พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 20 กรกฎาคม 2567 (วันอาสาฬหบูชา)
วันนี้เป็นวันบุญ วันมงคลเพราะไม่ใช่วันพระธรรมดา แต่เป็นวันอาสาฬหบูชาซึ่งเป็นวันสำคัญที่สุด 1 ใน 3 ที่ชาวพุทธเราจะต้องระลึกนึกถึงอยู่เนืองๆ
ที่ว่าเป็นวันบุญนั้นไม่ใช่เพราะว่าเป็นวันที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นกับพระพุทธเจ้าเมื่อ 2,600 ปีที่แล้วเท่านั้น ที่ว่าเป็นวันบุญเป็นวันมงคลก็เพราะว่า เป็นวันที่เราจะได้มีโอกาสระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นพระบรมศาสดาของเรา เดี๋ยวนี้มีเพียงไม่กี่วันที่เราจะหวนระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้าหรือพระรัตนตรัย
ที่พูดถึงนี้หมายถึงคนส่วนใหญ่ เพราะว่าตลอดทั้งปีผู้คนมักจะนึกถึงลูก นึกถึงหลาน นึกถึงงานการ นึกถึงอาชีพ นึกถึงหนี้สิน บางทีก็นึกถึงเหตุบ้านการเมือง นึกถึงเรื่องเศรษฐกิจ พอนึกถึงเรื่องพวกนี้แล้วจิตใจก็กังวล วิตกเครียด กลัดกลุ้ม ขุ่นมัว
แต่ถ้ามีวันใดที่จะมีเหตุปัจจัยให้เราระลึกนึกถึงพระรัตนตรัยหรือพระพุทธเจ้าก็คงจะเป็นวันนี้ วันอาสาฬหบูชา รวมทั้งวันอื่น วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา เพราะว่าที่ไหนๆก็มีการเชิญชวนประชาสัมพันธ์ให้ผู้คนได้ไปร่วมกันทำบุญ แต่ขออย่าให้เป็นการทำบุญตามประเพณี แต่เป็นการทำบุญเพราะว่าจิตใจเกิดศรัทธาในพระรัตนตรัย เมื่อจิตใจเกิดศรัทธาแล้วใจเป็นบุญก็ทำให้อยากจะทำบุญเกื้อกูลพระสงฆ์สืบต่อพระศาสนา
ฉะนั้นเมื่อถึงวันนี้ชาวพุทธจำนวนไม่น้อยจึงนึกถึงการใส่บาตร นึกถึงการถวายสังฆทานและที่พิเศษคือการถวายเทียนพรรษา เพราะพรุ่งนี้ก็จะเข้าพรรษาแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ถึงแม้ว่าเทียนพรรษาจะมีความจำเป็นน้อยลงก็ยังมีชาวพุทธจำนวนมากมีศรัทธาอยากจะถวายเทียนพรรษา หรือถ้าไม่ใช่เทียนก็จะเป็นหลอดไฟเพื่อให้แสงสว่างแก่พระสงฆ์ แม่ชีและผู้ปฏิบัติธรรม
ดังที่ทราบ นอกจากวันนี้แล้ว พรุ่งนี้ก็เป็นวันสำคัญด้วย คือเป็นวันเข้าพรรษาเป็นการเริ่มต้นของเทศกาล เทศกาลที่ว่านั้นส่วนใหญ่ก็นึกถึงเทศกาลทำบุญ เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ด้วยซ้ำ แต่ที่จริงแล้วเมื่อเรามาทำความดีที่วัดก็อย่านึกแต่เรื่องการทำบุญอย่างเดียว บุญนั้นมีประโยชน์ แต่ว่านอกจากบุญแล้วก็ให้เรานึกถึงธรรมด้วย
ธรรมนั้นคือธรรมะ เมื่อเรามาทำบุญแล้วก็อย่าลืมอย่าลืมนึกถึงการประพฤตธรรมด้วย สำคัญมากโดยเฉพาะถ้าเรานึกถึงทำบุญแล้ว ไปเข้าใจว่าทำบุญด้วยการให้ทานหรือถวายทานยังไม่พอ ในช่วง 3 เดือนนี้ขออย่าให้เป็นเพียงแค่เทศกาลทำบุญถวายทาน แต่ขอให้เป็นเทศกาลของการประพฤติธรรมด้วย
ประพฤติธรรมนั้นเริ่มตั้งแต่การสมาทานศีลหรือการรักษาศีลของตนให้มั่นคงโดยเฉพาะศีล 5 เป็นอย่างต่ำ เมื่อรักษาศีล 5 ดีแล้วก็ให้ทำความดีเพิ่มพูนยิ่งกว่านั้น นอกจากการไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีที่เป็นการเบียดเบียนผู้อื่นแล้วก็ควรจะละเว้นการเบียดเบียนตน พฤติกรรมการบริโภคของเราหรือการกระทำของเราส่วนไหนที่เป็นการเบียดเบียนตน เบียดเบียนผู้อื่น
