แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ท่านผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับกิจการของลูกเสือทั้งหลาย ก่อนอื่นทั้งหมด ขอแสดงความยินดีในการมาที่นี่ของท่านทั้งหลาย เพื่อวัตถุประสงค์อันนี้คือการศึกษาธรรมะ และก็ขอต้อนรับท่านทั้งหลายด้วยธรรมปฏิสันถารในลักษณะอย่างนี้ตามที่จะทำได้
ข้อแรกที่สุดได้ทราบว่าเป็นลูกเสือ หรือเป็นเนตรนารี ซึ่งความหมายเดียวกับลูกเสือ ข้อนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปอย่างกลมกลืนกับพระพุทธศาสนาหรือธรรมะวินัย คือ กลาง การฝึกฝนตนให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามทำนองของมนุษย์ที่ดี และมีหลักมุ่งหมายอย่างเดียวกันกับว่าในพุทธศาสนานี้ก็มีสามเณร ซึ่งจะต้องได้รับการศึกษาฝึกฝนอบรมไปตั้งแต่ยังเยาว์ แล้วก็จะโตขึ้นเป็นภิกษุที่ดี ลูกเสือก็เหมือนกันในลักษณะเดียวกันนี้ก็จะเป็นยุวชนที่ดี ก็เป็นพลเมืองที่ดี
สำหรับเรื่องที่จะพูดกันในวันนี้ ก็คือเรื่องที่เป็นใจความสำคัญที่สุดของมนุษย์เรา คือสิ่งที่เรียกว่า ธรรม หรือ ธรรมะ หรือ พระธรรม แล้วแต่จะเรียก เรียกธรรมะก็ได้ เรียกธรรมเฉยๆก็ได้ เรียกพระธรรมก็ยังได้ สิ่งที่เรียกว่าธรรมนี่เป็นคำรวมถึงสิ่งที่จะต้องประพฤติปฏิบัติทั้งหมดทั้งสิ้นของมนุษย์เรา เราจะต้องรู้จักสิ่งนั้น เราจึงจะเป็นมนุษย์ได้ คือจะต้องปฏิบัติหน้าที่ของตน ของตน ให้ถูกต้องตามฐานะแห่งตนที่กำลังมีอยู่นี้อย่างไร เดี๋ยวนี้ก็จะตั้งต้นไปตั้งแต่ว่า เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา ถ้าเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดาได้ ก็นับว่าเป็นการตั้งต้นที่ดี ปัญหาต่างๆจะไม่เกิดขึ้น เดี๋ยวนี้ก็มีเด็กส่วนหนึ่งซึ่งไม่ได้ตั้งต้นชีวิตด้วยการเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา คือเป็นเด็กเกเร นอกคอก อย่างที่เห็นๆกันอยู่ แล้วก็ทำลายตัวเอง หรือทำลายอนาคตของตัวเอง เราจะต้องตั้งต้นด้วยการเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา บุตรที่ดีของบิดามารดานั้นคือผู้ที่เกิดมาสำหรับทำให้พ่อแม่สบายใจ ทำอย่างไรก็รู้ๆกันอยู่ คือทำตามความประสงค์ของบิดามารดา หรือตามหลักเกณฑ์ที่จะต้องศึกษาปฏิบัติกันอย่างไร แล้วก็เป็นที่สบายใจแก่บิดามารดา บิดามารดามีทุกข์ ถ้าไม่มีบุตร ถ้ามีบุตรก็หายว้าเหว่ใจ ก็หมดทุกข์ไปอย่างหนึ่ง แต่ถ้ามันเกิดเป็นบุตรที่เลวของบิดามารดาแล้วก็ ทีนี้ก็จะล้มละลายหมด ไอ้บุตรมันก็เลว ไอ้บิดามารดาก็ได้แต่ความร้อนใจ มันก็ไม่มีค่าประโยชน์อะไร เพราะฉะนั้นขอให้ตั้งใจกันอย่างแน่วแน่ว่าจะเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เกิดมานี้จะทำให้บิดามารดาสบายใจตลอดชาติ บุตรที่ดีของบิดามารดาข้อที่ ๑ คือทำให้บิดามารดาสบายใจ เรียกว่าบุตรที่ดี
