชักจะหายากเสียแล้ว หายากเสียแล้วเฉพาะบ้านเรานะครับ แต่ยังไม่หมดไปจากประเทศไทย นะฮะ ยังมีอยู่เสมอ ยังมีอยู่ อยู่แทบทุกปีล่ะครับ แต่ว่ามันไม่มาก ไอ้ที่ไม่มากก็เพราะอะไร ก็เพราะการป้องกันของเรานั่นแหละครับ โดยการฉีดวัคซีนป้องกัน เผื่อให้เพื่อให้เรามีความต้านทานต่อโรคนี้สูงขึ้น และด้วยความโดยการป้องกันของเราโดยการรู้จักรักษาความสะอาด ต่าง ๆ เพราะว่าตัวอหิวาต์นั้น มันมีติดต่อมาถึงคนที่ไม่เป็นน่ะ จากคนที่เป็นมาถึงคนไม่เป็นได้ทางอุจจาระ นะฮะ ได้ทางอุจจาระ ได้กับทางอาเจียนของผู้ป่วย ซึ่งจะไปได้ทางน้ำทางอาหาร โดยสุดท้ายก็มาเข้าปาก เมื่อเรารู้ทางเดินของมันอย่างนั้น เราก็กันกันได้ นั่นโดยเราป้องกันเอง ที่ทางเจ้าหน้าที่ป้องกันก็คือการมาฉีดวัคซีน
เมื่อการป้องกันสองอย่างนี้มารวมกันแล้ว จึงทำให้พี่น้องชาวไชยาทั้งหลาย จึงไม่ค่อยได้เห็นหน้าตาของคนเป็นอหิวาต์สมัยนี้ นะฮะ ถึงแม้ว่าเป็นก็รักษากันทัน รักษากันหายได้ เพราะฉะนั้น ผลที่เกิดขึ้นมาอย่างนี้ ก็เนื่องจากการป้องกันที่ผมได้กล่าว เพราะฉะนั้นเราจึงทิ้งเสียไม่ได้ซึ่งการฉีดวัคซีน และการป้องกัน ถ้าไม่นั้นแล้ว เมืองไทยเราจะต้องเป็นบ้านแห่งอหิวาต์เช่นเดียวกับที่อินเดีย ที่เป็นอยู่เดือนนี้ นะฮะ
ฉะนั้นขอให้พวกเราจงได้ช่วยเหลือกัน ให้ความร่วมมือฝ่ายผมด้วยครับ หมายความทั้งผู้ให้และผู้รับมีจุดประสงค์อันเดียวกัน นะฮะ เพื่อป้องกันอย่างเดียวกัน เพื่อสุขภาพอนามัยเดียวกันแล้ว การทำงานอะไรต่าง ๆ ก็สบาย ที่ผมได้มาฉีดวัคซีนอหิวาต์วันนี้อีก ก็เพราะว่า อหิวาต์เมืองไทยยังไม่หมด ที่ผมได้ว่างได้กล่าวมาแล้ว แม้แต่จังหวัดสุราษฏร์ฯเอง ก็มีอยู่ตั้งยี่สิบกว่ารายที่ตรวจเชื้อพบเมื่อเดือนที่แล้ว
อหิวาต์เดี๋ยวนี้ไม่ได้มีเป็นสมัยไม่ได้มีเป็นฤดูกาล เหมือนกับสมัยก่อนแล้วครับ บ้านเมืองมันเปลี่ยนแปลง สมัยก่อนพอขึ้นหน้าร้อน แล้วจะเป็นอหิวาต์ แต่สมัยนี้อาจเป็นได้ทั้งปี นะฮะ เพราะการคมนาคมของคนมันเจริญมาก คนเราติดต่อ ไปไหนก็ไปไหนกันได้แยะ ไอ้คนที่หายแล้วไม่ทันหายดีไปเที่ยว ไปเที่ยวเมืองอื่น พาเชื้อโรคไปเผยแพร่ให้ที่อื่นได้ เพราะบ้านเมืองเรายังไม่มีส้วมซึมใช้อย่างที่ผมว่าแหละครับ เพราะฉะนั้นจึงป้องกันไว้ดีกว่าแก้เสมอ
การฉีดวัคซีนครั้ง ๆ หนึ่ง ป้องกันได้เพียงสี่เดือน ซึ่งบน หลังจากสี่เดือนหรือหลังจากหกเดือนนะครับ หลังจากหกเดือนแล้ว ความต้านทานจะลดน้อยลง เพราะฉะนั้นการฉีดวัคซีนอหิวาต์ จึงต้องฉีดกันอยู่บ่อย ๆ เพราะฉะนั้น ขอให้พวกเราอย่าได้เบื่อ นะฮะ อย่าได้เบื่อหน้าพวกผม ที่เวลาไปไหนแล้วก็มีแต่เข็มกับวัคซีนแหละครับ มันจำเป็น สำหรับเพื่อสุขภาพอนามัยของเรา นะฮะ นี่ผมขบจบไปหนึ่งรายการเรื่องอหิวาต์ เอาเพียงย่อ ๆ แค่นี้นะครับ
