แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
วันนี้วันนี้พิเศษเป็นวันตายาย จะทำอะไร ๆ ก็ขอให้ตั้งใจอุทิศเพื่อตายาย จะรับศีลวันนี้ก็รับศีลเพื่อตายาย อุทิศตายาย จะถวายทานทำบุญวันนี้ก็ต้องเพื่อตายาย ให้มันหายใจเป็นตายายทุกลมหายใจเข้าออกเลย ฉะนั้นจึงขอร้องว่าให้สงบอารมณ์ สงบจิต สงบใจ ทำอารมณ์ให้ปรกติแล้วนึกถึงตายายให้มากเป็นพิเศษ ให้ลืมเรื่องอื่น ๆ เสียที ปีหนึ่งมีครั้งเดียว สองครั้งอย่างมาก รับตายายทีหนึ่ง ส่งตายายทีหนึ่งก็ในเดือนนี้แหละ ต่อปีหนึ่งน่ะมีคราวเดียวกระทำบุญเป็นที่ระลึกแก่ตายาย เพื่อว่าจะรักษาน้ำใจของมนุษย์ให้มีกตัญญูกตเวทีนะ ให้มีจิตใจอย่างมนุษย์ อย่าให้มีจิตใจอย่างสัตว์เดรัจฉาน
สัตว์เดรัจฉานไม่รู้จักกตัญญูกตเวที ข้อนี้ไม่ต้องอธิบาย เห็นอยู่แล้ว เพราะมันยังเป็นสัตว์เดรัจฉาน นี่เพื่อป้องกันมนุษย์ไม่ให้เป็นสัตว์เดรัจฉาน จึงมีขนบธรรมเนียมประเพณี ทำให้คนเกิดความรู้สึกกตัญญูกตเวทีไว้เสมอ เสมอ ๆ อย่าให้ลืมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็ในวันตายายนี้ เป็นวันที่สอนให้ระลึกนึกถึงตายาย ให้จิตใจทั้งหมดในวันนี้นึกถึงบรรพบุรุษของเราที่ล่วงมาแล้วแต่หนหลังโดยละเอียด ด้วยความกตัญญูกตเวที จะระลึกกันอย่างละเอียดอย่างไรจะค่อยเทศน์ให้ฟังตอนฉันข้าวแล้ว เวลานี้เวลามันน้อย มันสั้น พูดมากเดี๋ยวจะโมโหเสียอีก
แต่ว่าเตือนให้ทุก ๆ คนเตรียมจิตใจไปเสียตั้งแต่ต้น ว่าวันนี้ต้องนึกถึงตายายทุกลมหายใจเข้าออก เพราะว่าคนเรานะอวดดีไปไม่ได้ เกิดเองไม่ได้ ไม่ได้เกิดจากโพรงไม้ ไม่ได้เกิดจากหมูจากแมว แต่เกิดจากตายาย เกิดจากบิดามารดา ปู่ยาตายาย ตาทวด ถอยไปเป็นลำดับลำดับ นี่เราเกิดจากบรรพบุรุษ เกิดเองไม่ได้ ชีวิตไม่มี ถ้าบรรพบุรุษไม่ได้เกิดเรามา นั่นแหละ เราต้องถือว่าชีวิตมีเพราะบรรพบุรุษ
เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องนึกถึงบรรพบุรุษทุกลมหายใจเข้าออก ทำความดีอะไรสักนิดหนึ่งในวันนี้ก็ขอให้นึกอุทิศให้แก่บรรพบุรุษทั้งหมดเลย เราอย่าเอา รักษาศีลในวันนี้ก็บูชาตายาย ถวายอาหารบิณฑบาตวันนี้ก็บูชาตายาย ไหว้พระสวดมนต์ฟังเทศน์ฟังธรรมเจริญเมตตาภาวนาในวันนี้ก็ขอให้อุทิศให้ตายาย ให้ตายายหมดเลย เราอย่าเอาเลย