ข้อที่ ๒ จะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ยังมีนักเรียนเลว ไม่เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เป็นนักเรียนกระด้าง เป็นนักเรียนอันธพาลอยู่ในชั้น ความมุ่งหมายของกิจกรรมลูกเสือ ก็ดูจะมุ่งหมายขจัดไอ้สิ่งนี้เป็นส่วนสำคัญ ให้นักเรียนเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ก็คือว่า ครูบาอาจารย์นำไปได้ นั่นแหละความหมายของคำว่าศิษย์ที่ดีนี่ คือศิษย์ที่ครูบาอาจารย์นำไปได้ ก็มีศิษย์เลวอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งครูบาอาจารย์นำไปไม่ได้ นี่เราจะต้องนึกถึงว่า จะต้องเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ทำตนให้ครูบาอาจารย์นำไปได้ คือดีขึ้น ดีขึ้น พัฒนาขึ้น พัฒนาขึ้น กว่าจะหมดหน้าที่ของครูบาอาจารย์ ครูบาอา ศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์มีความหมายว่า เป็นศิษย์ที่ครูบาอาจารย์นำไปได้ ความหมายอยู่ที่ตรงนี้ ถ้าครูบาอาจารย์นำไปไม่ได้ ก็ไม่เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์
ทีนี้ข้อที่ ๓ ทุกคนจะต้องเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน ตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆ เด็กกลาง เด็กโต เด็กอะไรก็ตาม จนโตเป็นผู้ใหญ่อย่างนี้แล้ว มันก็ยังจะต้องเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เพราะว่าเราอยู่ในโลกคนเดียวไม่ได้ ธรรมชาติสร้างมาสำหรับให้อยู่ด้วยกัน แม้ว่าเขาจะยกโลกทั้งหมดให้เราครอบครองอยู่คนเดียว นี่เราก็ทำไม่ได้ อยู่ไม่ได้ เพราะมันต้องมีเพื่อน ดังนั้นจึงต้องมีเพื่อนที่ถูกต้องตามความหมายของเพื่อน เป็นเพื่อนที่ดี คือเพื่อนที่พึ่งพาอาศัยกันได้ ความหมายของคำว่าเพื่อนที่ดี พึ่งพาอาศัยกันได้ แล้วโลกนี้มันก็จะปลอดภัย มีแต่เพื่อน มีแต่เพื่อน ไปทางไหนก็มีแต่เพื่อน เพื่อนที่ดี
ทีนี้ข้อที่ ๔ จะเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ นี่ก็คงจะสอนกันมามากแล้ว เรียนกันมามากแล้วในห้องเรียนว่าพลเมืองที่ดีนั้นเป็นอย่างไร ก็คือเป็นพลเมืองที่ทำประเทศชาติและตัวเองให้เจริญพร้อมกันไป เชื่อว่าสอนกันมามากแล้ว ก็จะไม่พูดมากนัก
นี้ข้อที่ ๕ เป็นสาวกที่ดีของพระศาสนา ทุกคนน่ะดูจะมีศาสนา ไม่ศาสนาใดก็ศาสนาหนึ่ง นี้ให้เป็นสาวกที่ดีในศาสนาของตนๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติ ก็มีสอนกันอยู่มากมายว่าจะต้องทำอย่างไร จะต้องเว้นความชั่ว จะต้องประพฤติความดี จะต้องทำจิตให้บริสุทธิ์ แจ่มใส ผ่องใส นี่เป็นหลักทั่วไป ทำตนให้เป็นสาวกที่ดีในศาสนาของตน
ข้อสุดท้ายข้อ ๖ ว่าจงเป็นมนุษย์ที่เต็ม คือเมื่อได้เป็นบุตรที่ดี เป็นศิษย์ที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี เป็นพลเมืองที่ดี เป็นสาวกที่ดี แล้วเขาก็เป็นมนุษย์ที่เต็ม คือเต็มแห่งความเป็นมนุษย์ มีคุณธรรมแห่งความเป็นมนุษย์เต็มที่ นี่เรียกว่ามนุษย์ที่เต็ม ในความหมายธรรมดาๆก็หมายความว่าถูกต้องตามความเป็นมนุษย์ บางคนมันเป็นมนุษย์ที่ไม่เต็มน่ะ เขาเรียกว่าไม่เต็มบาท นี่มันก็ไม่ไหว ที่มันเตลิดเปิดเปิงไปด้วยความโง่เขลา เป็นมนุษย์เกินบาท นี่มันก็ใช้ไม่ได้ ไม่เต็มบาทก็ใช้ไม่ได้ เกินบาทก็ใช้ไม่ได้ เป็นมนุษย์ที่เต็ม มีความเต็มแห่งความเป็นมนุษย์พอเหมาะพอดี นี่เรียกว่าเป็นมนุษย์ที่เต็ม แล้วมันก็สร้างขึ้นมาได้ด้วยการทำ ๕ อย่างข้างต้นนี่แหละให้ถูกต้อง คือเป็นบุตรที่ดี เป็นศิษย์ที่ดี เป็นเพื่อนที่ดี เป็นพลเมืองที่ดี เป็นสาวกที่ดี แล้วมันก็เป็นมนุษย์ที่เต็มได้โดยอัตโนมัติ ฉะนั้นขอให้ทุกคนไปชำระสะสางความเป็นอยู่ของตน ว่าได้มีความถูกต้องตามนี้แล้วหรือยัง เป็นศิษย์ที่ดีนั้นเป็นไปจนเข้าโลง แม้เราจะแก่เฒ่าเข้าโลง จะเข้าหลุมแล้ว มันก็ยังมีฐานะเป็นศิษย์ของอาจารย์คนใดคนหนึ่งอยู่ ก็เป็นศิษย์ที่ดี นี่เป็นๆๆๆศิษย์ที่ดี ทีนี้จะต้องชำระสะสางไปตั้งแต่เดี๋ยวนี้ว่ามีแต่ความถูกต้อง
ทีนี้เป็นเพื่อนที่ดีนี่ก็พอจะรู้กันได้ว่ามีแต่เพื่อนที่ดี ไม่มีเพื่อนอันธพาล ชำระสะสางตนให้เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน แล้วก็ชำระสะสางตนให้เป็นพลเมืองที่ดี เป็นไอ้สาวกที่ดีไปตามลำดับ ในที่สุดก็มาสำคัญอยู่ตรงที่ว่า ทั้งหมดนี้มันเป็นหน้าที่ การเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดาก็เป็นหน้าที่ การเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ก็เป็นหน้าที่ การเป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อนก็เป็นหน้าที่ การเป็นพลเมืองที่ดีก็เป็นหน้าที่ การเป็นสาวกที่ดีก็เป็นหน้าที่ ความเป็นมนุษย์ที่เต็มก็เป็นหน้าที่ ทั้งหมดสรุปรวมได้ในคำๆเดียวว่า หน้าที่ แล้วก็พึงรู้เถิดว่า คำว่าหน้าที่น่ะคือคำว่า ธรรมะ เพราะธรรมะ ธรรมะโดยแท้จริงในภาษาอินเดียโบราณ เขาแปลว่าหน้าที่ ดิคชันนารีอินเดียแปลคำธรรมะว่าหน้าที่ ดิคชันนารีเมืองไทยจะเป็นอย่างไรก็ไม่แน่ ดูจะแปลว่าคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า แม้จะแปลว่าคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ก็หมายถึงหน้าที่นั่นเอง พระพุทธเจ้าสอนเรื่องหน้าที่ของมนุษย์ มนุษย์ทุกคนจะต้องทำอย่างไร ดังนั้นคำสั่งสอนทั้งหมดของพระพุทธเจ้าก็คือเรื่องหน้าที่ ฉะนั้นเราจงถือเอาความหมายคำว่าหน้าที่ให้ถูกต้อง นั่นคือเป็นธรรมะ