ทีนี้ไอ้ที่ผมอยากจะมาพูดกับพี่น้องทั้งหลายให้มากขึ้นอีกสักนิดหนึ่ง ก็จะพูดถึงศัตรู Number ศัตรูหมายเลขหนึ่ง หรือทหารเอกของพญายมราช ที่ส่งมาคร่าชีวิตมนุษย์เรา นะฮะ แล้วถักแต่ว่าเราไม่รู้สึกกลัว เพราะเราไม่ได้เห็นหน้าตามันอย่างชัดเจน ฉะนั้นวันนี้ผมอยากจะหยิบยกหรือว่าให้พวกท่านพี่น้องทั้งหลาย ได้เห็นหน้าตาของ ของศัตรูของเราตัวนี้บ้าง ว่ามันอยู่อย่างไร เป็นอย่างไร แล้วเรายังจะเลี้ยงมันไว้อีกหรือ นะฮะผมจะพูดแค่นั้นแหละ
ฉะนั้นว่า ชี้ว่าพวกเราเลี้ยงศัตรูตัวนี้ไว้ในตัวก็เราไม่ค่อยรู้จักกัน ถ้าเรารู้จักกันดีแล้ว ไม่มีใครหรอกครับจะเลี้ยงเสือไว้ในบ้าน ฉะนั้นวันนี้ ถ้าไม่ให้เสียเวลาเกินไป ก็ขอพี่น้องทั้งหลาย โปรดรับฟังเถอะครับ เรื่องพยาธิปากขอ นะฮะ
พยาธิปากขอนี้เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งแหละครับ โดยเฉพาะของทางใต้ ที่ดินกลางอากาศชื้นแฉะแบบนี้ เป็นที่ระบาดได้ง่าย แล้วมีมาก ที่ผมพูดไม่ใช่ต้องการจะขู่พี่น้องทั้งหลายให้กลัวเกินไป แต่เรื่องจริงที่ผมได้พบมา แล้วผมได้ตรวจอุจจาระของพี่น้องชาวบ้านเรานั่นเองแหละ ไม่ไกลที่ไหนคือหมู่บ้านนกแก้ว ที่ใกล้ ๆ นั่นแหละครับ ตรวจจริงและพบไข่ของพยาธิจริง ๆ ที่มีอยู่ในเด็กร้อยคน พบ ๓๘ คน ก็หมายความว่ามีไม่น้อยแล้ว ขนาดเกือบครึ่ง แล้วหมู่บ้านอื่นอาจจะมากกว่านี้ก็ได้
เพราะฉะนั้น เรื่องอย่างนี้ มัน เราน่าจะคิดกันเพื่อ จะกำจัดหรือหลีกเลี่ยงเสียได้แล้ว เพราะว่ามันเกิดมากเหลือเกิน แล้วเราไม่รู้ เพราะว่าเรา มันค่อยเป็นค่อยไป เราไม่ค่อยรู้ เราถึงไม่กลัว แล้วเราไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร เราจึงเลี้ยงพยาธิปากขอของเรา เลี้ยงพยาธิปากขอไว้ในท้องเราอยู่เสมอ เพราะเราไม่รู้เราจึงเลี้ยงไว้ แล้วการที่เราไม่สบายเจ็บไข้ได้ป่วย หน้าซีดเซียว ทำงานไม่ค่อยได้นั่นแหละ มันจะเป็นผลร้ายต่อเศรษฐกิจของเราอย่างไร
เพื่อนทำงานได้วันละ ๒๐ บาท เราทำงานได้วันละ ๑๐ บาท มันจะคุ้มกันที่ไหน ในเมื่อรายจ่าย ก็ต้องนุ่งผ้า ใช้กางเกงตัวเดียวกันเหมือนกัน นะฮะ ราคากางเกงที่เราใส่ คนที่สมบูรณ์ก็ใส่ตัวละ ๘๐ บาท คนที่เป็นโรคพยาธิปากขอก็ใส่ตัวละ ๘๐ บาท แต่คนเป็นโรคพยาธิปากขอนั้น ทำงานได้ครึ่งหนึ่งของเพื่อน หรือทำแทบจะไม่ได้เลยอย่างนี้ แล้วดูซิว่า เราจะอยู่ลำบากแค่ไหน ถ้าเราคิดให้คุ้ม นะฮะ มันไม่ได้ถึงตาย ปุบปับทันทีเหมือนอหิวาต์หรอกครับ แต่มันค่อยเป็นค่อยไป
ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น ผมจะได้เผยโฉมหน้าชีวิตของพยาธิปากขอให้พวกเราดู นะฮะ ว่ามันอยู่เป็นอย่างไร ทีนี้มัน เสียดายครับนี่มันไม่ใช่ห้องเรียน คุยยาก เพราะผมมีแผ่นนี้ ถ้าจะให้ดูกันก็ดูยาก เพราะฉะนั้นผมกลายเป็นว่า ผมวาดภาพให้พี่น้องทั้งหลาย ดูเอาแล้วกัน เป็นกลายเป็นว่า ผมดูแผ่นนี้คนเดียว นะฮะ เราหันดูกันยากครับ
อ่า ตัวพยาธิปากขอนั้น ลักษณะเหมือนกับ อ่า ยาว ๆ รี ๆ เหมือน เท่าของจริงเท่ากับเม็ดข้าวเปลือก นะครับ มีลักษณะเท่ากับเม็ดข้าวเปลือก มีทั้งตัวผู้และตัวเมีย อยู่ในลำไส้เล็ก อยู่ในลำไส้เล็กของคนเราที่เป็นพยาธิปากขอ แล้วมันอยู่ได้อย่างไร พยาธิปากขอนั้น ปากมันลักษณะเหมือนปลิง นะฮะ ดูปลิงเกาะที่เราเกาะฉันใด ตัวพยาธิปากขอ ก็เกาะที่ลำไส้ของเราภายในลำไส้ของเรานั้นฉันนั้น นะฮะ แล้วปลิงก็ดูดเลือดจากตัวเรากิน พยาธิปากขอตัวทั้งตัวผู้และตัวเมียที่เกาะอยู่ในลำไส้ของเรา ก็ดูดเลือดของเรากินจากลำไส้เราเช่นเดียวกัน
แต่พยาธิปากขอนั้น มีนิสัยที่เลวร้ายยิ่งกว่าปลิงไปอีก ก็ตรงว่า ปลิงนั้นเมื่อกินอิ่มแล้วมันหลุด มันพอ นะฮะ ปลิงนั้นเมื่อกินอิ่มแล้วมันหลุดจากเราแล้วมันพอ แต่พยาธิปากขอ มีความละโมบมาก ไม่ยอมรู้จักพอ จะเกาะลำไส้เรา กินเลือดเราใช้อยู่เรื่อยไป ไม่ยอมหลุด นะฮะ ไม่ยอมหลุดแล้วก็ถ่ายออกมาเป็นไข่ จะมีไข่ของมันที่ผสมพันธุ์เรียบร้อยแล้ว ไข่ของมันออกมาทางอุจจาระ นะฮะ ไข่ของมันหลุดออกมาทางอุจจาระ มาอยู่บนพื้นดิน เป็นระยะตัวอ่อนเพียงไม่กี่วัน ต่อจากนั้น ก็ขยายเป็นตัวแก่แตกออกจากไข่ ตัวแก่ที่แตกออกจากไข่นั้นเราไม่สามารถจะมองเห็นได้ อยู่บนผืน อยู่บนผิวพื้นดิน ที่แฉะ ๆ อย่างที่ท่านไปนั่งถ่ายอยู่ข้างบ้าน ซึ่งไม่มีส้วมซึม
ท่านที่เป็นพยาธิปากขอทั้งหลาย จะมีตัวอ่อน ตัวอ่อนที่เรามองไม่เห็นอยู่บนพื้นดิน แล้วตัวอ่อนนั้น จะไชเข้าไปในง่ามเท้าของคนที่ไม่เป็น หรือคนที่เป็นแล้วนั่นแหละครับ จะไชซ้ำเข้าไปอีก นะฮะ หรือคนอื่นที่ไม่เป็น สมาชิกในครอบครัวที่ยังไม่ได้เป็น ลูกเด็กเล็กแดงที่พึ่งคลอดมาได้ ใหม่ ๆ พออายุ ๑ ปี ๒ ปี หรือ ๓ ปี เที่ยวเดินเล่น ไปแถวนั้น มันก็ไชเข้าง่ามเท้าเข้าไปอีกแล้ว คนที่ไม่เป็น ก็ต้องเป็นต่อไปอีก คนที่เป็นแล้ว ก็จะได้รับพยาธิปากขอเพิ่มเข้าไปอีก
โดยไชเข้าทางง่ามเท้า ทางที่ผิวหนังที่เท้า เข้าไปสู่ หลอดเลือดดำแล้วไปอยู่ที่ปอด ไปเจริญเติบโตเป็นตัวใหญ่ ที่ปอด ออกจากปอดมาเข้าหลอดลม คลานจากหลอดลมมาออกที่คอเรา มาถึงสี่แยกนั้น จะลงหลอดอาหารอีกต่อไป เพราะหลอดลมอยู่หน้าหลอดอาหาร ถ้าเราลองคลำลูกกระเดือกของเราดูเถอะครับ มันคลานขึ้นมาที่ลูกกระเดือก แล้วกลับไปทางหลอดอาหารที่อยู่หลังลูกกระเดือก แล้วลงไปจุติ ไปทำมาหากิน ไปตั้งหลักฐานอยู่ที่ลำไส้เล็กอีกต่อไป ไปดูดเลือดที่ลำไส้เล็กของเราอีกต่อไป แล้วตัวอื่น ๆ ก็ไข่ แล้วก็โตขึ้นมาก็ไข่ออกลำไส้เรา เอ้ย ออกทางอุจจาระเราอย่างนั้น ทุกวัน ทุกวัน จนไข่ในอุจจาระมีเป็นร้อย ๆ นะฮะ เป็นร้อย ๆ ใบ แล้วเราก็จะติดต่อกันอย่างนั้นอยู่เรื่อยไป
