แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ขอแสดงความยินดี แก่พี่น้องลูกหลานทั้งหลายที่ได้มาประชุมกันในวันนี้ เป็นการดีที่ได้รักษาขนบธรรมเนียมประเพณี ที่มีประโยชน์ที่สุดแก่มนุษย์ไว้ เป็นการทำให้ตัวเอง มีนิสัยกตัญญูกตเวที และมันก็จะช่วยให้มนุษย์รอดอยู่ได้ ถ้าว่าแต่ละคนๆ ยังมีความกตัญญูกตเวที ซึ่งกันและกันแล้ว มันก็เบียดเบียนกันไม่ได้ ก็เป็นคุณ เป็น มันเคยเป็นญาติเป็นพี่น้องเกี่ยวข้องกันแต่ก่อนๆ ก็ได้ ถึงว่าชั้นนี้มันไม่ได้ทำบุญคุณ แต่ชั้นปู่ย่าตายายมันได้ทำบุญทำคุณ ได้สร้างกุศล หรือความดีความงามอะไรไว้ มันสืบเนื่องติดต่อผูกพันกันมานาน คราวนี้ มันก็เลยเป็นปึกแผ่นมั่นคงในความรักใคร่ เมตตาปราณีเห็นแก่ส่วนรวมไม่เห็นแก่ส่วนตัว นี่แหละ เป็นการดีที่ได้รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีเช่นนี้ไว้ แล้วมันก็เป็นการรักษาเรื่องอื่นๆ อีกหลายอย่าง ที่เขาเรียกกันว่า วัฒนธรรม จริยธรรม อะไรก็ เป็นการรักษาไว้ ตลอดไปถึงว่าศิลปะประเพณีอะไรต่างๆ ที่ว่าทำกันมา ในเรื่องแต่งตัวก็ดี ในเรื่องข้าวปลาอาหารก็ดี ในเรื่องอื่นๆ ก็ดี ได้เป็นโอกาสรักษาเอาไว้ นี่มันจะได้เป็นเครื่องช่วย ประกอบกันและก็เป็นความเจริญอยู่ได้ของมนุษย์เรา
มนุษย์เราต้องมีขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีเป็นเครื่องยึดหน่วงกันไว้ มันจึงตั้งอยู่ได้และเจริญด้วย นั่นเป็นการถูกต้องที่จะช่วยกันรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี และวันนี้เป็นวันที่ระลึก ถึงปู่ย่าตายาย ถ้าวันอื่นไม่ได้ระลึกก็ขอให้วันนี้ได้ระลึกถึง ปู่ย่าตายาย ไม่มีใครเกิดมาได้เอง ไม่มีใครเกิดจากโพรงไม้ ล้วนแต่เกิดจากบิดามารดาทั้งนั้น ดังนั้นจึงมีปู่ย่าตายายด้วยกันทุกคน เรามามองเห็นข้อนี้แล้ว ก็รู้สึกบุญคุณของปู่ย่าตายายที่ได้ให้กำเนิดเรามา ลูกหลานออกมาจากปู่ย่าตายาย ไม่ได้ออกมาจากโพรงไม้ ฉะนั้นขอให้ทุกคนทำตนให้เหมาะสมกับแก่การที่เป็นลูกหลานของตายาย รู้ความประสงค์ของตายาย และก็สนองความต้องการของตายาย ตายายหวังจะให้ลูกหลานมีความสุขความเจริญ ลูกหลานก็ต้องสนองความประสงค์ของตายายทำตัวให้มีความสุขความเจริญให้ได้ อย่าได้เป็นอันธพาล ถ้าเป็นอันธพาลก็คือทำลายตัวเอง และทำลายวงศ์ตระกูลของปู่ย่าตายาย เมื่อตายายเคยมีศีลธรรม