นอกเหนือจากศีล 5 ก็ควรจะใช้โอกาสนี้ลด ละหรือเลิกไปเลยก็ยิ่งดี ถ้าเลิกไม่ได้ก็ทำให้น้อยลงเช่น บางคนติดโทรศัพท์มือถือ บางคนติดโซเชียลมีเดียจนไม่เป็นอันทำงาน ไม่เป็นอันพักผ่อน ถ้าเลิกไม่ได้ก็ลด ละเสียและทำความดีเพิ่มพูนขึ้น โดยเฉพาะความดีที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายจิตใจ เช่น การออกกำลังกาย การคุมอาหาร การกินอาหารสุขภาพและการทำสมาธิภาวนา
ฉะนั้นจากศีลแล้ว เราก็นำไปสู่การทำสมาธิฝึกจิต และเจริญปัญญา ศึกษาหาความรู้ในทางธรรม นี้คือส่วนที่เราควรจะคำนึงและทำให้เกิดขึ้นกับตัวเองในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ขอให้เป็นเทศกาลแห่งการประพฤติธรรม
และไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่การเข้าพรรษาหรือเทศกาลเข้าพรรษานั้นเกิดขึ้นในช่วงเดียวกับฤดูฝน พอมาถึงฤดูฝนเราก็จะเห็นต้นไม้เจริญเติบโตงอกงามเขียวขจี มองไปที่ไหนก็เห็นแต่ความสดชื่นเพราะว่าต้นไม้ที่แห้งตายหายไปแล้ว มีแต่ต้นไม้ที่เขียวขจีนี้ ซึ่งเป็นเหมือนเครื่องเตือนใจเราว่าในช่วง 3 เดือนนี้ เราควรจะทำให้ธรรมะในใจของเราเจริญงอกงามพร้อมๆกับต้นไม้ที่อยู่รอบตัวเราด้วย
อย่าปล่อยให้ต้นไม้รอบตัวเราเจริญงดงามแต่ต้นไม้ในใจเราเหี่ยวเฉา ควรจะทำให้ต้นไม้ในใจเราเจริญงอกงามตามไปด้วย ซึ่งต้นไม้ในใจนี้คือต้นไม้แห่งธรรม สมัยก่อนชาวบ้านเราทำนา พอถึงช่วงนี้นาก็เริ่มเขียวขจีต้นข้าวเริ่มเติบโต เดี๋ยวนี้เราปลูกมัน กัน พอถึงช่วงเข้าพรรษาหัวมันก็เริ่มที่จะเติบใหญ่ก็อย่าให้ใหญ่แต่หัวมัน อย่าให้แค่ต้นข้าวเจริญงอกงามอย่างเดียวแต่ควรทำให้ต้นไม้ในใจเราคือธรรมะเจริญงอกงามด้วย
และควรใช้โอกาสนี้ นับแต่วันนี้ไปวันอาสาฬหบูชาต่อเนื่องไปจนถึงการเข้าพรรษาถึงแม้เราจะไม่ใช่พระ ไม่ใช่แม่ชี แต่ว่าเทศกาลเข้าพรรษาก็มีความหมายต่อพวกเราซึ่งเป็นฆราวาสเหมือนกัน ชักชวนกันและกระตุ้นเร่งเร้าตัวเองให้หมั่นประพฤติธรรม ให้ธรรมะในใจเราเจริญงอกงาม เพราะว่าเมื่อธรรมะในใจเจริญงอกงามแล้วความทุกข์ก็จะลดลง ความสุขก็จะเกิดมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันอาสาฬหบูชานี้ ดังที่เราทราบว่าเป็นวันที่พระพระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนา ปฐมเทศนาคืออะไร คือธรรมะที่ช่วยให้เกิดการพ้นทุกข์ เป็นการประกาศวิถีทางสู่อิสรภาพจากความทุกข์ เพราะฉะนั้นเมื่อถึงวันอาสาฬหบูชาคือวันนี้ เราควรจะเร่งประพฤติธรรมเพื่อนำพาจิตใจให้มีความทุกข์น้อยลง มีความสุขมากขึ้น และเป็นสุขที่เกิดจากความสงบ เป็นสุขที่เกิดจากความอิสระ
ไม่ใช่สุขที่เกิดจากการเสพไม่ว่าจะเป็นการเสพ การกิน ดื่ม เที่ยว เล่น ช็อป สุขแบบนี้ทำให้เป็นทาสของสิ่งเสพ ขาดไม่ได้ แต่ถ้าหากว่าเรารู้จักประพฤติธรรมด้วยการรักษาศีลเจริญภาวนาให้เกิดสมาธิปัญญา จิตใจเราจะมีความทุกข์น้อยลง มีความสุขมากขึ้นเพราะเป็นอิสระ อิสระจากความทุกข์ อิสระจากสิ่งเสพแม้กระทั่งทรัพย์สินเงินทอง ยศศักดิ์ พวกนี้ถ้าเรายึดติดกับมันหรือตกเป็นทาสมันเมื่อไหร่เราก็จะมีแต่ความทุกข์ มีแค่สุขชั่วคราว
ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเห็นต้นไม้รอบตัวเราเขียวขจีงดงาม ก็ควรจะทำให้ธรรมะในใจเราเจริญงอกงามด้วย วันนี้เราจะมีการเวียนเทียนและเราก็จะเวียนเทียนวิถีใหม่ เวียนเทียนด้วยต้นกล้า ด้วยต้นไม้ เมื่อเราเวียนเทียนด้วยต้นไม้ ก็จะเหมือนกับเป็นเครื่องเตือนใจว่าเราจะเร่งบำรุงต้นไม้ในใจของเราให้เจริญงอกงามด้วย
ไม่ใช่แค่ถือต้นไม้เดินรอบพระพุทธปฏิมาหรือพระพุทธรูปเท่านั้น หรือเดินรอบโบสถ์เท่านั้น แต่เราจะตั้งใจบำรุงดูแลต้นไม้ในใจให้เจริญงอกงาม ต้นไม้ที่เราเวียนเทียนเสร็จแล้วเราจะไปปลูก ปลูกแล้วเราก็ต้องดูแล และเมื่อเราดูแล ถ้าเราดูแลเป็นไม่ใช่แค่ต้นไม้ในสวนในที่ของเราหรือในวัดที่จะเติบโตงอกงาม ต้นไม้ในใจของเราก็จะเจริญงอกงามด้วย
เพราะฉะนั้นวันนี้สำหรับคนที่มาที่นี่ก็ขอเชิญชวนให้มาเวียนเทียนด้วยกล้าไม้ แต่ไม่ใช่ที่นี่ที่เดียว มีหลายวัด 200 - 300 วัดทั่วประเทศที่เชิญชวนญาติโยมมาเวียนเทียนด้วยกล้าไม้ เพราะว่าต้นไม้นั้นนอกจากจะมีความหมายในทางธรรมแล้วยังเป็นเครื่องระลึกว่าต้นไม้มีความสำคัญกับพุทธศาสนา การแสดงปฐมเทศนาหรือการแสดงธรรมครั้งแรกในพุทธศาสนาก็เกิดขึ้นในป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เพราะเป็นที่บำเพ็ญธรรมของปัญจวัคคีย์
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่การแสดงธรรมจนกระทั่งเกิดพระสงฆ์องค์แรกและกลุ่มแรกในพุทธศาสนาเกิดขึ้นในป่า ทั้งนี้เพราะต้นไม้หรือป่านั้นช่วยอำนวยให้จิตใจเกิดความสงบเย็นได้ง่าย เป็นรมณีย์เกื้อกูลทำให้เกิดธรรมะในใจเจริญงอกงาม
ตอนนี้ก็มี 200- 300 วัดที่จะมีการเวียนเทียนด้วยต้นไม้ ในกรุงเทพก็มีหลายวัดซึ่งเป็นวัดใหญ่ๆเช่น วัดมหาธาตุ วัดโพธิ์ วัดเบญจฯ วัดระฆัง วัดอรุณฯ วัดญาณเวชฯ วัดสุทธิฯ และอีกหลายวัด ใครที่อยากจะเวียนเทียนในวันนี้ถ้าอยู่กรุงเทพก็ไปค้นหาได้ทางเว็บไซต์หรือดูที่ Facebook ของมูลนิธิปลูกต้นไม้ปลูกธรรมะ
หลายวัดก็เตรียมกล้าไม้เอาไว้ สะดวกกับการที่เราจะนำต้นไม้เหล่านั้นไปเวียนเทียน เวียนเทียนเพื่อเป็นเครื่องสักการะหรือเป็นเครื่องเตือนใจให้เราได้เร่งขวนขวายปลูกต้นไม้แห่งธรรมะในใจเรา และถ้าจะให้ดีถ้าเรากระตือรือร้นในการขยันปลูกต้นไม้ ในพื้นที่ส่วนตัวก็ดี ในพื้นที่สาธารณะก็ดี เพื่อให้เกิดความร่มรื่นเป็นรมณีย์
จะปลูกที่วัดก็ได้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเป็นบุญที่มีอานิสงส์มาก เพราะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับยุคปัจจุบันที่สิ่งแวดล้อมกำลังเสื่อมโทรม ธรรมชาติกำลังแปรปรวน แต่ถ้าเราปลูกต้นไม้กันมากๆ ฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวให้มีมากขึ้นก็จะช่วยทำให้โลกนี้น่าอยู่กว่าเดิมและจิตใจเราก็จะงดงาม สุขภาพเราก็จะดีขึ้น.