สิ่งที่เรียกว่าธรรมะนั้นมี มีความมุ่งหมายว่าจะช่วยให้รอด การที่มีธรรมะ มีธรรมะกันนี่เพื่อจะช่วยให้รอด ให้รอดจากความทุกข์ทุกชนิด กระทั่งว่าอยู่เหนือความตาย เหนือปัญหาแห่งความตาย นี่ธรรมะช่วยให้รอด ทีนี้ที่จะช่วยให้รอดจริงๆ มันก็คือหน้าที่นั่นเอง คือต้องทำหน้าที่ หน้าที่จึงคือธรรมะ ธรรมะจึงคือหน้าที่ ปฏิบัติธรรมะคือปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่คือปฏิบัติธรรมะ จะเป็นหน้าที่ของบุตรที่ดีก็ตาม หน้าที่ของศิษย์ที่ดีก็ตาม หน้าที่ของเพื่อนที่ดีก็ตาม หน้าที่ของพลเมืองที่ดีก็ตาม ของสาวกที่ดีก็ตาม ของความเป็นมนุษย์ที่เต็มก็ตาม เป็นหน้าที่แล้วก็คือธรรมะ ฉะนั้นขอให้ทุกคนไม่บกพร่องในหน้าที่ ๖ ประการนี้ แล้วก็จะช่วย จะช่วยได้ ปฏิบัติให้ถูกตามระเบียบ ตามหลักเกณฑ์ของหน้าที่อยู่ตลอดเวลาทั้งวันทั้งคืน ทั้งหลับทั้งตื่น บางคนจะไม่เข้าใจว่าหลับจะปฏิบัติได้อย่างไร มันก็หมายความว่าในเวลาหลับนั้นไม่ได้ปฏิบัติผิด ไม่ได้ปฏิบัติผิดตลอดเวลาหลับ หลับลงไปด้วยความถูกต้อง ตื่นขึ้นมาด้วยความถูกต้อง ก็เรียกว่าปฏิบัติถูกทั้งหลับทั้งตื่น นี่ ขอให้มันเป็นอย่างนี้
นี่ขอให้ท่านทั้งหลายจงสำนึกในสิ่งที่เรียกว่าหน้าที่ สิ่งใดเป็นหน้าที่ก็ขอให้ทำด้วยความเคารพ ด้วยความรู้สึกว่ามีเกียรติ เป็นชาวนา ชาวสวนก็ทำนา ทำสวน เป็นคนค้าขายก็ค้าขาย เป็นข้าราชการก็ทำราชการ เป็นกรรมกรก็ทำกรรมกร แม้ที่สุดแต่เป็นคนขอทาน มันก็ต้องทำหน้าที่ของคนขอทานให้ถูกต้อง ไม่เท่าไรก็จะพ้นสภาพคนขอทาน เพราะฉะนั้นหน้าที่นั่นแหละมันช่วย จึงขอให้ทุกคนเคารพหน้าที่ บูชาหน้าที่ ซึ่งอาจจะเป็นกฎของลูกเสือข้อหนึ่งด้วย การเคารพหน้าที่ เมื่อเคารพหน้าที่ในฐานะเป็นธรรมะ เป็นสิ่งสูงสุด มันก็ต้องพอใจ เมื่อได้กระทำหน้าที่ พวกอันธพาลทั้งหลายไม่ชอบหน้าที่ ไม่ คือไม่ชอบธรรมะนั่นเอง สาธุชนทั้งหลายก็ชอบหน้าที่ สิ่งใดเป็นหน้าที่ก็ทำดีที่สุด ทำดีที่สุด ไม่ว่าหน้าที่ใหญ่ๆ หน้าที่กลางๆ หน้าที่เล็กๆ หน้าที่ใหญ่ก็เช่นว่า เป็นนักเรียนก็เรียน เป็นครูก็สอน หรือว่าการประกอบอาชีพของคนทุกประเภทนั่นแหละเรียกว่าหน้าที่ใหญ่ ทีนี้หน้าที่ที่จะต้องบริหารตัวเอง อย่าให้มีอุปสรรค อย่าให้มีโรคภัยไข้เจ็บ ให้สมบูรณ์ด้วยสุขภาพอนามัยก็เป็นหน้าที่ ต้องทำให้ดีที่สุด พอทำแล้วก็พอใจ
