พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 19 กรกฎาคม 2567
ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งกินอาหารอยู่ ในร้านอาหารที่โต๊ะของเธอนั้นมีเธอนั่งอยู่คนเดียว เธอนั่งหันหลังไปทางหน้าร้าน แล้วก็วางโทรศัพท์มือถือไว้ที่ด้านซ้ายของจาน ในระหว่างนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านมาที่ด้านขวาของโต๊ะเธอ ทำเงินตก เป็นแบงค์ใหญ่ 2-3 แบงค์
เธอเห็นก็รีบก้มลงเพื่อไปหยิบเงินที่ตก ตั้งใจจะบอกผู้หญิงคนนั้นว่าคุณทำเงินตก ตอนนั้นเธอไม่รู้ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งเดินตามผู้หญิงคนนั้นมา แล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินอ้อมมาทางด้านซ้ายของเธอ ตาเขามองไปที่โทรศัพท์มือถือของเธอซึ่งราคาแพง ผู้หญิงคนที่เป็นพลเมืองดีแกไม่รู้นะ
แต่ว่าระหว่างที่เธอก้มลงหยิบธนบัตรด้วยมือขวาแล้วก็เรียกผู้หญิงคนที่ทำเงินตกนั้น มือซ้ายของเธอก็ไปจับโทรศัพท์มือถือของเธอที่วางอยู่บนโต๊ะ ผู้ชายคนที่เดินอ้อมมาข้างหลังด้านซ้ายของเธอพอเห็นเช่นนั้นก็เปลี่ยนใจ เดินวกกลับออกไปข้างนอก แปลว่าอะไร
แปลว่าผู้ชายคนนี้เป็นมิจฉาชีพ และมิจฉาชีพไม่ได้มีเพียงคนเดียว ผู้หญิงที่ทำเงินตกก็เป็นมิจฉาชีพที่ต้องการจะล่อให้เจ้าของโทรศัพท์ก้มลงเพื่อหยิบเงินที่ตกลงมาบนพื้น เป็นโอกาสให้ผู้ชายคนที่เดินตามหลังจะมาคว้าเอาโทรศัพท์มือถือของเธอซึ่งวางอยู่บนด้านซ้ายของจานอาหารไป
อันนี้เป็นแผนที่เรียกว่าฉลาด อาศัยความตั้งใจดี ความปรารถนาดีของเหยื่อ เดี๋ยวนี้มิจฉาชีพอาศัยอารมณ์ความรู้สึกของเหยื่อในการที่จะทำตามแผนของตัว เช่น ใช้ความโกรธ ใช้ความกลัว ใช้ความอยากรู้อยากเห็น ใช้ความโลภ แต่เดี๋ยวนี้อาศัยความปรารถนาดีล่อให้พลเมืองดีเผลอ
แต่ผู้หญิงคนนี้ถึงแม้จะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนที่ทำเงินตกเป็นมิจฉาชีพแต่เธอก็ระวังตัว ระหว่างที่มือขวาหยิบธนบัตรที่ตกเพื่อนำไปคืนให้กับผู้หญิงเจ้าของเงิน มือซ้ายของเธอก็จับโทรศัพท์มือถือไว้ มิจฉาชีพก็เลยทำตามแผนไม่ได้ พูดง่ายๆก็คือเสียท่า
เรื่องนี้เป็นข้อคิดเตือนใจคนเราเวลาจะช่วยเหลือใคร ซึ่งเป็นเรื่องดีและควรทำ แต่ก็อย่าลืมรักษาตัวหรือรักษาประโยชน์ของตัวไว้ด้วย
รักษาอย่างแรกคือรักษาทรัพย์ ในขณะที่เราหยิบเงินให้คนที่ทำเงินตกเราก็รักษาทรัพย์ของเราให้ดี บางทีหลายคนอยากจะช่วยเหลือคนมากมาย บางทีก็รวมไปถึงอยากจะช่วยเหลือสัตว์เล็กสัตว์น้อย เช่น น้องแมว น้องหมา ชนิดที่ทุ่มเงินไปมากมายจนหมดเนื้อหมดตัว