เราก็จงมีศีลธรรมไม่ให้แพ้ ให้ ให้ดี หรือดีกว่า ปู่ย่าตายายเคยมีศีลธรรมอยู่กันด้วยความสงบสุขไม่มีเหตุร้ายเกิดทุกวันเหมือน เหมือนกับปัจจุบัน เพราะว่าตายายมีศีลธรรม เราทุกคนจงเป็นลูกหลานของตายายที่ดีที่ถูกต้องคือมีศีลธรรม ตามปู่ย่าตายาย บ้านใครเมืองใคร บ้านคน บ้านนั้นเมืองนั้นจะต้องช่วยรักษาเกียรติยศอันนี้อย่าให้เสียชื่อ บ้านนั้นตำบลนั้นแค่นั้นแค่นี้ก็แล้วแต่จะเรียก แต่ขอให้ว่าทุกคนในที่นั้นๆ รักษาเกียรติยศชื่อเสียงของตัว จะได้เดิน ดำเนินมาด้วยดีโดยปู่ยาย ด้วยปู่ย่าตายายที่มีศีลธรรม ปู่ย่าตายายต้องการที่สุดให้ลูกหลานมีศีลธรรมเพราะว่ามันเป็นความรอด อื่นๆ มันไม่ ไม่สำคัญเท่าความมีศีลธรรม ถ้ามีศีลธรรมมันทำชั่วไม่ได้ นี่คิดดู ถ้ามีศีลธรรมมันทำชั่วไม่ได้ มีเงินมีทองมีชื่อเสียงมีอำนาจวาสนาก็มันก็ยังทำชั่วได้ แล้วบางทีมันยังจะทำยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อให้มันรวยยิ่งขึ้นไป ก็มันไม่รักษาศีลธรรม ฉะนั้นขอให้เราเห็นว่าศีลธรรมนี่จำเป็นสำหรับการอยู่รอด เห็นได้ง่ายๆ คนมีศีลธรรมนั้นทำความชั่วไม่ได้ คนไม่มีศีลธรรมนั้นมันพร้อมที่จะทำความชั่ว คนมีศีลธรรมถึงแม้โอกาสจะอำนวยไม่มีใครเห็นไม่มีใครรู้โอกาสจะทำชั่วก็มี ก็ไม่ทำ มันไม่ทำ แต่คนไม่มีศีลธรรมมันหาโอกาสที่จะทำความชั่ว ความชั่วมันจึงมากมายในหมู่คนที่ไม่มีศีลธรรม แล้วก็มันอยู่กันอย่างทนทรมานเบียดเบียนกันไปตามเรื่องไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนกับเวลานี้ แรง มันแรงขึ้นทุกที เพียงแต่อ่านหนังสือพิมพ์เท่านั้นก็ไม่ไหวแล้ว ทุกฉบับ มีแต่เรื่องเลวร้ายกันทั้งนั้น โดยเฉพาะหน้าปก หลังปก มีแต่เรื่องเลวร้ายของความไม่มีศีลธรรมทั้งนั้น เรื่องที่ดีไม่เห็นมี ถ้ามีศีลธรรมแล้วมันไม่ทำถึงโอกาสจะอำนวย จะมีอะไรมาล่อใจ แต่มันก็ไม่ทำ ไม่ทำชั่ว มันจึงช่วยได้มาก ขอให้มีศีลธรรม อย่าอวดดีว่ารวยแล้วมันจะอยู่กันได้อย่างผาสุกถ้ามันไม่มีศีลธรรม ลองคิดดู ยิ่งรวยยิ่งถูกเบียดเบียนนะ อย่าหวังว่ารวยแล้วจะมีความสุข ยิ่งรวยยิ่งเป็นที่จ้องมองของผู้ที่จะเบียดเบียน เพราะมันไม่มีศีลธรรม ถ้ามันมีศีลธรรมก็มันไม่มีใครคิดจะเบียดเบียนใคร ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัว ถ้าคนมีศีลธรรมมันก็เพลิดเพลินในการทำงาน คนไม่มีศีลธรรมก็ขี้เกียจมันก็คอยเอาเปรียบ จะคอยจ้องจะลักจะขโมย มันไม่ต้องทำเอง
ความร่ำรวยที่เรียกกันว่าเศรษฐกิจนั่นน่ะ มันยังหลอกลวง เวลานี้ คนทั้งโลกก็หวังว่าเศรษฐกิจดี สร้างเศรษฐกิจให้ดี แล้วจะอยู่เย็นเป็นสุข ฉันก็ยังมองไม่เห็น มองไม่เห็น เศรษฐกิจยิ่งดีนะ ยิ่งจะคดโกง ขูดรีด เอาเปรียบ คอยจ้องแต่จะเบียดเบียน จะเอาประโยชน์ของผู้อื่นมาเป็นของตัว ลองสมมติว่าฝนตกลงมาเป็นทองคำ เม็ดฝนเป็นทองคำ แล้วจะมีสันติสุขหรือความสงบได้หรือไม่ มันก็ยิ่งจะยุ่งยากยิ่งขึ้นไปแหละ มันก็แย่งกันเก็บเม็ดทองคำ จนฆ่ากันตาย ถ้าใครเก็บไว้มากก็ถูกจี้ถูกปล้น แม้ฝนตกลงมาเป็นทองคำก็ไม่ทำให้บ้านเมืองเป็นสุขได้ แต่ถ้ามีศีลธรรม มันไม่ต้องถึงขนาดนั้น มันอยู่กันด้วยเพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย รักกันฉันพี่น้องมันก็อยู่กันได้ เรื่องเศรษฐกิจนะยังเป็นความเลื่อนลอย เป็นวิมานในอากาศ แต่เขาก็มุ่งหมายเศรษฐกิจกันอย่างยิ่งกันในโลกนี้ ในเวลานี้ ทุกๆ ประเทศชาติ แต่ฉันเห็นว่ามันไม่ มัน มันเป็นไปไม่ได้ ไอ้เศรษฐกิจโดยไม่มีศีลธรรมมันยิ่งขูดรีดกันใหญ่โต จนกว่ามันจะมีศีลธรรมนะ เศรษฐกิจจึงจะไม่ทำอันตรายไม่ขูดไม่รีด เศรษฐกิจมันเป็นเครื่องมือของความเห็นแก่ตัวเป็นโอกาสแห่งความเห็นแก่ตัว และยั่วยุให้เกิดความเห็นแก่ตัว ยิ่งเศรษฐกิจอะไรก็ยิ่งเบียดเบียน ถ้ามีศีลธรรมแล้วก็มันไม่ ไม่ต้อง ฉะนั้นเราจึงหวังว่า ศีลธรรมจะกลับมาช่วยคุ้มครองโลกไว้ให้สงบเย็นเป็นสุข ศีลธรรมไม่กลับมาโลกาวินาศ ศีลธรรมกลับมาโลกาสงบเย็น ขอให้หวังว่าศีลธรรมกลับมา รีบศึกษาให้เข้าใจมูลเหตุของศีลธรรม ด้วยวิธีที่จะกลับมาอย่างไร นี่เรียกว่าปรมัตถธรรม ความจริงที่ว่าศีลธรรมไม่กลับมาโลกาวินาศ ศีลธรรมกลับมาโลกาสงบเย็นนี้ มันเป็นปรมัตถธรรมของศีลธรรม ถ้าเข้าใจข้อนี้ มันก็ชอบศีลธรรม อยากให้ศีลธรรมกลับมา มันก็ได้กลับมา ถ้าปรมัตถธรรมข้อนี้กลับมาก็โลกาสว่างไสว ปรมัตถธรรมไม่กลับมาโลกามันก็มืดมน มืดมน อย่างยิ่ง เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ฉะนั้นขอให้หวังว่าศีลธรรมจะกลับมา คือธรรมะจะกลับมา ฉันพูดกับคุณทุกคนเลยว่า ตลอดชีวิตที่บวชมานี้ มีแต่พยายามให้ธรรมะกลับมาโดยการสั่งสอนทุกแง่ทุกมุมให้ธรรมะกลับมา ในรูปของศีลธรรมก็ดี จริยธรรมก็ดี เมื่อศีลธรรมกลับมาแล้วก็ โลกาจะสงบเย็น ฉันจึงทำอยู่ทุกๆๆๆวันทุกเวลา จนบัดนี้ จนกระทั่งวันนี้ พยายามที่จะให้ศีลธรรมกลับมา วันคืนล่วงไปไม่ได้คิดเรื่องอะไร คิดแต่เรื่องว่าศีลธรรมจะกลับมา วันหนึ่งก็คิดอย่างหนึ่ง คิดออกอย่างหนึ่ง แล้วศีลธรรมจะกลับมา แล้วก็ไปพูดไปเทศน์ไปอะไร ค่ำลงก็คิดอย่างอีก ทำอย่างไรศีลธรรมจะกลับมา ก็เอาไปพูด ไปสอน ไปประกาศทางวิทยุบ้าง ทางหนังสือบ้าง ทั้งวันทั้งคืนจนตลอดเวลาไม่ได้คิดเรื่องอะไร นอกจากคิดเรื่องศีลธรรมจะกลับมา นี่ก็คิดทุกวันทุกคืนก็พบข้อใดข้อหนึ่ง แต่ละวันแต่ละคืน แล้วก็มาพูดจาสั่งสอนอบรม พูดวันเสาร์บ้าง พูดทางวิทยุบ้าง เทศน์อย่างอื่นบ้าง แม้แต่จะพูดกันเวลานี้ ถึงเรื่องที่คิดมาแล้วนั้น จะพูดกันอย่างไรให้เข้าใจ แล้วก็ความคิดมันกว้างไกลไปถึงว่า ไม่เฉพาะบ้านเราเมืองเรา ให้ ให้ออกไปทั่วประเทศ ให้ธรรมะแพร่ไปทั่วประเทศ มันยังคิดไกลออกไปถึงว่า ให้มันไปถึงต่างประเทศ จะพูดกับคนในประเทศจะพูดอย่างไร จะพูดกับคนต่างประเทศจะพูดอย่างไร ไม่มีเวลาว่างเลยทั้งวันทั้งคืน คิด ข้อใดข้อหนึ่งถึงเรื่องธรรมะ แม้แต่จะพูด พูดนั้นได้แต่ให้รู้ให้เข้าใจ ยังต้องปฏิบัติอีกทีหนึ่ง มันก็เลยต้องคิดว่าจะปฏิบัติอย่างไรจึงจะสำเร็จ ไม่ ไม่ ไม่เอาแต่พูด โดยมากมันสอนกันแต่เรื่องพูดๆ มันไม่ได้แนะกันถึงว่าปฏิบัติอย่างไร ไอ้เราต้องคิดทั้งว่าพูดอย่างไร มีเรื่องเป็นอย่างไร ควรจะต้องการอะไร และจะปฏิบัติอย่างไร จึงจะได้ไอ้สิ่งที่ต้องการ มันก็เลยมีเรื่องที่ต้องคิดมาก นี่แหละความชราครอบงำ ก็เพราะเรื่องที่ว่าคิดมาก ทางกายทำงานไม่ไหว แต่ทางใจยังทำอยู่เรื่อย เพื่อประโยชน์ที่ว่าธรรมะจะแพร่ไปไกลออกไปทั่วบ้านทั่วเมือง ทั่วโลก ได้ทำอยู่ทุกวัน บางทีสุขภาพเสื่อมก็เพราะเหตุนี้ มันสมองเสื่อมก็เพราะเหตุนี้ หัวใจไม่ปกติ ตามที่หมอว่านี่ฉันเป็นโรคหัวใจเล็กน้อย หัวใจไม่ปกติก็เพราะเหตุนี้ เพราะเหตุที่ว่ามันทำงาน ทั้งวันทั้งคืน คิดแต่ว่าทำอย่างไรศีลธรรมจะกลับมา จะสอนกันอย่างไรในการปฏิบัติในการศึกษา ตัวตายไม่คิด ก็มันได้บุญเท่าไรขอท่านทั้งหลายทุกคนจงอนุโมทนารับส่วนบุญ ขอแผ่ส่วนบุญกุศลให้ท่านทั้งหลายทุกคนว่าจะได้ทำ ไม่คิดตายนี่ได้บุญกุศลเท่าไรขอแผ่ส่วนกุศลอันนี้ให้ท่านทั้งหลายทุกคนๆ ในกาลบัดนี้ จงได้มีความสุขทุกทิพาราตรีกาลเทอญ นี้ได้พบกันปีละครั้งสองครั้ง มันก็มีเรื่องที่จะพูดบ้างแหละ แต่ฉันไม่มีเรื่องอื่น มีแต่เรื่องว่าทำอย่างไร ธรรมะจะกลับมา ธรรมะจะกลับมาครองโลก โลกจะได้อยู่เย็นเป็นสุข ปีนี้เป็นปีที่เขาสมมติว่าเป็นปีสันติภาพสากล เทศน์วันเสาร์ภาคหนึ่งเลยพูดแต่เรื่องสันติภาพของโลก มันก็ต้องคิดตลอดวันตลอดคืน ตลอดวันตลอดคืนว่าครบเจ็ดวันจะได้มาพูดสักทีหนึ่ง นี่แหละความพยายามที่ว่าให้มันมีสันติภาพเกิดขึ้นในโลก ฉะนั้นขอฝากไว้กับท่านทั้งหลายทุกคนแหละจงช่วยกัน ตามความสามารถของตนของตนเพื่อจะให้เกิดสันติภาพขึ้นมาในโลก นั่นแหละจะตรงตามพระพุทธเจ้าประสงค์ ไม่เสียทีเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าซึ่งต้องการจะให้มีสันติภาพในโลกทั่วไป คนที่เห็นแก่ตัวไม่ใช่สาวกของพระพุทธเจ้า ทำบุญไปนอนบนสวรรค์คนเดียวก็ไม่ใช่สาวกของพระพุทธเจ้า ฟังให้ดีว่า ทำบุญเพื่อไปอยู่ในวิมานในสวรรค์คนเดียวก็ไม่ใช่สาวกของพระพุทธเจ้า เพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนแบบนั้นเลย ทำบุญเพื่อให้หมดความเห็นแก่ตัว ทำตนให้เป็นประโยชน์แก่คนทุกคนในโลก นั้นแหละเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ตถาคตเกิดเข้ามาในโลก ก็ดี ประดิษฐานธรรมวินัยพรหมจรรย์ไว้ในโลก ก็ดี หรือจะให้ท่านทั้งหลายช่วยกันรักษาศาสนาไว้ในโลก ก็ดี ทั้งหมดนี้ เพื่อให้เป็นไปแก่ประโยชน์สุขเกื้อกูลแก่คนทั้งโลก แก่มหาชน บาลีใช้คำว่ามหาชน ทั้งเทวดาและมนุษย์โน้น ให้เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่มหาชน ทั้งเทวดาและมนุษย์ ฉะนั้นขอให้พยายามทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่คนทุกคน ไม่เลือกหน้า ว่าทุกคนๆ เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายจงได้รับประโยชน์และความสุข ถ้าใครทำแบบนี้คนนั้นก็เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ปู่ย่าตายายของเราได้ทำมาอย่างยิ่งเลย เพื่อจะรักษาวัดให้อยู่ได้ เมื่อวัดมีอยู่ได้มันก็มีที่ทำงานของศาสนา ตั้งมั่น ศาสนาก็จะได้ตั้งมั่น แล้วก็จะได้เผยแพร่ต่อไป คนสมัยปู่ย่าตายายไถนา เหงื่อไหลท่วมตัว บอกว่า ได้ไถนา เอาข้าวตักบาตรสักช้อนเถิดเจ้าเอย อย่างนี้ แต่คนลูกหลานสมัยนี้มันทำนาเพื่อซื้อเหล้ากิน มันทำนาเพื่อซื้อสามตัว