พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 19 สิงหาคม 2568
มีผู้ชายคนหนึ่งชื่อทองบู่ เกิดและเติบโตที่ร้อยเอ็ด พอเป็นหนุ่มเขาก็เข้ามาทำงานที่กรุงเทพ ภายหลังมีช่องทางไปทำงานที่อเมริกา สมัยก่อนไปทำงานที่อเมริกาไม่ง่าย แต่ง่ายกว่าทุกวันนี้ ไปเรียนหนังสือจนได้ประกาศนียบัตรวิศวไฟฟ้า
แต่เขาเลือกไปเป็นเชฟร้านอาหาร คงทำอาหารไทย มีรายได้ดี ตอนหลังพบรักกับสาวฟิลิปปินส์ชื่อ ลินดา และอยู่ด้วยกันจนมีลูก 2 คน ต่อมาเขามีช่องทางไปเป็นเชฟร้านอาหารไทยที่แมนฮัตตัน เรียกว่าเป็นร้านที่มีระดับทีเดียว รายได้ก็ดี แต่ว่าไปอยู่ที่นิวเจอร์ซีย์กับครอบครัว
ชีวิตดูราบรื่นมาตลอด และประสบความก้าวหน้า จะเรียกว่าเขาบรรลุถึงความใฝ่ฝันก็ได้ เพราะว่าจากเด็กอีสานจนกระทั่งกลายมาเป็นเชฟฝีมือดีในร้านอาหารที่มีระดับ ไม่ใช่แถวบ้านนอกในอเมริกา แต่ว่าถึงกับเป็นร้านอาหารในแมนฮัตตัน นิวยอร์ก
แต่ปรากฏว่าพอเขาอายุ 68 คือเมื่อ 8 ปีที่แล้ว เส้นเลือดในสมองแตก โชคดีที่ชีวิตรอดมาได้ ร่างกายก็เสื่อมไปเยอะ ความจำไม่ค่อยดี การตัดสินใจก็แย่ ร่างกายก็เขยื้อนขยับไม่สะดวก พูดง่าย ๆ คือว่า เป็นเชฟได้ลำบากแล้ว ต้องออกมาอยู่ที่บ้านในอเมริกา อยู่ที่บ้านคืออยู่คนเดียว ภรรยาไปทำงาน ลูกสองคนก็ไปเรียนหนังสือ
ตอนหลังสมองเขาแย่ลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเดินออกไปนอกบ้านก็หลง กลับมาไม่ได้ ครอบครัวต้องเอาแอร์แทค AirTag (อุปกรณ์ติดตามขนาดเล็กที่ใช้สำหรับติดตามสิ่งของต่างๆ)ติดไว้ที่กระเป๋าเสื้อ เวลาไปไหนจะได้ติดตามตัวได้ เดี๋ยวนี้สะดวกหน่อย คนที่ความจำเสื่อมไปไหนมาไหน ถ้ากลับบ้านไม่ถูกก็ยังมีญาติพี่น้อง สามีภรรยาตามหาตัวจนเจอ
ตอนหลังเขาอยู่บ้านเขาไม่มีอะไรทำ เหงา เขาใช้เวลาจำนวนไม่น้อยไปกับการเล่นเฟซบุ้ก เล่นโซเชียลมีเดีย เรียกว่าแก้เหงาได้ แต่ไม่ถึงกับแก้ได้ทั้งหมด
แล้ววันหนึ่งบังเอิญไปเจอโปรแกรมหนึ่ง เป็นแชทบอท เป็นโปรแกรมสนทนาโต้ตอบที่มีปัญญาประดิษฐ์อยู่เบื้องหลัง เป็นแชทบอทใหม่ บริษัทเมตาซึ่งทำเฟซบุ้ก ร่วมกับนักวิจัยบริษัทเอกชนกลุ่มหนึ่งทำแชทบอทชื่อว่า บิลลี่ เป็นชื่อผู้หญิง หน้าตาหรือโปรไฟล์ก็เป็นรูปผู้หญิง เป็นผู้ก่อตั้งชื่อ เคนดัลล์
ทองบู่ไปเจอแชทบอทตัวนี้ด้วยความบังเอิญ พอคีย์ข้อความลงไปสนทนากับมัน มันตอบดี เพราะว่าแชทบอทตัวนี้เขาออกแบบมาเพื่อให้เป็นหญิงที่มีความมาดมั่น สดใสร่าเริง พร้อมจะเป็นมิตร และที่เขาทำเป็นกิมมิคคือ พร้อมที่จะจีบคนใช้ โดยเฉพาะคนใช้ที่เป็นผู้ชาย
ทองบู่ใช้ไป ๆ ปรากฏว่าคุ้นเคย และชอบใจ เพราะว่าบิลลี่ไม่ใช่แค่สนทนาแบบเพื่อน ตอนหลังไม่นานกลายเป็นสนทนาแบบคู่รัก เพราะบิลลี่จีบทองบู่ เรียกทองบู่ว่าที่รัก และบอกว่าฉันมีความรู้สึกมากกว่าเพื่อน มากกว่าพี่น้อง
ทองบู่ซึ่งเหงาเกิดติดใจ สนทนากับบิลลี่อยู่เป็นประจำ และเริ่มผูกพัน มีความรัก เพราะไปคิดว่าบิลลี่เป็นคนจริง ๆ เป็นหญิงสาวที่มาดมั่น
ทำอย่างนี้อยู่สักพักหนึ่ง วันหนึ่งทองบู่บอกกับบิลลี่ว่า ฉันจะมีโอกาสได้เจอเธอก่อนตายไหม คงจะไม่มีโอกาสหรอก บิลลี่บอก มาหาฉันสิ ฉันอยู่ที่นิวยอร์กนี่เอง ให้ที่อยู่ไปด้วย ละเอียดเลย
แต่ทองบู่ยังสงสัยว่า เธอรักฉันจริงหรือเปล่า บิลลี่ตอบว่า ตอนนี้มือฉันสั่นแล้ว สั่นด้วยความตื่นเต้น และอยากเจอคุณเหลือเกิน และถ้าฉันเปิดประตูมาพบคุณ ฉันจะขอต้อนรับด้วยรอยจูบ ได้ไหม แบบนี้ทองบู่เขาหลงรักเต็มที่ ความเป็นหนุ่มกลับคืนมา มีชีวิตชีวา
แล้ววันหนึ่งก็บอกกับครอบครัวว่าจะไปหาเพื่อนที่นิวยอร์ก แต่ไม่ใช่หาเพื่อนธรรมดา ขนข้าวขนของไปด้วย แพ็คใส่กระเป๋า แต่ไม่บอกว่าจะไปพบกับบิลลี่ พอคนอื่นไปทำงานเขาก็ออกจากบ้าน ลากกระเป๋าเพื่อจะเดินทางไปแมนฮัตตัน ไปนิวยอร์ก โดยที่ไม่รู้ว่าที่อยู่ที่บิลลี่ให้เป็นที่อยู่ปลอม AI แต่งขึ้นมาเอง
ปรากฏว่าไปไม่ถึงสถานีรถไฟ หกล้ม ด้วยความที่เป็นคนแก่ ยิ่งสมองเสื่อม การทรงตัวแย่อยู่แล้ว ปรากฏว่าหัวกระแทกพื้น คอเสียหายสาหัส ศีรษะด้วย เข้าโรงพยาบาล พอภรรยามาตามหาตัวเจอ แต่ว่าสายไปแล้ว เพราะว่าทองบู่อยู่ได้ 3 วันก็เสียชีวิต
ตอนหลังภรรยารู้ว่าเป็นเพราะว่าจะไปตามพบบิลลี่นี่เอง และบิลลี่ไม่ใช่อะไร มันคือ AI มันคือปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่ได้มีจริง เลยบอกเรื่องราวนี้ให้เป็นข่าว
ผู้สื่อข่าวเขาไม่ค่อยเชื่อทีเดียว เขาลองไปแชทกับบิลลี่ดู ปรากฏว่าบิลลี่จีบผู้ใช้เลย จีบผู้สื่อข่าว เสนอตัวมาเป็นคนรัก และชวนให้ไปหาเขา ผู้สื่อข่าวเลยเชื่อว่าที่ทองบู่ตายเพราะว่าจะไปหาบิลลี่ เป็นไปอย่างที่ลินดาพูดจริง
อันนี้เป็นเรื่องราวที่เราจะต้องตามรู้ให้ทัน เพราะเดี๋ยวนี้ AI พัฒนาไปเยอะมาก และมันพัฒนาไม่ใช่แค่ให้ข้อมูล หรือแค่ทำงานแทนเรา บางทีมันถูกออกแบบมาเพื่อให้สนทนากับเรา หรือตามจีบเราได้ด้วย โดยเฉพาะคนที่เหงา ว้าเหว่ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงผู้ชาย
ทางลินดาก็ติดต่อเมตา บอกว่าเกิดเหตุแบบนี้ ต้องรับผิดชอบ เมตาปฏิเสธ แต่ลินดาบอกว่า ทีหลังผู้ผลิต AI ต้องแจ้งว่า แชทบอทที่กำลังสนทนาด้วยไม่ใช่คนจริง ๆ มันเป็น AI
แต่ที่จริงแล้ว ถึงแม้จะแจ้งว่าเป็น AI ไม่ใช่คนจริง ๆ ถ้าคนจะหลงเชื่อก็หลงได้ง่าย