ทีนี้หน้าที่เล็กๆน้อยๆเป็นการบริหารร่างกาย นับตั้งแต่ว่าจะต้องกินอาหาร ก็กินให้ถูกต้องให้ดีที่สุด จะถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ก็ทำดีที่สุด จะอาบน้ำ จะแต่งตัว จะทำอะไรทุกอย่างน่ะ ต้องเคารพว่าเป็นหน้าที่ และมีสติสัมปชัญญะ ทำให้ดีที่สุด นี่เรียกว่าเป็นผู้ไม่บกพร่องในการทำหน้าที่ ตั้งแต่เช้าจนค่ำจนจะนอน เอามาทบทวนดูก่อนนอนก็รู้ โอ้, ถูกต้องหมด ถูกต้องหมด ถูกต้องหมด พอใจ พอใจ พอใจ ยกมือไหว้ตัวเองได้ ก็เป็นสวรรค์แท้จริงที่นั่น เวลานั้น เมื่อคนเรายกมือไหว้ตัวเองได้นั่น นั่นแหละคือสวรรค์ที่แท้จริง ไม่หลอกลวง ที่นี่และเดี๋ยวนี้ สวรรค์ที่แท้จริง สวรรค์ต่อตายแล้วน่ะ ถ้ามันมีมันก็ขึ้นอยู่กับสวรรค์นี้ สวรรค์ที่นี่และเดี๋ยวนี้ เพราะว่ามันต้องทำดีอย่างนี้มันจึงจะไปสวรรค์ เพราะฉะนั้นสวรรค์จึงคือความดีที่ทำจนยกมือไหว้ตัวเองได้ หรือว่าการยกมือไหว้ตัวเองได้น่ะคือการเสวยสวรรค์ชนิดที่แท้จริง ที่นี่ และเดี๋ยวนี้ ใครเคยได้ยินบ้าง ยกมือไหว้ตัวเอง ถ้าไม่ได้ยินก็ได้ยินเสียแต่วันนี้ สวรรค์ที่นี่ ที่นี่ ก็ถ้าไม่เคยได้ยินก็ได้ยินเสียเดี๋ยวนี้ว่ามันมีสวรรค์ที่นี่เมื่อกระทำความดีจนยกมือไหว้ตัวเองได้ ไม่ว่าที่ไหน ไม่ว่าใคร นี่มันเป็นการกระทำที่ดีที่สุด ถูกต้องต่อตัวเองที่สุด ซื่อสัตย์ ซื่อตรงต่อตัวเองที่สุด ซื่อตรงต่อความเป็นมนุษย์ของตนที่สุด เป็นอุดมคติที่เป็นหัวใจของพวกลูกเสือ ซึ่งดูเหมือนจะพูดกันแต่ปาก กฎเกณฑ์ต่างๆมีท่องกันแต่ปาก แล้วก็ไม่ได้ประพฤติ อย่างนี้มันก็ไม่สำเร็จประโยชน์อะไร นี่ขอให้ตั้งใจเสียใหม่ เพียงอย่างเดียวเท่านั้นน่ะ คือทำหน้าที่อย่าให้บกพร่องได้ หน้าที่ของลูกเสือก็ทำ ในนามของ ในฐานะเป็นหน้าที่ของยุวชน ก็จะเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน ทำแล้วมันก็เป็นลูกเสือที่ดี แล้วต่อไปก็เป็นพลเมืองที่ดี เป็นสาวกที่ดี เป็นมนุษย์ที่เต็ม เรื่องมันก็จะจบการมาเกิดมาทีหนึ่ง ได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์จนยกมือไหว้ตัวเองได้ เรื่องนี้ไปใคร่ครวญดูเองทุกคน ว่าใครเมื่อนึกถึงตัวเองแล้วยกมือไหว้ตัวเองได้ หรือว่าเมื่อนึกถึงตัวเองแล้ว เห็นแต่สิ่งที่น่ารังเกียจ เกลียดชัง อิดหนาระอาใจตัวเอง คือทำความชั่วปกปิดไว้ มันก็ยกมือไหว้ตัวเองไม่ลง ถ้ามันไม่มีไอ้ความชั่วเหล่านี้แล้ว มันก็ยกมือไหว้ตัวเองได้ แล้วก็พอใจ แล้วก็ชื่นใจตัวเอง เป็นสวรรค์กันที่นี่และเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องรอต่อตายแล้ว แม้นี้ก็เป็นอุดมคติที่เข้ากันได้กับอุดมคติของลูกเสือทั้งหลาย กระทั่งท่านทั้งหลายจงพัฒนาตนเองให้ขึ้นมาถึงขนาดนี้ แล้วก็เหมาะสม แล้วก็พร้อมที่จะพัฒนาผู้อื่น คือช่วยกันพัฒนาประเทศชาติ แล้วก็จะไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้มาอยู่ในสภาพอย่างนี้ คือสภาพพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุดที่มนุษย์มันจะดีได้ แล้วก็ยกมือไหว้ตัวเองได้แล้วเรื่องมันก็จบกัน
ฉะนั้นขอให้จำไปโดยแม่นยำ หนักแน่นที่สุดว่าธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่คือธรรมะ เมื่อจะมีธรรมะจงปฏิบัติหน้าที่ ถ้าไม่ปฏิบัติหน้าที่แล้วที่วัดก็ไม่มีธรรมะ ในโบสถ์ก็ไม่มีธรรมะ ถ้าไม่ปฏิบัติหน้าที่ ถ้าปฏิบัติหน้าที่แล้ว กลางทุ่งนาโน่นก็มีธรรมะ ไถนาอยู่โครมๆมันก็มีธรรมะ เพราะว่าปฏิบัติหน้าที่ ทำหน้าที่เมื่อไรเรียกว่ามีธรรมะเมื่อนั้น แม้จะนั่งขอทานอยู่ก็ชื่อว่าปฏิบัติธรรมะ คือทำหน้าที่ที่ดีของคนขอทาน ตามที่สภาพธรรมชาติมันบังคับว่าเราทำอย่างอื่นไม่ได้ เป็นคนที่ตาย ก็ต้องนั่งขอทานอย่างนี้เป็นต้น แต่ก็มีธรรมะเสมอกัน หวังว่าท่านทั้งหลายทุกคนคงจะจดจำไอ้คำที่มีความหมายสำคัญเพียงคำเดียวพยางค์เดียวว่า ธรรม หรือ ธรรมะนี้ ไปเป็นเครื่องตักเตือนตนเองอยู่ตลอดเวลา และให้ประพฤติธรรมะอยู่ตลอดเวลาคือทำหน้าที่ทุกอย่าง ที่เป็นหน้าที่ใหญ่ ที่เป็นหน้าที่กลาง เป็นหน้าที่เล็ก จนกระทั่งว่าแม้แต่จะรับประทานอาหาร จะไปอาบน้ำ จะนุ่งผ้าก็ขอให้ทำด้วยสติสัมปชัญญะ อย่าให้ทำด้วยจิตใจที่มันเป็นกิเลสตัณหา ล่องลอยไปทางไหนก็ไม่รู้ แม้ในการกินอาหารการไอ้ทำอะไรก็ทำด้วยใจลอย อย่างนี้มันไม่ใช่ ไม่ใช่หน้าที่ ไม่ใช่ธรรมะ มันต้องทำด้วยสติสัมปชัญญะ รู้สึกตัวอยู่ ควบคุมอยู่ แล้วก็ทำให้ถูกต้องที่สุด ให้ดีที่สุด นี่เป็นการปฏิบัติธรรมทุกอิริยาบถในที่ทุกสถาน แล้วก็ได้ชื่อว่ามีสวรรค์อยู่ทุกๆอิริยาบถ คือพอใจตัวเอง ยกมือไหว้ตัวเองอยู่กันได้ทุกๆหน ทุกๆแห่ง ทุกๆเวลา ทุกๆสถานที่
นี่ก็ขอสรุปความว่า ท่านจงนึกถึงหน้าที่ ๖ ประการ หน้าที่ ๖ ประการ คือ เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ เป็นสาวกที่ดีของพระศาสนา แล้วก็เป็นมนุษย์ที่เต็มเปี่ยมแห่งความเป็นมนุษย์ พัฒนาตัวเองได้อย่างนี้แล้วก็พัฒนาผู้อื่นโดยความหมายเดียวกัน เรื่องมันก็จบ คือพัฒนาได้ทั้งตัวเอง พัฒนาได้ทั้งผู้อื่น เต็มตามความหมายที่มนุษย์ควรจะมี ขอแสดงความหวังว่าท่านทั้งหลายคงจะมีความเข้าใจในคำว่าหน้าที่ แล้วท่านทั้งหลายก็จะได้มีความเคารพในหน้าที่ รู้สึกพอใจในหน้าที่ ประพฤติหน้าที่ คือประพฤติธรรมะอยู่ทุกอิริยาบถในที่ทุกหนทุกแห่ง ทุกเวลา ทุกกาลเวลาแล้ว เป็นผู้เจริญงอกงามอยู่ในความเป็นมนุษย์นี้ ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ.