อย่างนั้นก็ไม่ถูกเพราะว่าไม่ได้รักษาทรัพย์ของตัว อย่างน้อยก็ต้องมีทรัพย์เอาไว้ในการดำเนินชีวิตให้ผาสุก ไม่เช่นนั้นกลายเป็นว่าช่วยเหลือผู้อื่นจนลืมที่จะรักษาตัวให้ผาสุก ซึ่งรวมไปถึงนอกจากรักษาทรัพย์โดยเฉพาะการที่ไม่เปิดช่องให้มิจฉาชีพมาเอาเงินของเราไป เอาโทรศัพท์มือถือของเราไป เอารถของเราไปแล้ว การรักษาตัวให้ปลอดภัยก็สำคัญ
มีบางคนขับรถเห็นผู้ประสบอุบัติเหตุ รถมอเตอร์ไซต์โดนชน นอนด้วยความทุกข์ทรมานอยู่บนถนน ปรารถนาดีจอดรถรีบลงไปช่วย แต่ตอนเปิดประตูรถไม่ทันสังเกตว่ามีรถอีกคันหนึ่งแล่นตามมา ปรากฏว่าตั้งใจไปช่วยคนอื่นแต่ตัวเองเดือดร้อน อย่างนี้เราก็ต้องระวัง
การช่วยเหลือผู้อื่นเป็นเรื่องดีแต่อย่าลืมรักษาตัวให้ปลอดภัยด้วย เพราะไม่อย่างนั้นเราจะเกิดความเสื่อมศรัทธาในความดี ว่าทำไมฉันทำความดีแล้วต้องมาเจอแบบนี้ ทำดีน่ะดีแน่
แต่ว่าถ้าทำดีก็ควรทำดีให้ครบถ้วน ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยและระวังตัวด้วย มันจึงจะได้ประโยชน์ครบถ้วนทั้งประโยชน์ท่านและประโยชน์ตน
นอกจากรักษาทรัพย์ รักษาตัวแล้วการรักษาใจก็สำคัญ ช่วยคนอื่นแต่ว่าไม่รู้จักรักษาใจก็มีปัญหา อย่างที่เมื่อวานนี้พูดว่าคนที่มาเยี่ยมผู้ป่วยหลายคนแนะนำผู้ป่วยด้วยความปรารถนาดี แต่ว่ามีท่าทีกดดันคาดหวังให้คนไข้ทำตาม พอคนไข้ไม่ทำตามคำแนะนำก็น้อยใจ เสียใจ อย่างนี้เรียกว่าไม่รักษาใจ
เวลาทำความดีนั้นช่วยเหลือใครแล้วเขาไม่ทำตามที่เราแนะนำ หรือว่าเขาไม่เชื่อฟังเราก็อย่าไปน้อยใจ อย่าไปเสียใจ ถือว่าเราทำหน้าที่ของเราแล้ว ไม่ใช่ช่วยคนอื่นแต่ว่าตัวเองกลับทุกข์เพราะความคาดหวัง หรือไม่ก็ทำดีแล้วคนอื่นไม่เห็นความดีของเราก็ทุกข์ ถ้าปล่อยให้ใจทุกข์ก็เรียกว่าไม่รักษาใจ
ใครเขาไม่เห็นความดีของเรา ไม่ชมเราก็เป็นเรื่องของเขา เราก็ยังทำของเราต่อไป เราช่วยคนอื่นแล้วเขาไม่สำนึกในบุญคุณของเรา เราก็ไม่ทุกข์ เราก็ไม่น้อยใจ ไม่โกรธ เป็นเรื่องของเขา แต่ว่าเราช่วยเหลือคนอื่นแล้วเราไม่ลืมที่จะดูแลตัวเองด้วย
เดี๋ยวนี้คนจำนวนไม่น้อยจะมีลักษณะสุดโต่ง 2 อย่าง คือ 1) ไม่มีน้ำใจ คิดแต่จะเอาประโยชน์ส่วนตัว 2) มีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่น แต่ว่าตัวเองเดือดร้อน ช่วยน้องหมาน้องแมวแต่ตัวเองไม่มีทรัพย์เหลือเลย หมดไปกับเรื่องช่วยเหลือน้องหมาน้องแมว หรือทำบุญจนทุ่มสุดตัว อย่างนี้ก็ไม่ถูก เราช่วยเหลือใคร ทำความดีอะไรเป็นเรื่องดีแต่ว่าอย่าลืมรักษาตัวรวมถึงรักษาทรัพย์ รักษาร่างกาย รักษาใจของตัวด้วย อย่างนี้จึงถือว่าเป็นการทำความดีครบถ้วนถึงพร้อมทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน