แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ภาพชุดนี้เรียกกันว่า ภาพจับวัว หรือ ฝึกวัว เรียกกันว่า Ox Herding เป็นภาพอุปมาของชีวิต เป็นการบรรยายชีวิตตั้งแต่แรกเริ่มจากการที่ไม่รู้ประสีประสาอะไรอันเกี่ยวกับชีวิต เป็นลำดับมาจนกระทั่งมองเห็นร่องรอยแห่งชีวิต เดินตามรอยแห่งชีวิต สำเร็จประโยชน์ในการมีชีวิตอย่างโลกอย่างเต็มที่ ได้เสวยผลของชีวิตอย่างโลกๆ ถึงที่สุดแล้ว ในที่สุดก็เบื่อระอา เลิกความสนใจในเรื่องโลกและเรื่องตัวเอง เรียกว่าถึงความว่าง แล้วก็เกิดเป็นสิ่งที่ผลิขึ้นมาใหม่ในฝ่ายโลกุตตระหรืออสังขตะ มีชีวิตเพียงเที่ยวแจกของส่องตะเกียง ต่อไปนี้เป็นการบรรยายภาพที่หนึ่ง
ภาพนี้เป็นภาพบุคคลที่ยืนอยู่กลางลานระหว่างภูเขา ขอให้จ้องดูที่หน้าตาของเขาเป็นพิเศษ นั่นแหละคือซูม จะเห็นว่าหน้าตาเป็นหน้าตาของบุคคลที่ไม่รู้อะไร เต็มไปด้วยความสงสัย ความหวาดกลัว ความว้าเหว่ เป็นภาพยืนเก้ๆ กังๆ ใจลอยอยู่ นี้เรียกว่าชีวิตตั้งต้นขึ้นมาจากความไม่รู้อะไร จนกระทั่งค่อยๆ รู้ ซึ่งเป็นภาพลำดับถัดไป ซึ่งในภาพนี้เป็นภาพเริ่มเห็นรอยวัวอยู่ที่พื้นดิน ขอให้จ้องมองรอยวัวที่พื้นดินเป็นพิเศษคือซูม แล้วก็รู้ความหมายของภาพนี้ว่าเดี๋ยวนี้มนุษย์นี้ได้เริ่มเห็นร่องรอยอันหนึ่ง แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าเป็นร่องอะไร ร่องรอยของอะไร แต่ก็เป็นที่น่าสนใจ เขาจึงแน่ใจว่าจะเดินตามรอยนั้นไปจนกว่าจะพบเจ้าของรอย
ทีนี้ภาพถัดไป มนุษย์คนนี้ได้เดินมาตามรอยที่พื้นดิน จนกระทั่งเห็นเจ้าของรอยคือวัวตัวหนึ่ง เห็นก้นวัว เลยตั้งใจว่าจะจับเอาวัวนี้แหละมาเป็นของตนให้จนได้ เขาก็พยายาม ก้นวัวครึ่งหนึ่งนี้หมายถึงเริ่มเห็นร่องรอยแห่งชีวิต ชีวิตที่จะดำเนินไปอย่างโลกๆ จนกว่าจะสูงถึงที่สุด แม้เป็นจุดตั้งต้นก็เป็นจุดตั้งต้นที่ถูกต้องในการที่จะตัดสินใจว่าจะถือเอาประโยชน์แห่งการเกิดมาหรือประโยชน์ของชีวิตนี้ให้จนได้ เขาก็มีความแน่ใจในการที่จะจับวัวหรือชีวิตนี้มาให้ได้ตามความประสงค์
ทีนี้ภาพถัดไป ขอให้สังเกตดูภาพ เป็นภาพการต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับวัว จงจ้องดูเป็นพิเศษที่หน้าตาของคนว่าแสดงแววแห่งอะไร ในที่สุดการต่อสู้ก็เป็นไป เป็นไปตามลำดับ ตามลำดับ จนมนุษย์ประสบความสำเร็จ ภาพนี้ต้องการจะแสดงว่าในการต่อสู้ในชีวิตนั้น มันเป็นความยุ่งยาก เป็นความลำบาก เป็นความเหน็ดเหนื่อย เป็นการเสี่ยงอันตรายหรือเผชิญหน้ากับอันตราย จะต้องมีความรู้และกำลังวังชาที่เพียงพอกันจึงจะสามารถเอาชนะได้ คือเอาชีวิตมาจัดให้อยู่ในอำนาจของตน ให้เป็นไปตามความประสงค์ของตนได้