นี่จะเป็นเครื่องซักซ้อมจิตใจให้เป็นผู้กตัญญูกตเวทีนะ ให้กตัญญูกตเวทีฝังแน่วแน่อยู่ในจิตใจจนตลอดชีวิตไป เพราะฉะนั้นขอให้ผู้ที่มีอายุมากซึ่งเด็ก ๆ เรียกว่าตาว่ายายแล้วเวลานี้ ระวังตัวให้ดี ๆ ตายายที่นั่งอยู่ตรงนี้แหละ คนที่เด็ก ๆ มันเรียกตาเรียกยายนั่นแหละ ระวังให้ดี ๆ อย่าทำห้าแต้มให้ลูกหลานมันดูถูก อย่าเที่ยวทำอะไรไม่สมกับที่เป็นตายาย คือเป็นคนเป็นคนเฒ่าคนแก่แล้วยังทำเหมือนเด็ก ๆ ไอ้นี่จะทำลายประเพณีตายายสูญหมด เพราะว่าคนที่เป็นตายาย ไม่ทำตัวอย่างตายาย เด็ก ๆ มันไม่นับถือ
ทีนี้ตายายน่ะจะทำตัวให้สมกับตายายอย่างไร ข้อแรกคือต้องช่วยอบรมเด็ก ๆ ต้องพูดจากับเด็ก ๆ เช่นว่าวันนี้ ก่อนจะมาทำบุญตายายนี่ พูดกับเด็ก ๆ ว่าลูกเอ๋ยหลานเอ๋ยนี่ วันนี้เป็นวันที่ต้องตั้งอกตั้งใจทำบุญให้ตายาย อย่าไปเที่ยววิ่งเล่นเสีย นี่เด็ก ๆ ยังเที่ยววิ่งเล่น หนุ่ม ๆ ก็ยังเที่ยวเดินเล่น เพราะพ่อแม่ไม่สอน ว่าวันนี้เป็นวันทำบุญให้ตายายนั่นแหละ เที่ยวเดินเล่นเสียทั่วไปหมด ไม่มาตั้งอกตั้งใจอุทิศกุศลให้ตายายเพราะพ่อแม่ไม่สอน นี่พอพอต่อไปรุ่นนี้แล้วยิ่งไม่สอนใหญ่ทีนี้ ยิ่งไปกันใหญ่
นี่เห็นได้ว่าเด็ก ๆ หรือคนหนุ่มคนสาวก็มี ยังเที่ยววิ่งเล่น เดินเล่นอยู่ก็มี เพราะพ่อแม่ไม่สอนว่าวันนี้เป็นวันทำบุญตายาย ฉะนั้นก่อนก่อนจะมาวัดวันนี้ช่วยเตือนให้ดี ๆ วันนี้ทำบุญตายาย มานั่งสงบอารมณ์จิตใจให้ดี ให้เป็นสมาธิ แล้วนึกถึงปู่ย่าตายาย ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ตายายทั้งหมดทั้งสิ้น ต้องวันนี้ต้องอุทิศให้ตายาย เลือด เนื้อ ชีวิต จิตใจของเราได้มาจากตายาย เพราะฉะนั้นวันนี้จะบูชาให้แก่ตายายทั้งหมด
มาประชุมกันเพื่อแสดงความเคารพต่อตายาย เหมือนที่ในสวดพิมพิสารนั่นก็ไม่ฟังนี่ เขาเปิดสวดให้ฟังก็ไม่ฟังนี่ แล้วประเพณีมันก็เลือนไปทุกที เลือนไปทุกที มันไม่มีประโยชน์ ฉะนั้นจะต้องกู้กันใหม่ อย่าอวดดี โลกมันกำลังจะล่มจมเพราะมันบ้า บ้าเกินไปในทางสนุกสนาน ทางสวยทางงาม นั่นมันบ้าเกินไปแล้ว ไม่มีใครคิดถึงปู่ย่าตายาย เด็กรุ่นหลังนี่เรียนแต่หนังสือ ไม่มีเวลาจะได้เรียนถึงกตัญญูกตเวทีต่อปู่ย่าตายายนะ มันจะล่มจม มันจะฉิบหายนะ
ฉะนั้นคนแก่ ๆ ที่เป็นตายายยังไม่ทันตายนี่ แนะนำลูกหลานให้ดี ๆ ว่าวันนี้สำคัญ ด้วยนึกสำคัญมาตั้งแต่เมื่อคืนนู่น ให้เตรียมตัวเตรียมใจ เตรียมอะไรมาสำหรับอุทิศแก่ตายายบูชาตายาย ไม่ใช่มาวิ่งเล่น ไม่ใช่มาอวดกัน ไม่ใช่มาดูหญิงนะ ลูกหลานโง่ ๆ มันมาดูหญิง และหญิงก็มาดูชาย นี่ลูกหลานนี่มันโง่ มันไม่ได้นึกถึงว่าวันนี้เป็นวันตายาย ต้องใช้หนี้บุญคุณแก่ปู่ย่าตายายที่ตายไปแล้ว เราเป็นหนี้บุญคุณ ต้องมาใช้หนี้บุญคุณ ถ้าคิดแบบนี้แล้วจิตใจมันดี ศีลธรรมมันดี จะเจริญ