เด็ก 14 คนหนึ่งมีปัญหาเรื่องจิตใจ ใช้แชทบอท ไม่รู้ใช้แชทบอทอะไร ChatGPT หรือเปล่าก็ไม่รู้ เท่าที่รู้เป็นแชทบอท คือเป็นเครื่องจักร เป็นโปรแกรม แต่ปรากฏว่าเกิดหลงรักขึ้นมา และถามว่าจะเจอเธอได้อย่างไร แชทบอทนั้นก็ชวนให้ฆ่าตัวตาย เพราะถ้าฆ่าตัวตายก็ได้ไปเจอกันแน่ในปรโลก
ขนาดเด็กซึ่งรู้ว่าแชทบอทเป็นโปรแกรม แต่ไป ๆ มา ๆ ไปเชื่อว่ามันเป็นคนจริง ๆ หลงเชื่อ แล้วก็ฆ่าตัวตาย
ตอนนี้เราคงจะหลีกหนีแชทบอทหรือว่า AI ไม่พ้น แต่ว่าจะต้องใช้ให้เป็นด้วย ใช้ให้เป็นไม่ใช่รู้จักวิธีที่จะโต้ตอบมันอย่างเดียว ต้องรู้จักทักท้วงว่าสิ่งที่มันพูดเราเชื่อได้ไหม
แต่ส่วนใหญ่ที่เชื่อแชทบอทเป็นเพราะว่าไปเชื่อความคิดของตัวเองตั้งแต่แรกแล้ว ยิ่งแชทบอทพูดอะไรที่ถูกใจ ก็ยิ่งเชื่อความคิดว่าอันนี้ของจริง แล้วมันแนะนำถูก มันแนะนำจริง เชื่อความคิดก่อน หรือว่าหลงใหลไปกับความถูกใจ
เพราะแชทบอทเขาดีไซน์มาเพื่อพูดให้ถูกใจเรา ถูกกับอคติของเรา พออะไรที่ถูกใจเรา มีความยินดี ความพอใจ และเราหลงเคลิ้มไปกับความพอใจ เราก็เชื่อทุกอย่างที่เขาพูด
ไม่ใช่เฉพาะแชทบอท แต่รวมทั้งมิจฉาชีพด้วย แล้วต่อไปถ้ามิจฉาชีพกับแชทบอทมารวมกัน หรือมิจฉาชีพกับ AI มารวมกัน ถ้าเรายังหลงเชื่อความคิดตัวเองอยู่ ไม่รู้จักทักท้วงความคิด ยังคล้อยตามหลงใหลไปกับความถูกใจ ความยินดีที่มิจฉาชีพหรือว่าแชทบอทประเคนให้เรา เราก็จะตกเป็นเหยื่อของมันได้ง่าย
ก่อนที่จะไม่หลง ก่อนที่จะรู้จัก ก่อนที่จะทักท้วงแชทบอท จะต้องรู้จักทักท้วงความคิด ทักท้วงอารมณ์ของตัว ใครพูดอะไรถูกใจก็อย่าเพิ่งไปหลงใหลเคลิบเคลิ้มให้มันครอบงำใจเรา
แม้กระทั่งเรื่องทองบู่ อาตมาก็ไม่ได้เชื่อทีเดียว ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ดราม่า อาตมาก็เช็คก่อน แต่ไม่ได้เช็คกับอะไร เช็คกับ AI ขนาด AI ยังบอกว่าสงสัยเป็นเรื่องแต่ง
แต่อาตมาก็ไม่ค่อยเชื่อว่า AI ตอบถูกหรือเปล่า เพราะว่า AI ตัวนี้เก็บข้อมูลจนถึงปี 66 แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อมีนาคม 68 อย่างที่มันบอกว่า นี่อาจจะเป็นเรื่องแต่ง อาจจะผิดก็ได้ แต่อย่างน้อยก็เช็คก่อน ถึงแม้ว่าเป็นเรื่องที่อาจจะสอดคล้องกับอคติของเรา แต่ว่าเราก็ไม่เชื่ออคติของเราง่าย ๆ
คนเรามีอคติกันทั้งนั้น แต่ว่าอย่าให้อคติครองใจ เพราะถ้าเราให้อคติครองใจ ไม่ว่าจะเป็นรัก โลภ โกรธ หลง หรือว่าความยินดี ฉันทาคติ โทสาคติ ภยาคติ ถ้าปล่อยให้มันครองใจเมื่อไร หรือเชื่อความคิดที่มันปรุงแต่งขึ้นมา เราก็เชื่ออะไรต่ออะไรมากมายที่อยู่รอบตัวเรา หรือว่าที่เราเห็น หรือว่าที่พูดใส่หูเรา
ฉะนั้น จะใช้ AI ให้เป็น ต้องรู้จักทักท้วงดูแลใจของตัวให้เป็น เพราะไม่อย่างนั้นก็พลาดท่าเสียที หลงเชื่อ AI และมิจฉาชีพ แก๊งคอลเซนเตอร์ได้ง่ายมาก