ทีนี้ภาพถัดไป มนุษย์ประสบความสำเร็จในการต่อสู้ในชีวิต ในภาพนี้จงดูที่หน้าคนให้ชัดเจนเป็นพิเศษ และดูแม้แต่ที่หน้าของวัวที่แสดงความยอมแพ้ ดูตีนวัวซึ่งเดินมาด้วยความรู้สึกยอมแพ้ แล้วแต่ว่าคนจะจูงไปในทางไหน คนเริ่มชนะวัว พาวัวไปตามความประสงค์แห่งตน
ทีนี้ภาพถัดไป เป็นภาพที่เป่าปี่ขี่วัว เป่าปี่อยู่บนหลังวัว ก็ดูที่หน้าคนเป่าปี่ เห็นแววแห่งความพอใจ ความสุขสนุกสนานเพลิดเพลิน แล้ววัวก็เหมือนกัน มีอาการเดินอย่างกระฉับกระเฉง ยอมร่วมมือด้วยถึงที่สุด ไม่เป็นวัวที่เป็นอันตรายดุร้ายอีกต่อไป นี้เป็นภาพที่แสดงถึงมนุษย์ประสบความสำเร็จอย่างโลก อย่างวิสัยโลก อย่างชาวโลก จนถึงที่สุดว่าจะเอากันอย่างไร ก็ได้ครบถ้วนเต็มตามนั้น จะพูดอย่างภาษาธรรมะหน่อยก็ว่าถึงพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติมหาศาล เกียรติยศเกียรติศักดิ์มหาศาล บริวารคนรักใคร่ห้อมล้อมมหาศาล เบญจกามคุณหรืออะไรทุกอย่างตามที่ชาวโลกเขานิยมกัน ได้สำเร็จเต็มตามความหมาย
ภาพต่อไป เป็นภาพที่คนคนเดียวกันนั่นแหละ มองชะเง้อไปในทางสูงบนฟ้าอากาศ หมายความว่า เวลาล่วงมานานพอสมควรจนชินชากับเรื่องความสุขอย่างโลกๆ จึงมองดูขึ้นไปบนท้องฟ้า จนกระทั่งลืม ลืมวัว คือลืมความสุขอย่างโลกๆ ลืมตัวเองที่เป็นเจ้าของวัว ไม่มีความรู้สึกเป็นเจ้าของวัวหรือผูกพันอยู่กับสิ่งเหล่านี้ คือความยึดมั่นถือมั่นอยู่ในโลกนั้นได้จางหายไป มองไปในทางสูงว่าจะมีอะไร ในที่สุดสิ่งทั้งปวงที่เคยยึดถือก็หลุดร่วงไปกลายสภาพเป็นความว่าง
ภาพต่อไป ก็เป็นภาพของความว่างคือวงกลม วงกลมใช้แทนสภาพของความว่างในความหมายที่ว่า กลมนี้มันไม่มีที่สิ้นสุด ความว่างก็มีความหมายเป็นความไม่สิ้นสุดเหมือนกับภาพวงกลม ทีนี้ว่างจากคน ว่างจากวัว ว่างจากความสุขอันเกิดจากคน บริโภคผลอย่างโลกียสุขทั้งหลายทั้งปวง เป็นการจบจากขั้นตอนตอนหนึ่ง คือขั้นตอนที่เป็นโลกียธรรม
ทีนี้ภาพต่อไปนี้ ท่านจะต้องสังเกตดูให้ดีว่าเป็นภาพของยอดไม้อ่อนๆ กำลังผลิออกมา ผลิออกมาใหม่ นี่หมายความว่ามันเป็นเรื่องใหม่ เป็นเรื่องภูมิอันใหม่ฝ่ายโลกุตตรภูมิ ไม่มีวัว ไม่มีคน ไม่มีวัวตัวเดิม ไม่มีคนคนเดิมอีกต่อไป ผลิเปลี่ยนเป็นคนใหม่ออกมาสำหรับจะเบิกบานไปในทิศทางอื่น กำหนดว่ามันเป็นภาพของยอดไม้ที่กำลังผลิออกมาเป็นต้นใหม่ มองดูให้เข้าใจตรงที่มันเป็นยอดอ่อนที่กำลังผลิ
