PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • วันนี้คุณโดนAIหลอกบ้างหรือยัง
วันนี้คุณโดนAIหลอกบ้างหรือยัง รูปภาพ 1
  • Title
    วันนี้คุณโดนAIหลอกบ้างหรือยัง
  • เสียง
  • 14038 วันนี้คุณโดนAIหลอกบ้างหรือยัง /aj-visalo/ai-5.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันพุธ, 13 สิงหาคม 2568
ชุด
ธรรมะสั้นๆ ก่อนอาหารเช้า 2568
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้า วันที่ 8 สิงหาคม 2568
    เวลาญาติโยมมาถวายสังฆทานพระก็รับ แล้วตามธรรมเนียมก็สวดอนุโมทนาเรียกว่าสวดสัพพี สัพพีติโย บทนี้คนเก่าคนแก่ ผู้สูงวัยหรือผู้ใหญ่คุ้นเคย เพราะเข้าวัดบ่อย ทำบุญเป็นประจำ แต่เด็กๆ คนรุ่นใหม่ วัยรุ่นไม่ค่อยรู้จัก แล้วไม่ค่อยสนใจด้วย
    บางทีพ่อแม่ชวนมาวัดพระสวดอนุโมทนาสัพพีติโย ขณะที่พ่อแม่พนมมืออย่างศรัทธาเด็กก็นั่งก้มดูมือถือ ไม่สนใจ ไม่เห็นความสำคัญ แต่เมื่อไม่นานมานี้ วัยรุ่นหนุ่มสาวเกิดสนใจสัพพีติโยขึ้นมา บางคนก็พยายามหาความหมายว่าแปลว่าอะไร ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร
    เพราะว่ามีนักร้องชื่อดังชาวอเมริกัน มารายห์ แครี่ 20 ปีก่อนเธอดังมาก ตอนนี้ก็ยังดังอยู่เพราะเพลงเธอก็ยังมีคนฟังอยู่เรื่อยๆ เธอร้องเพลงสัพพีติโยในจังหวะคึกคักมาก มีคลิปแพร่กระจายไปอย่างกว้างขวาง
    มีอาจารย์คนหนึ่งส่งคลิปนี้มาและถามอาตมาว่ามีความเห็นอย่างไรบ้าง ในใจเขาคงคิดว่าสัพพีติโยนั้นควรจะเป็นของพระ ไม่ใช่เอามาร้องเล่น
    อาตมาไม่ได้ตอบแต่ถามเขาก่อนว่า เช็คหรือยังว่ามันเป็นฝีมือ AI หรือเปล่า แกก็ได้คิดขึ้นมา ก็ไปเช็ค ปรากฏว่า มารายห์ แครี่ ไม่ได้ร้องเพลงนี้ ไม่ได้ร้องเพลงสัพพีติโย แต่เป็นฝีมือ AI เอาสัพพีติโยมาแปลงเป็นเพลงแล้วก็ยัดใส่ปากมารายห์ แครี่ และทำเป็นคลิปเผยแพร่
    ตอนหลังก็พบว่าไม่ใช่เฉพาะ มารายห์ แครี่ ที่ร้องเพลงสัพพีติโย นักร้องดังหลายคน ก็เอาบทสวดหลายบทที่คนไทยรู้จัก มาร้อง กลอเรีย เกย์เนอร์(Gloria Gaynor) คนนี้ก็เป็นนักร้องเก่ามาก ร้องเพลง อกุสลา ธมฺมา เอ็มมิเน็ม (Eminem)ก็ร้องเพลงชินบัญชร
    หลายคนดีใจที่นักร้องดังระดับโลกเอาคัมภีร์ เอาบทสวดทางพุทธศาสนามาร้องเป็นเพลง แสดงว่าพุทธศาสนาได้รับความสนใจจากนักร้องดังๆ สงสัยคนเหล่านี้นับถือพุทธด้วยซ้ำมั้ง ไม่ว่าจะเป็น มารายห์ แครี่ กลอเรีย เกย์เนอร์ ตอนหลังมาพบอีกว่าไมเคิล แจ็คสัน ก็ร้องอิติปิโส
    ก็เลยจับได้ว่าต้องเป็นการ make เมคขึ้นมา เพราะไมเคิล แจ็กสันตายไปนานแล้ว แต่คนที่ไม่รู้ก็เกิดความภาคภูมิใจในพุทธศาสนาว่า ฝรั่งเขายังสนใจเลยขนาดมีศรัทธาเอาเพลงสัพพีติโย อกุสรา ธมฺมามาร้องให้ดังกระหึ่มไปทั่วโลก