ทีนี้มันอันตรายมีอะไรบ้าง วงจรชีวิตที่ผมพูดมาพอจะเข้าใจนะครับ ว่าออกจากอุจจาระ แตกเป็นตัว อยู่พื้นดิน แล้วไชเข้าง่ามเท้ามนุษย์เราต่อเข้าไปอีก แล้วไปตั้งหลักฐานดูดเลือดเราใหม่ แล้วก็ไข่ออกลูกออกหลานมาอีก ทำให้ชีวิตปริมาณพลเมืองของมันน่ะ ในลำไส้เราเพิ่มขึ้นทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน นะฮะ แล้วเราก็รู้อยู่แล้วว่าพวกนี้ไม่ทำมาหากินอะไร นะฮะ กินเลือดของเราแท้ ๆ แล้วเลือดของมนุษย์แต่ละหยดนั้นมันมีความหมาย นะฮะ เลือดมนุษย์เรานั้น มันมีความหมาย
เรามีเม็ดเลือด ในร่างกายเรานั้นเป็นจำนวนจำกัด นะฮะ แล้วเม็ดเลือดนั้น มันมีชีวิต พอ ๗ วัน เราก็สร้างเม็ดเลือดใหม่ เม็ดเลือดนั้นมันตาย แล้วมีจำนวนอยู่ในวงจำกัด คนหนึ่งมีประมาณ เท่าไหร่ เท่าไหร่นั้นมันวงจำกัด แล้วเลือดเรา รวมทั้งเม็ดเลือดและน้ำเหลืองอะไรทั้งหมดนะ มันก็มีจำนวนจำกัด นะฮะ คนหนึ่งมี ๘ เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว เพราะฉะนั้น เมื่อเราเสียเลือดเข้าไป ไม่ต้องมากมายเพียง ๒-๓ ลิตร เราก็จะตายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเลือดแต่ละหยด ผมจึงได้ว่ามีความหมายสำหรับชีวิตเพราะอะไร ก็เพราะอย่างนี้แหละครับ แล้วเราก็ปล่อยให้พยาธิปากขอตัวนี้นะฮะ แล้วก็หลาย ๆ ตัว ดูดเม็ดเลือดของเรากินทุกวัน ทุกวัน ในลำไส้ของเรา นะฮะ
แล้วเราจะมีอาการอะไรบ้าง ก็มีอาการเหมือนกับพวกที่โลหิตจางทั้งหลายนั้นแหละครับ เป็นอาการของพวกที่เสียเลือดทั้งหมด โดยเฉพาะทางเข้าของมันตามง่ามเท้า ตามเท้านี้มักจะคัน นะฮะ แล้วนอกจากนั้น ก็อาการใหญ่ก็คือเรื่องโลหิตจาง ซึ่งเราไม่สามารถ ไม่มีกำลังวังชาจะทำงานได้เหมือนคนอื่นเขา จะเวียนศีรษะ จะมีลมออกหู อะไรหมดทุกอย่าง ดูง่ายว่าซีด เราดูง่ายคือซีดเซียวอย่างกระดาษ ลงสุดท้ายก็จะซีดเซียวอย่างกระดาษ แล้วลงสุดท้ายก็คือตาย
แล้วให้น้องทั้งหลายก็เห็นแล้วว่า นี่แหละครับ ความ ความทารุณโหดร้ายของพยาธิปากขอนั้นเป็นอย่างไร นะฮะ กินไม่รู้จักพอ ดูดเลือดเราทุกวัน ทุกวัน เพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อย วันครั้งแรกก็มีจำนวนน้อยก็ดูดกันเสียเราเสียเป็นวันละหยด ทีหลังก็ ๒ หยด ๓ หยด วันละเสียหลาย ๆ หยด พอนาน ๆ เข้า เราก็ เม็ดเลือดไม่พอที่จะบำรุงร่างกายเรา เม็ดเลือดนั้น มีความหมายสำหรับเรามาก เพราะเม็ดเลือดเป็นตัวพาหนะ หรือเป็นรถสำหรับขนอาหาร จากลำไส้เรา ไปแจกจ่ายให้อวัยวะของเราทั้งหมดในร่างกายสำหรับให้เราทำงานได้