ภาพต่อไป ต่อไปนี้ก็เป็นเรื่องของคนที่ไม่มีตัวตนซึ่งเป็นที่ยึดถือผูกพันอะไร แล้วก็มีชีวิตชนิดที่กระทำไปเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น เที่ยวแจกสิ่งที่ควรแจก ที่ถืออยู่มือข้างหน้านั้นเป็นตะเกียง หมายถึงแสงสว่าง เขาแจกแสงสว่างคือวิชาความรู้ ห่อใหญ่ที่สะพายหลังอยู่นั้นมันเป็นห่อของ ก็แจกของด้วย สามารถจะแนะวิธีทั้งฝ่ายที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม ให้ได้รับทั้งแสงสว่าง ให้ได้รับทั้งสิ่งของ หรือจะพูดว่าสามารถจะให้ความรู้ทั้งเรื่องฝ่ายวัตถุร่างกายซึ่งเป็นสิ่งของ และสามารถให้สิ่งที่มีความสำคัญแก่จิตใจคือแสงสว่าง
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นเป็นคนเดินทาง เมื่อพบกันเข้ากับผู้แจก ผู้แจกของส่องตะเกียง หมายความว่าชีวิตเป็นการเดินทาง ขอให้ทุกคนเดินทาง คือเดินไปตามทางของชีวิต แล้วก็จะได้มาพบกันเข้ากับผู้แจกของส่องตะเกียง ซึ่งความมุ่งหมายส่วนใหญ่ก็เล็งถึงพระอริยเจ้าหรือพระพุทธเจ้าผู้ทำหน้าที่เป็นแสงสว่างแก่โลก ก็หมายความว่ามนุษย์นั้นได้ถึงพุทธภาวะ ได้รับคำชี้แจงที่จะมีพุทธภาวะ ก็เป็นผู้ที่ถึงพุทธภาวะ มีความสุขสูงสุดชนิดที่มนุษย์จะพึงได้
รวมความว่าจบเรื่อง นับตั้งแต่มนุษย์เกิดมา ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่าอะไร และเริ่มพบรอยทาง และเดินตามรอยทาง พบประโยชน์ในโลกคือวัว จับวัวได้ บริโภคประโยชน์ในโลกถึงที่สุดแล้วก็ปล่อยวาง มุ่งไปทางเหนือโลก จนได้พบความว่าง เป็นความว่างจากตัวตนโดยหมดจดสิ้นเชิง แล้วก็กลายเป็นผู้แจกของส่องตะเกียงอย่างนี้ สรุปความว่ามนุษย์ตั้งต้นขึ้นมาด้วยความไม่รู้อะไร แล้วมาจบลงด้วยความเป็นผู้รู้ทุกอย่าง จนสามารถเป็นผู้แจกของส่องตะเกียงดังนี้
หวังว่าท่านผู้ฟังทั้งหลายจะเข้าใจประโยชน์หรือความมุ่งหมายของภาพเหล่านี้ ซึ่งมันเป็นภาพด่าท่านทั้งหลายก็ได้ หรือจะเป็นภาพที่ยกย่องท่านทั้งหลายก็ได้ ถ้าสามารถจะดำเนินมาจนถึงความเป็นผู้แจกของส่องตะเกียง ถ้ายังไม่รู้ร่องรอยอะไรแม้แต่รอยวัวก็หาไม่พบ มันก็ควรจะถูกด่า หวังว่าท่านทั้งหลายคงจะได้รับความรู้ความเข้าใจจากภาพชุดนี้ สำเร็จประโยชน์ตามควรแก่คติวิสัยทุกๆ ท่าน เทอญ ฯ