ทำนาเพื่ออะไรก็ไม่รู้แหละ มันไม่เคยคิดว่าทำนาเพื่อเอาข้าวใส่บาตรสักช้อนเถิดเจ้าเอย ฉันเป็นเจ้า บวชเด็ก บวชใหม่ๆ เป็นเจ้าหนุ่มๆ เดิน เดินเฉียดไปที่ลุงที่ไถนา แกว่าแบบนั้น แกว่าแบบนั้น ไม่ทันได้ถามไม่ใช่อะไร แกชิงบอกเสียก่อน มาทำบุญ ไถ ไถนานี่เอาข้าวใส่บาตรสักช้อนนะเจ้าเอย แต่ถ้า แต่ถ้า เวลานี้ ยุคนี้ ไปถามดู ใครทำบุญมันทำบุญหรือเอาเงินไปทำอะไรก็ไม่รู้ แต่ว่าโดยมากมันซื้อเหล้ากิน กินกันให้สนุกสนาน มัน มันเพี้ยนกันถึงขนาดนั้นนะนี่ เรายังถือว่าปู่ย่าตายายสมัยก่อนทำบุญ เพื่อสืบอายุพระศาสนา ทำให้วัดตั้งอยู่ได้ เมื่อวัดตั้งอยู่ได้ก็มีคนบวช มีคนเรียน มีคนปฏิบัติ มีคนได้ผล มีคนสั่งสอน มีคนเผยแพร่ ศาสนาก็ตั้งอยู่ได้ เรื่องนี้ขอรับรอง ขอรับรองด้วยชีวิตเลยว่า วัดนี้ทั้งวัด อยู่เพื่อสืบอายุพระศาสนาให้มีเรียนอยู่ได้ ปฏิบัติอยู่ได้ สอนยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อให้ศาสนาอยู่ได้ทั้งวัดนะ ตั้งแต่มีวัดขึ้นมาจนปัจจุบันนี้ ถึงวัดอื่นๆ ก็เหมือนกันแหละ ถ้าไม่ ไม่บกพร่องในหน้าที่ของตัว แล้วก็จะต้องทำเพื่อสืบอายุพระศาสนาทั้งนั้น ไม่ใช่ทำเพื่อความหรูหราร่ำรวย อะไรกันอย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง
วัดต้องมีเพื่อให้เป็นที่ตั้งของการสืบอายุพระศาสนา มันเป็นการดีและเป็นการถูกต้องที่สุดที่ท่านทั้งหลายจะช่วยกันบำรุงวัดให้ตั้งอยู่ได้ เพื่อเป็นที่ตั้งของการสืบอายุพระศาสนา ทำบุญแบบนี้มันทำ มัน มันได้บุญทั่วโลก เพราะถ้าศาสนามีอยู่ในโลก ได้รับประโยชน์ทั่วโลก ทำบุญชนิดนี้ได้บุญทั่วโลก ฉะนั้นขอให้สนใจช่วยบำรุงวัดวาอาราม ให้มีอยู่ในลักษณะที่ถูกต้อง อย่าให้มีอยู่ในลักษณะที่ผิดๆ เป็นที่ตั้งแห่งอบายมุข สนุกสนาน ไสยศาสตร์งมงาย นี่มันอย่าให้เป็นเลย มันไม่สืบอายุพระศาสนา ขอให้ตั้งอยู่เพื่อสืบอายุพระศาสนาให้รู้สิ่งที่ควรรู้ให้ปฏิบัติสิ่งที่เป็นหน้าที่ของมนุษย์ แล้วหลุดพ้นจากความทุกข์ด้วยกันทุกๆ คน อธิษฐานจิตด้วยว่าจะช่วยกันสืบอายุพระศาสนา ถ้าอยู่ในวัดก็ทำแบบที่อยู่ในวัดมีหน้าที่อีกอย่างหนึ่ง ถ้าอยู่กับบ้านก็สืบอายุพระศาสนาอย่างอยู่กับบ้านมีหน้าที่อีกอย่างหนึ่ง แล้วมารวมกันเข้าก็สมบูรณ์ เป็นการสืบอายุพระศาสนาที่สมบูรณ์ ทั้งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา คือทั้งพวกที่อยู่วัดและทั้งพวกที่อยู่บ้าน ประพฤติตัวถูกต้องร่วมมือกันส่งเสริมสืบอายุพระศาสนา แบบนี้แหละจะเรียกว่า ถูกใจตายาย ทำให้ตายายชื่นใจ ตายายคงจะไม่มีอะไรชื่นใจยิ่งไปกว่าลูกหลานที่อยู่ข้างหลังช่วยกันสืบอายุพระศาสนา ขอให้ตั้งมั่นในข้อนี้ถึงจะทำอะไร จะเช่นทำด้วยทางวัตถุแบบนี้ก็ให้มันมีผลไปถึงสืบอายุพระศาสนา เลี้ยงพระไว้สำหรับสืบอายุพระศาสนา เอาล่ะเป็นอันว่าเราได้ทำในสิ่งที่ควรทำ มีสิ่งที่ถูกต้อง ควรจะพอใจ ควรจะยินดีพอใจ
หวังว่าท่านทั้งหลายทุกคน มองเห็นความจริงข้อนี้แล้ว จะเกิดความยินดี จะเกิดความพอใจ ในการที่ได้กระทำลงไปในวันนี้ อุตส่าห์มาจากที่ไกลๆ นั้นก็มี เหน็ดเหนื่อยลำบาก ก็มี ขอให้มองพุ่งตรงไปยังที่ว่าสืบอายุพระศาสนา ตามความประสงค์ของสมเด็จพระศาสดา ซึ่งไม่ได้ ไม่ได้ประสงค์อะไรเลย นอกจากว่าให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข รักษาตนพ้นจากทุกข์ภัย เอาแหละ พอใจ ๆ กันทุกคนแล้วว่าได้ทำถูกใจตายายที่สุดแล้ว ที่ทำบุญทุกอย่างทุกประการ ล้วนแต่เป็นไปเพื่อสืบอายุพระศาสนา เมื่อทำหน้าที่อันนี้ถูกต้องดีแล้วมันก็จะเป็นเครื่องรักษา คุ้มครอง เพราะว่ามันเป็นธรรมะ ทำหน้าที่ถูกต้องนั้นคือธรรมะ ธรรมะ จะช่วยรักษาคุ้มครองให้ไม่มีความทุกข์ เมื่อไม่มีความทุกข์ ไม่มีความทุกข์ ทุก ทุกกรณีเลยไม่ต้องมีความทุกข์ แม้แต่ความตายจะมาเราหัวเราะเยาะได้ พ้นจากความหนักอกหนักใจเกี่ยวกับ ความเกิดแก่เจ็บตายด้วยประการทั้งปวง มีความชุ่มชื่นเยือกเย็นผ่องใส เป็นฆราวาสที่อยู่ด้วย รสของพระนิพพาน อย่าโง่ตามคนบางคนบางพวกมันสอนว่านิพพานนั้นยัง ยังอีกไกล ร้อยชาติ พันชาติ หมื่นชาติ แสนชาติ แล้วจะถึงแต่ผู้ที่ปฏิบัติสูงสุดเป็นพระอรหันต์ นั้นมันว่าเอาเอง แต่ถ้าถูกต้องแล้ว แล้วก็นิพพานนั้นมันแปลว่าเย็น ไม่ต้องตาย ไม่ต้องตาย ไม่นิพพาน มันแปลว่าเย็น
ความเย็นมีสองอย่าง คือว่า เย็นเพราะกิเลสยังไม่เกิด คือไม่ให้เกิด นี้ก็เย็น กิเลสหมดไม่มีเหลือ ไม่เกิด นี้ก็เย็น พระอรหันต์เย็นเพราะกิเลสไม่มีเหลือ ไม่อาจจะเกิด แต่ว่าเราธรรมดานี้ เย็น เพราะว่าไม่ให้กิเลสเกิด โดยตั้งใจก็ได้ โดยบังเอิญก็ได้ โดยบังเอิญบางเวลา กิเลสก็ไม่เกิด เรียกว่าทำบางสิ่งบางอย่างข่มไว้ กิเลสก็ไม่เกิด เมื่อกิเลสไม่เกิด แล้วก็เย็น เมื่อเย็น นั้นแหละคือนิพพาน นี่แหละนิพพานในโลกนี้ นิพพานของฆราวาส มีชีวิตเย็น มีครอบครัวเยือกเย็น มีการเป็นอยู่เยือกเย็น มีชีวิตเยือกเย็น
สีเลนะ นิพพุติง ยันติ ศีล ไป ว่าถึงนิพพุติ คือนิพพานได้ เพราะศีลก็คือนิพพานชนิดนี้ ไม่ใช่นิพพานสิ้นกิเลสของพระอรหันต์ ไม่ อย่างมงายกันนักเลย แต่กลัวจะงมงายในข้อที่ว่า สีเลนะ นิพพุติง ยันติ ไม่รู้ว่าอะไร ถึงนิพพุติ นิพพุตินี้คือนิพพาน เป็นนาม เป็นนาม นามศัพท์ นามนามเรียกว่า นิพพุติ ถ้าเป็นกริยานามเรียกนิพพาน เป็นคำเดียวกัน ท่านเคยได้ยินแหละ เรียกว่านิพพุตา ชายเรียกว่านิพพุโต หญิงว่านิพพุตา นิพพุโต นิพพุตา นี่เย็นได้ที่นี่เดี๋ยวนี้ในเพศฆราวาสนี้ ขอให้ทุกคนได้มีนิพพุ นิพพุติ ได้ด้วยศีลเป็นต้น ลองรักษาศีลให้ดีจะได้รับความเย็น เพราะมันปิดกั้นไว้ไม่ให้กิเลสเกิด นี้ก็ได้รับนิพพุติ คือนิพพาน นิพพานนี้เรียกว่า เป็นองค์นั้นๆ คือองค์ คือศีลนั้นแหละ ปิดความร้อนไว้ได้มีความเย็นเป็นนิพพาน ก็เป็นตทังคนิพพาน นิพพานในองค์นั้นๆ หรือเป็นสามายิกนิพพาน นิพพานชั่วขณะ ชั่วสมัย ไม่ใช่ตลอดเวลา แต่ก็เป็นสันทิฏฐิกนิพพาน คือนิพพานที่รู้สึกได้เห็นได้ด้วยตนเอง ขอให้ทุกคนมีความเย็นเป็นนิพพุติ มีนิพพุติเป็นนิพพุโต หรือเป็นนิพพุตา แล้วแต่ว่าเป็นหญิงหรือเป็นชาย อย่าให้ร้อนเป็นทุกข์ มันจะเลวกว่าแมว มันน่าอายแมว แมวมันไม่เป็นทุกข์ แต่ถ้าคนมันเป็นทุกข์น่าอายแมว ฉะนั้นคนอย่าร้อน อย่าบ้า อย่าวุ่นวาย ให้มันอายแมว ได้ก็เพราะมีความเย็น รู้จักหลบหลีกป้องกันไม่ให้เกิดกิเลส เมื่อกิเลสไม่เกิดแล้วมันเป็นความเย็นไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องถามใคร มีให้เลือกทั้งสองอย่างที่ว่ามันไม่เกิด เพราะว่าเราไม่ให้มันเกิด ไม่ให้มันกิเลสมันเกิด ทั้งที่มันมีนะไม่ให้เกิด ก็เย็นเหมือนกัน อีกอย่างมันเย็นเพราะไม่มีกิเลสจะเกิดเสียแล้ว นี้ยกไว้ให้พระอรหันต์ ฉะนั้นขอให้ทุกคนมีนิพพุติ นิพ นิพพานอย่างที่ว่าไม่ให้กิเลสเกิด หลบเลี่ยงไม่ให้เกิด บังคับไม่ให้เกิด อะไรนั้นตามใจ ในที่สุดมันจะเป็นเอง เป็นเอง บังเอิญก็ยังมีนะ แต่กิเลสมันไม่เกิด
นี่ขอให้ท่านทั้งหลายทุกคนได้รับประโยชน์จากการมีพระศาสนาอยู่ในโลก มีชีวิตเยือกเย็น เป็นนิพพุโต นิพพุตา ตามสมควรแก่เพศของตนอยู่ จงทุกทิพาราตรีกาลเทอญ