เมื่อเราไม่มีเม็ดเลือดเท่ากับเราไม่มียานพาหนะสำหรับนำอาหาร ไปสู่เลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ของเราได้ เราก็ต้องตาย เราก็ต้อง เท่ากับว่าเราถอดชีวิต นะฮะ ถ้าคนที่เลี้ยงพยาธิปากขอไว้ ก็เท่ากับว่าเป็นผู้ที่ทอนชีวิตให้ยมบาลไปวันละเล็กวันละน้อย โดยจ่ายเลือดให้แก่ โดยยมบาลส่งศัตรูของมันมาไว้ในตัวเรา แล้วก็ขอเม็ดเลือดเราไปวันละนิดวันละหน่อย ขอไปเรื่อย ๆ เราก็ผ่อนส่งชีวิตให้ไปเรื่อย เท่ากับว่าเราตายอย่างผ่อนส่ง พอถึงครั้งสุดท้าย ถึงเลือดสุดท้าย ยมบาลก็เอาตัวเราไปเลยครับ
นี้อย่างนี้แล้วเรา ถ้าได้ฟังอย่างนี้แล้ว คนที่เป็นพยาธิปากขอนั้น ถ้ารู้เรื่องแล้วว่าเราเป็นพยาธิปากขอนี้ ยังจะมีวันเลี้ยงศัตรูของเราไว้เป็นมิตรคู่ชีพในร่างกายเราอีกหรือครับ ถ้าท่านทั้งหลายคนที่รู้แล้วว่าใครเป็นพยาธิปากขอ นะฮะ ยังเลี้ยง ยังคบมันไหวหรือครับ นอกจากมันกินเลือดของเราแล้ว ไม่มีอะไรที่จะเป็นบุญคุณเรา ที่จะให้ประโยชน์แก่เราแม้แต่นิดเดียว นอกจากคร่าเอาชีวิตเราไป เพราะฉะนั้น พี่น้องทั้งหลายถ้าได้ฟัง นี่แหละครับศัตรูหมายเลขหนึ่งของพญายมราช เอ้อ ของเราที่พญายมราชส่งเข้ามาคร่าชีวิตเรา แล้วถ้าท่านทั้งหลาย พอจะเข้าใจว่าพยาธิปากขอนั้น มีความรุนแรงมากน้อยแค่ไหนแล้ว ลองคิดสิครับว่าหาวิธีป้องกันกันบ้าง แล้วหมอก็จะช่วยเต็มที่
ถ้าพี่น้องทั้งหลาย ไม่พยายามที่จะช่วยตัวเองกันบ้างแล้ว ถ้าพวกเราทุกคนไม่พยายามจะช่วยตัวเอง หวังแต่พึ่งคนอื่นทุกอย่าง แม้แต่กระทั่ง ยาก็ให้เขามาให้ ขอร้องให้สร้างส้วม ให้เขาสร้างให้ด้วย อย่างนี้มันจะ ขอประทานโทษนะฮะ นี่ขอพูดกันในฐานะที่ เป็นผู้ที่ว่า มีความคิดเห็นในแนวเดียวกัน ผมได้กล่าวแล้วว่า ถ้าเรามีจุดประสงค์อันเดียวกันแล้ว เราก็พูดอะไรกันได้เต็มที่ เมื่อพี่น้องทั้งหลาย อยากให้สุขภาพอนามัยดีแล้ว ตรงกันทางความคิดเห็นของหมอแล้ว ผมก็จะได้พูดได้เต็มที่ในระหว่างเราพี่น้องด้วยกัน ที่มีความคิดเห็นเช่นเดียวกัน ฉะนั้น อย่างได้ถือในการกล่าวของผมเลยครับ ขอรับฟังเถอะว่า ถ้าพี่น้องทั้งหลายไม่ช่วยตัวเองแล้ว นะฮะ แล้วใครล่ะครับจะไปช่วยท่านได้กันถึงขนาดไหน นะฮะ ขอให้ท่านช่วยตัวเองด้วย แล้วคนอื่นก็จะช่วยท่านตามหลัง นี่เป็นหลักสำหรับการออก หลักการปฏิบัติงานของพวกผม ที่ออกปฏิบัติงานที่หนึ่งที่ใดก็ตาม กระผมได้บอกแล้วว่าสุขภาพอนามัยนั้น เราสามารถทำได้ ว่าพี่น้องทั้งหลายไม่ช่วยกันทำบ้าง แล้วพวกอื่น คนอื่น หมอจะช่วยได้อย่างไร