เอาแหละพูดมากนักก็ มันยังไม่ฉันข้าวกันเลย แต่ขอเตือนว่าวันนี้ทำอะไรทุก ๆ อย่างนี่ก็ต้องเพื่อตายาย รับศีลเพื่อตายาย ถวายทานเพื่อตายาย ฟังเทศน์เพื่อตายาย สวดมนต์ภาวนาเพื่อตายาย ให้ได้ตลอดวัน ทีนี้รับศีล
(นาทีที 08: 04 ถึง นาทีที่ 14:16 เป็นบทสวด)
คนที่จัดของน่ะเอามาตรงนี้สักถาดสองถาดสำหรับได้ถวาย สมาธิ ให้น้ำมันไหลเล็กไหลจิตเป็นสมาธิเท่านั้น อุทิศส่วนกุศลให้บุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว ธรรมเนียมนี้ชักจะหาย ๆ ไปเพราะคนมันขี้เกียจกันมากเข้า ประมาทมากเข้า ธรรมเนียมเก่า ๆ เลยหายไป ปู่ย่าตายายจะชอบหรือไม่ชอบลองคิดดู ถ้าไม่มีน้ำก็ต้องตั้งใจด้วยจิตเป็นสมาธิเหมือนกัน ว่าวันนี้อุทิศส่วนกุศลเฉพาะบรรพบุรุษเท่านั้น ไม่ต้องนึกถึงผู้อื่น
ว่าขอให้สำเร็จประโยชน์เหมือนทำอนุโมทนาว่า ยถา วาริวหา ปูรา ปริปูเรนฺ เป็นต้น ซึ่งมีใจความว่าเมื่อฝนตกลงมาในที่ดอนที่สูงย่อมไหลไปตามลำดับลำดับ เต็มไปตามลำดับ เต็มไปตามลำดับ ทำให้หลุมเล็กน้อยเต็ม และไหลล้นลงไปในร่องเต็ม ลำธารเต็ม ไหลไปในคลองเต็ม คลองไหลไปทะเลเต็ม มหาสมุทรเต็ม ในฤดูฝน ถ้าฝนตกไม่หยุดไม่หย่อนย่อมเป็นเช่นนั้น
ขอให้การบำเพ็ญกุศลในวันนี้ จงสำเร็จแก่บุคคลที่ล่วงลับไปแล้วโดยตรง จะเป็นบรรพบุรุษใกล้ชิดเช่นบิดามารดา เต็มแล้วก็ไหลไปยังญาติที่ห่างออกไป ห่างออกไป ๆ ๆ ขอให้ถือว่าทุกคนเป็นผู้มีบุญคุณ ถึงจะไม่ใช่เป็นบรรพบุรุษโดยตรงก็ต้องเป็นผู้เป็นผู้มีบุญคุณ แต่ถ้าว่าถือว่าเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้กี่หมื่นชาติแสนชาติ มันก็คงจะมีการเป็นบรรพบุรุษกันยืดยาวมากจนสัมพันธ์กันไปหมดไม่ยกเว้นใครก็ได้ เพราะฉะนั้นจึงให้ถือเอาเสียเลยว่า เราเป็นผู้มีบุญคุณผูกพันซึ่งกันและกันในฐานะ ที่คงจะเคยเป็นบรรพบุรุษมาแล้วในชาติใดชาติหนึ่ง ให้ตั้งจิตใจทำนองนี้ แล้วก็จะตรงกับคำที่พระว่า ยถา วาริวหา จนจบ และก็ถ้าคนกรวดน้ำก็หยุดเมื่อพระว่า สัพพีติโย
ตั้งใจทำให้ถูกต้องตามธรรมเนียม นึกถึงปู่ย่าตายายทุกลมหายใจเข้าออก กรวดน้ำด้วยร่างกายคือรินน้ำ กรวดน้ำด้วยวาจาคือว่า อิมินา ยงฺกิญฺจิ กรวดน้ำด้วยใจคือนึกถึงด้วยความกตัญญูกตเวที ขอให้ทุกคนกรวดน้ำทั้งด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจให้สำเร็จประโยชน์ที่สุดในวันนี้จงทุก ๆ คน รายละเอียดจะค่อยพูดให้ฟังตอนเทศน์ พอฉันข้าวแล้ว พระ เอ๊ย ชาวบ้านรับประทานอาหารเสร็จแล้วเทศน์ ใครอยากฟังเทศน์ก็ให้มาประชุมที่นี่ตามเดิม