บทสนทนาหลังการบรรยายธรรม (หลังจาก นาทีที่ 23:56 เป็นต้นไป)
ท่านพุทธทาส : เขาบอกให้พูด ๓๐ นาที คนที่มานิมนต์ เขาจะไปเที่ยวหรืออะไร เรื่องพัฒนาไม่มี ในระยะอย่างนี้มันไม่มี เชิญ เถอะ เชิญ ไปได้ทั่ววัดเลย ไปได้ทั่ววัด
หัวหน้าคณะลูกเสือเนตรนารี : ในโอกาสที่คณะลูกเสือเนตรนารีวิสามัญของกรมอาชีวะศึกษาทั่วประเทศได้มาอบรมกัน ณ ค่ายลูกเสือไชยาครั้งนี้ ทางคณะลูกเสือได้รวบรวมจตุปัจจัยทั้งหมดได้เป็นมูลค่า ๑,๗๘๖ บาท ใคร่จะขอถวายไว้เป็นค่าใช้จ่ายในหมวดสาธารณูปโภคแก่ทางวัด กระผมขอถวายแก่พระคุณเจ้า
ท่านพุทธทาส : สุชาติ เอาไปเอาหนังสือมาให้ วางนี่ วางนี่
ต้องให้ ๑๗ มัดเล็กๆ ด้วย ๑๗ มัด
ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ๑๗ มัด
ช่วย ช่วยรอ หัวหน้าช่วยรอนิดเดียว รับหนังสือ ทางนี้จะไปเที่ยวก็เชิญ
นี่มาจากกรุงเทพ ไม่ใช่มาจากหลายๆจังหวัด อ๋อ,
เชิญไปเที่ยว ถ้าจะดูหนังสือที่ทำมาเป็นเวลา ๕๐ ปี มาแสดงอยู่ที่ตึกนี้ ตึกแดงหลังนี้ ทั้งหมดนั้น ทำมาเป็นเวลา ๕๐ ปี แสดงว่างานนั้นทำให้สนุกได้ ถ้างานทำให้สนุกได้ จะทำไม่ได้มากอย่างนั้น เพราะฉะนั้นการจะทำให้ได้มากอย่างนั้นเป็นพยานหลักฐานว่า งาน งาน หรือหน้าที่นั้นทำให้สนุกได้ จึงทำได้มาก ข้อนี้ก็ดูสิ เพราะที่โน่นมีรูปภาพ รูปภาพทั้งหลาย อธิบายธรรมะได้ข้อหนึ่งๆทุกภาพ แล้วก็ไปที่โรงปั้น ไปแจกตุ๊กตาเป็นที่ระลึก แล้วก็ไปที่สระนาฬิเก ดูสระนาฬิเก ความหมายของนิพพาน
นี่ นี่ เข้ามานี่ เข้ามานี่ มาช่วยเอาหนังสือ ๑๗ มัดเถอะ ไปแบ่งกันเอง เพราะมันอ้างไม่ถูกว่าใคร เอาไปแบ่งกันเอง ถ้าสนใจจะไปดูโบสถ์ก็ขึ้นไปบนภูเขานี้ จะแบ่งไปตามหมู่ ตามกอง ตามจังหวัด ตามอะไรก็สุดแท้
ตอนบ่ายอีกครั้งเหรอ มีไหม ตามกำหนดมีไหม วันที่ ๑๒ อ้อ, นึกออกแล้ว วันปิด วันนี้เปิด อ้อ, คนละรุ่น
หัวหน้าคณะลูกเสือเนตรนารี : รู้สึกจะเหมาะสมกับเวลาของเราที่มีอยู่นะฮะ ไปที่อื่นอาจจะไม่ทันเวลา อาจจะได้เพียงแห่งเดียว หลังจากจบคอร์สนี้แล้ว อาจารย์จะมาได้เป็นส่วนตัวอีกครั้งหนึ่ง