ทีนี้เมื่อรู้วงจรชีวิตของมันดีแล้ว ว่าพยาธิปากขอนั้น เดินทางมาสู่เราได้ ประตูเดียวเท่านั้น คือประตูอุจจาระ นะฮะ มันออกทางอุจจาระของมนุษย์ นะฮะ แล้วมาเข้าสู่คนอื่น เพราะฉะนั้นเราปิดประตูนี้ด้วยเถอะครับ ปิดให้ตาย ประตูอุจจาระก็คือปิดให้ตายโดยการสร้างส้วมซึม ซึ่งผมไปไหนพูดแต่เรื่องส้วมซึมกันตลอดรายการ จนบางท่านก็บอกว่าหน้าของหมอจะเป็นส้วมไปเสียแล้ว ไอ้ผมก็ยอมทนครับ เพราะว่าเรื่องส้วมนี้ ผมไปที่ไหนพูดทุกครั้ง
เพราะว่าส้วมซึมเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องสำคัญ สำหรับการป้องกันโรคไม่ใช่เฉพาะพยาธิปากขออย่างเดียวเท่านั้น แม้แต่โรคอหิวาต์ โรคอะไรก็ตามที่ติดต่อทางเดินลำไส้ ที่ติดต่อออก ที่ออกมาจากอุจจาระแล้ว ส้วมซึมสามารถจะกำจัดได้หมด ส้วมซึมสามารถจะป้องกันได้หมด เพราะส้วมซึมนั้นเป็นส้วมที่เก็บอุจจาระไว้ข้างใน นะฮะ อุจจาระไม่สามารถจะโผล่ขึ้นมาข้างบนได้ แล้วพี่น้องทั้งหลาย คิดดูเถอะว่า เราควรจะสร้างไหมล่ะ ส้วมซึม
นอกจากกันพยาธิปากขอได้แล้ว สามารถกันได้ทุก ๆ อย่าง หลายโรค แล้วเรา แล้วเราจะได้จัดการเรื่องพยาธิทั้งหลาย เป็นต้น พยาธิตัวกลม พยาธิปากขอ ที่มันมารังแกเรานั้น เราจะได้จัดการกับมันให้สาสม นะฮะ พวกที่มารังแกเรา เราก็จะได้จัดการฝังไว้ในหลุมเป็นต้นว่า เป็นทำนองว่าเราจะได้ให้มันตกนรกลงไปเสีย อย่าได้ผุดมาเกิดบนพื้นดินเลย อย่ามาอยู่กับ ร่วมกับโลกมนุษย์เลย อะไรทำนองนั้น ให้พวกนี้มันจะอยู่ในดินเสีย การที่อยู่ในดิน ก็อยู่ได้แบบส้วมซึม เป็นวิธีที่ดีที่สุด
ฉะนั้นถ้าพี่น้องทั้งหลายฟังอย่างนี้แล้ว นะฮะ ที่ผมได้แหกปากตะโกนออกมานี้ ถ้าหากว่า พอจะเข้าใจได้บ้าง แล้วก็น่าจะลองคิดนะฮะ บรรดาคนที่เป็นพยาธิปากขอทั้งหลาย แล้วใครจะเป็นหรือไม่เป็นนั้น ใครจะเป็นหรือไม่เป็นนั้น เจ้าหน้าที่ผมมี ถ้าพี่น้องคนไหนสงสัยว่าจะเป็นพยาธิปากขอ เห็นหน้าซีด ๆ เซียว ๆ แล้ว หรือลูกหลานคนหนึ่งคนใดสงสัยว่าจะเป็นแล้ว เก็บอุจจาระเถอะครับ เก็บอุจจาระ ไปให้เจ้าหน้าที่ผมที่สถานีอนามัย นะฮะ เขาจะตรวจแล้วบอกให้ท่านได้เลย ว่ามีพยาธิปากขอหรือไม่
นี่ยินดีบริการทำให้เสมอโดยไม่คิดมูลค่าใด ๆ ทั้งสิ้น ในการตรวจ แต่ว่าการรับยานั้น รู้สึกว่าจะต้องจ่ายเงิน นะครับ เพราะว่า จะบริการทุกอย่างก็บางทีก็สุดวิสัย นะฮะ แม้นว่าถ้าพี่น้องทั้งหลายนึกแล้วกลัวก็อย่ากลัวให้เกินไป ถ้าสงสัยเอาอุจจาระไปตรวจ ถ้าเป็นแล้วก็รักษา ไปรักษาอย่างที่ผมว่าแหละครับ เอายามาฆ่าพยาธิตัวนี้ เอายามาบำรุงร่างกาย แต่พี่น้องทั้งหลายยังไปถ่ายตามพึงพอใจ ไม่มีส้วมซึมแล้ว ผมว่าเอายามาสักกระบุงก็ไม่พอ เพราะพี่น้องทั้งหลายจะต้องได้รับเชื้อใหม่เข้าไปอยู่เรื่อย กินยาเข้าไปก็ค่อยยังชั่ว แต่แล้วพี่น้องทั้งหลายก็ได้รับเชื้อเข้าไปอีก แล้วเป็นอีกอย่างนี้ เขาเรียกว่าทำแบบคนโง่ ๆ ขอประทานโทษใช้คำหนักไปนิด คือเรียกว่าไม่ถูกต้องก็แล้วกัน ทำแบบคนมีปัญญาน้อยหน่อย นะฮะ เอากันให้ถูกต้องเถอะครับ ถ้าจะรักษากันจริงจัง นะฮะ
นี่ผม นอกจาก อันนี้พอพูดถึงส้วมแล้ว ผมก็อยากจะเลยเถิดไปสักนิดหนึ่งว่า ส้วมนั้นมันมีประโยชน์อย่างมหันต์ ถ้าผมจะเทิดทูน เทิดทูนเกียรติคุณของส้วมแล้ว นั่งพูดกันได้นาน นะฮะ เพราะเรื่องส้วมซึมนั้น พวกเราทั้งหลายไม่ค่อยมีใครอยากจะพูด ไม่อยากจะเอ่ยถึง อย่าว่าจะพูดเรื่องส้วมเลย พูดเรื่องการถ่ายอุจจาระ ก็ไม่อยากพูด ไม่อยากจะฟัง แต่เป็นเรื่องที่ผมจะต้องพูด และก็อยากจะพูดอยู่เสมอ เพราะว่าส้วมซึมนั้น นอกจากประโยชน์ทางพยาธิที่ผมได้กล่าวทางเชื้อโรคต่าง ๆ แล้วนะครับ
ขอประทานโทษครับอีกนิดเดียว นะฮะ นอกจาก มีประโยชน์ทางโรคแล้ว ส้วมซึมยังมีประโยชน์ด้านความสะดวก ซึ่งใคร ๆ ก็รู้ แต่ทำไมเราไม่สร้างผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อธิบายไม่ถูก นะฮะ ด้านความสะดวก เป็นต้นว่า ไม่ต้องไปไกล เราสร้างไว้ใกล้บ้าน ฝนฟ้าตกเราไม่ต้องเดินไปไกล นะฮะ แล้วไม่ต้องถูกคนทำร้ายร่างกาย ไม่ต้องคนถูกยิง กัด เอ้ย ถูกไม่ต้อง ไม่ต้องถูกยิงเมื่อตอนไปถ่ายอุจจาระอย่างนี้ มันง่ายที่สุด แล้วไม่ต้องถูกงูกัด เมื่อไปถ่ายอุจจาระ เพราะไอ้เรื่องนี้ เป็นเรื่องจริง ที่ผมได้พบเห็นมา
มีผู้หญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งผมไม่เอ่ยนาม ถูกงูกะปะกัดที่ตะโพก เมื่อผมถามว่าทำไมงูกะปะกระโดดกัดได้ถึงตะโพก ก็ปรากฏว่าไปนั่งถ่ายอุจจาระ เพราะไม่มีส้วมซึมนั่นเอง นะฮะ นี่ความเกิดประโยชน์ได้ง่าย ความสะดวกสบาย ซึ่งไม่เกี่ยวกับโรคก็ต้องมีแยะ นะฮะ ไม่ถูกไม่ถูกฉกชิงวิ่งราว เมื่อออกไปถ่ายอุจจาระ นอกนั้น ยังกันโรคอื่น ๆ ได้อีก นะฮะ
ท่านพี่น้องทั้งหลายคิดดูเถอะว่า ถ้าเราไม่มีส้วม เราถ่ายกันแบบที่ว่าต้องแอบกันถ่าย ต้องรีบทำ นะฮะ เพราะการถ่ายอุจจาระ ใคร ๆ รู้แล้วว่าไม่ใช่ของที่ต้องทำประเจิดประเจ้อได้ มันต้องปิดบัง เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่มีส้วมเราต้องใช้กำบัง เขาเรียกว่าส้วมทุ่งนา หาที่กำบังนิด ๆ หน่อย ก็ต้องรีบกันทำ รีบกันถ่าย นี่การรีบทำรีบถ่าย แบบถ่ายอุจจาระนั้น ไม่ถูกต้องแน่ ไม่เชื่อลองถามท่านอาจารย์ดูสิครับ คนเราถ้ารีบเบ่งอุจจาระ พระว่าอาบัติ นะฮะ ผิดวินัย เหมือนกันล่ะคับ เพราะฉะนั้น ถ่ายอุจจาระเรารีบเบ่งไม่ได้ ถ้ารีบเบ่งแล้วอาบัติ แต่ถ้าพูดถึงในแง่หมอ ถ้ารีบเบ่งมันให้โทษครับ รีบเบ่งแล้วให้โทษ จะเกิดริดสีดวงทวารกันได้ง่าย เลือดจะไปคลั่งที่ ที่ทวารหนักมาก