    ที่จริงเป็นฝีมือคนไทยและก็ดังในหมู่สังคมคนไทย เดี๋ยวนี้ AI พัฒนามากขึ้น จะเอาเพลงอะไรมายัดใส่ปากดารานักร้องคนไหนก็ได้ แล้วคนที่ไม่รู้ก็ไปหลงเชื่อว่าเขาศรัทธาในพุทธศาสนามาก ขนาดอกุสลา ธมฺมา ก็ยังเอามาแต่งเป็นเพลงได้
    ที่จริงถ้าคนทำ ทำด้วยเจตนาจะให้คนหนุ่มสาวคนไทยหันมาสนใจพุทธศาสนา เกิดศรัทธาในพระธรรม อยากเข้าวัด ก็เป็นเรื่องดี แต่ว่าไม่แน่ใจว่านั่นคือเจตนาที่ทำอย่างนี้หรือเปล่า อาจจะเป็นว่าต้องการเพิ่มยอดวิว คือเพิ่มจำนวนการเปิดดูคลิปนี้
    สิ่งเหล่านี้ก็เป็นอย่างที่พูดเมื่อวานว่า คนจำนวนมากต้องการทำอะไรก็ได้เพื่อเพิ่มยอดวิว เพิ่มยอดผู้ติดตาม เพิ่มยอดไลค์ ยอดแชร์ เพราะจะทำให้มีผลประโยชน์ตามมา มีโฆษณาหรือคนจ้างไปออกงานอีเวนท์ หรือมีบริษัทห้างร้านมาเป็นสปอนเซอร์ ก็ไม่รู้ว่าเจตนาเพื่ออะไร
    แต่ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่ามันเป็นของจริงหรือเปล่า หลายคนที่คิดว่าเป็นของจริงก็เท่ากับว่าโดนตกเบ็ดไปแล้ว เมื่อวานพูดไปแล้วว่ามันมีการตกเบ็ดคนไทย ด้วยการทำคลิปเชิดชูเมืองไทย อาหารไทยดี คนไทยนิสัยดี พุทธศาสนาไทยสุดยอด คนไทยก็หลงเชื่อด้วยการแชร์ไปเรื่อยๆ เป็น 10 เจ้า 20 เจ้า อย่างนี้เรียกว่าเป็นการตกเบ็ด เอาเหยื่อมาล่อคนไทยให้งับเหยื่อ อย่างนี้ก็ต้องระวัง ถ้าเป็นความจริงก็แล้วไป
    ก็ยังมีข้อถกเถียงเพราะบางคนก็บอกว่าของอย่างนี้เป็นของสูงเอามาร้องเป็นเพลงไม่ได้ เป็นเรื่องของพระไม่ใช่เป็นเรื่องของโยม ก็ว่ากันไป แต่ก่อนอื่นต้องแน่ใจก่อนว่าเป็นของจริงหรือเปล่า และถ้าไม่ใช่ของจริง ทำไปเพื่ออะไร เดี๋ยวนี้มีการเรียกยอดวิวด้วยวิธีการต่างๆมากมาย
    เมื่อ 2-3 วันก่อนก็มีภาพซึ่งแชร์กันไปสงสัยเป็นหลาย 100,000 แล้ว เป็นภาพนักเรียนมัธยมหญิงกำลังถือรูป
    รูปนั้นถ้าเข้าใจไม่ผิดจะเป็นพ่อซึ่งเป็นทหาร และเสียชีวิตจากการประทะที่ชายแดนเมื่อเร็วๆนี้ คนเห็นก็แชร์กันใหญ่ กดไลค์สารพัด ถ้าว่าคนทำนั้นทำเพื่อต้องการให้คนเกิดความสดุดีผู้ตาย คือทหารที่เสียสละเพื่อชาติ หรือเพื่อให้เห็นใจเด็กที่สูญเสียพ่อ อย่างนี้ก็แล้วไป แต่ถ้าทำเพื่อเรียกยอดวิวแล้วก็ถือว่าไม่เหมาะสม เพราะเป็นการหาประโยชน์จากความตาย จากการเสียสละของผู้คน ภาพนี้ไม่ใช่ภาพจริงแต่เป็นภาพที่ ai สร้างขึ้นมา แต่คนจำนวนไม่น้อยที่หลงเชื่อ แชร์กันไป แล้วก็กดไลค์ต่างๆ
    ทำไมจึงรู้ว่าเป็นภาพ ai เพราะมันมีพิรุธหลายอย่างเช่น ตัวอักษรที่ปักเป็นชื่อโรงเรียนที่หน้าอกของเด็ก ไม่เป็นภาษาไทย อะไรก็ไม่รู้ คือถ้าเราสังเกต ไม่ผลีผลาม จะพบว่ามีพิรุธหลายอย่าง ai ยังไม่สามารถจะทำให้เนียนได้ จะมีพิรุธในเรื่องภาษา
    อย่างที่เคยเล่าเมื่อ 2-3 วันก่อน ภาพถ่ายการแข่งโอลิมปิก สัญลักษณ์โอลิมปิกแทนที่จะเห็นเป็นห่วง 5 ห่วงก็ดันทำเป็นห่วง 7 ห่วง แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเป็นภาพที่สร้างขึ้น อย่างที่บอกถ้าในเมื่อเป็นภาพที่ ai สร้างขึ้นมา
    ถ้าทำเพื่อให้คนเกิดความสงสารเห็นใจเด็กที่สูญเสียพ่อแม่ หรือทำให้คนสดุดีทหารที่สละชีวิตเพื่อชาติ อย่างนั้นก็แล้วไป แต่ถ้าทำเพื่อเรียกยอดวิว เพื่อให้ตัวเองมีผลประโยชน์ตามเข้ามา อย่างนี้ก็ไม่ถูกต้อง บางทีขอเงินบริจาคด้วยซ้ำ ขอบริจาคเพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กที่สูญเสียพ่อในการประทะที่ชายแดน ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ไม่ใช่เรียกเอายอดวิว ยอดไลค์ แต่เอาเงินด้วย เรียกว่าผิดทั้งกฎหมายและศีลธรรมมาก
    ตอนนี้เวลาเราเห็นอะไรทาง Facebook ทางโซเชียลมีเดียต้องระวัง ที่จริงคนเราน่าจะฉลาดมากขึ้นหลังจากที่คนเราได้ใช้โทรศัพท์มือถือ ได้ดูโซเชียลมีเดียมามากมาย เราน่าจะมองเห็นอะไรกว้างขึ้น รู้โลกได้ลึกขึ้น มีวิจารณญาณมากขึ้น รู้จักวิพากษ์วิจารณ์ไม่เชื่อง่าย แต่เดี๋ยวนี้ปรากฏว่ายิ่งคนใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้นๆกลับโง่ลง ต้องพูดแบบนี้เพราะเชื่อง่ายเหลือเกิน ตกเป็นเหยื่อของคนที่ต้องการหาผลประโยชน์จากยอดวิว ยอดผู้ติดตาม
    เพราะฉะนั้นเราใช้โซเชียลมีเดียวันละหลายชั่วโมงต้องฉลาด ขึ้นไม่ใช่โง่ลง แต่เดี๋ยวนี้มันยากเพราะ ai มันประณีตมาก ทำอะไรได้เนียนมาก และยิ่งสมัยนี้คนไม่ค่อยยึดถือสัจจะเท่าไหร่ คนสมัยก่อนเขายังมีความเชื่อในเรื่องของสัจจะ รักษาศีล ไม่มุสาวาส แต่สมัยนี้ไม่สนใจกันแล้วพร้อมจะโกหกเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว หรือบางคนอาจจะทำเพื่อความถูกต้อง โกหกเพื่อความถูกต้องด้วยเจตนาดีก็ถือว่าไม่เสียหาย คนสมัยนี้คิดแบบนี้มาก
    เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราเห็นทางโซเชียลมีเดียนั้นเราไม่แน่ใจได้เลยว่าเป็นความจริงหรือเปล่า แต่คนก็หลงเชื่อได้ง่าย อย่างนี้เป็นเพราะว่ายังไปคุ้นกับโลกสมัยก่อนที่คนยังมีสัจจะ ยังเห็นว่าการพูดเท็จเป็นสิ่งไม่ดี แต่สมัยนี้เปลี่ยนไปแล้ว การพูดเท็จ การไม่รักษาสัจจะ การโกหกเป็นเรื่องธรรมดา และยิ่งมี ai ก็ยิ่งทำให้การโกหกเนียนมากขึ้น
    แต่ก่อนมือถือทำให้การโกหกไปได้เร็ว ไปได้กว้าง แต่เดี๋ยวนี้มี ai เข้ามาอีก ทำให้การโกหกเนียนขึ้นและทำได้ง่ายขึ้น ยิ่งต้องระวัง ไม่อย่างนั้นเราจะตกเป็นเหยื่อได้ง่าย และเราก็อาจจะหน้าแตกก็ได้ เมื่อพบว่าสิ่งที่เราตะบี้ตะบันแชร์มันไม่ใช่ความจริง แต่เป็นเรื่องที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่าแหกตา ต้องระวัง.

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service