ที่นี้ถ้าเราไปแอบถ่ายอย่างนั้น ซึ่งไม่มีส้วม เราจะไม่รีบเบ่งได้อย่างไรล่ะครับ มันต้องรีบเบ่งเดี๋ยวคนจะมาเห็นเข้า เดี๋ยวคนโน้นจะเดินมา เดี๋ยวคนนี้จะเดินมา เพราะฉะนั้นประโยชน์ของส้วมซึมยังมีอีกตั้งหลายอย่างครับ นี่เราจะได้เข้านั่งถ่ายได้สบาย ไม่ต้องรีบไม่ต้องเบ่ง ปล่อยให้มันออกเองตามธรรมชาติ นะฮะ ช่วยกันนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นแหละ แล้วมันก็สบาย
แล้วขอประทานโทษครับ พูดแล้วให้ต่อตลอดไปอีก เมื่อถ่ายแล้วต้องล้าง นี่พูดจริง ๆ นะฮะ แล้วเราไปถ่ายอย่างนั้น ที่มีน้ำที่ไหนล่ะครับ นะฮะ ไปถ่ายกลางเกาะ ไปถ่ายข้างบ้าน ไปถ่ายอย่างนั้น จะมีน้ำที่ไหนล้าง เพราะที่ ๆ ถ่าย กับที่ ๆ น้ำ บางทีไม่ได้อยู่แห่งเดียวกัน นะฮะ ที่ ๆ เราถ่าย ไม่มีน้ำล้างเสียอีก ต้องใช้วัตถุแข็ง ๆ มาล้างมาเช็ด อันนี้แล้วจะทำให้ระคายเคืองของทวารหนัก นะฮะ ผมขอพูดในเรื่องที่สิ่งสกปรก แต่ต้องพูด เพราะว่าเป็นโรคกันมากมาย
พี่น้องทั้งหลาย คนไทยนี่แหละครับ เป็นโรคริดสีดวงทวาร หรือเป็นคันบริเวณทวารเนี่ย เสีย ๕๐ เปอร์เซ็นต์ได้ ผมบอกตรง ๆ เพราะความไม่รู้จักใช้ส้วมนั่นแหละ ไปใช้ส้วมกันตามธรรมชาติจริง ๆ นะฮะ ฉะนั้นเลยขอร้องว่าประโยชน์อย่างนี้มันยังมีอีกมากมาย
เรื่องส้วมถ้าพูดไปนัก คนอื่นจะรำคาญมากเกินไป อยากจะฝากธรรมที่น่าที่ว่าพวกเราน่าจะคิดไว้สักนิดเถอะว่า นะฮะ แมวขี้แล้วกลบ นะฮะ ไอ้คำนี้คนชอบพูดเรื่อย แมวเวลามันถ่ายที่ไหนขี้ที่ไหนแล้วมันคุ้ยขี้เถ้ากลบขี้อุจจาระของมันครับ นะฮะ จำไว้แค่นั้นแหละว่า แมวขี้แล้วกลบ แล้วไอ้ แล้วแต่ยังมี สิ่งที่มีชีวิตประเภทอื่นอีก ถ่ายแล้วเดินเฉยนั่นมีใครบ้าง ก็นึกดูแล้วกันครับ นะฮะ ถ้าแมวนั่นเวลาขี้แล้วมันเอาเถ้า ขี้เถ้ากลบ นะฮะ เพราะมันรู้ว่าอุจจาระนั่นเป็นของที่ไม่ดีแน่ แต่ยังสิ่งที่มีชีวิต นะฮะ ประเภทอื่นอีก นึกดูก็แล้วกันว่ามีใครบ้าง ที่ถ่ายแล้วเดินเลย ไม่ทำอะไรน่ะ มันมีมาก
เพราะฉะนั้น เพื่อความเป็น เพื่อวัฒนธรรมอันเจริญ เพื่อความเจริญของประเทศเรา เพื่อความเจริญของบ้านเราแล้ว หวังว่าพี่น้องทั้งหลาย คงจะได้ให้ความร่วมมือ จะมีส้วมซึมโผล่ขึ้นตามบ้าน เป็นแถว แถว แถว นี่แหละครับ จะชี้ให้เห็นถึงความเจริญของบ้านเมือง และความสะอาดของบ้านเมือง ความวิวัฒนาการของการเป็นมนุษย์ ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ ขอขอบคุณครับทุก ๆ ท่าน และก็ขอย้ำว่าใครยังไม่ฉีดวัคซีนก็ไปฉีดเสีย เจ้าหน้าที่ผมบริการจนเป็นที่พอใจของพี่น้องทั้งหลายแหละครับ ขอบคุณครับ