พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 24 มิถุนายน 2567
ปลาตัวหนึ่งมันติดปลักในหนองน้ำแห่งหนึ่ง และน้ำก็ค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งปลักที่ปลาตัวนั้นติดอยู่ มันเริ่มจะแห้งขอด มันก็ดิ้น ตามสัญชาตญาณของปลา ดิ้นเพื่อที่จะได้ไปสู่น้ำที่ลึกกว่า แต่ดิ้นเท่าไรๆ ก็ไม่ได้ขยับไปไหน ยังติดอยู่ที่ปลักนั้นแหละ
ปรากฏว่ามีนกยางตัวหนึ่ง เดินหากินอยู่แถวนั้น พอมันเห็นปลาตัวนี้ เดินตรงเข้าไปเลย ไปคาบปลาตัวนี้ ปลาตัวนี้คงคิดว่าถึงฆาตแล้ว แต่แทนที่นกยางจะกระเดือก หรือว่ากลืนปลาตัวนี้ กลับคาบไปปล่อยตรงน้ำที่มันลึกหน่อย โอ! ปลาดีใจมากเลย
นับเป็นภาพที่หาดูได้ยาก นกยางนี้ช่วยเหลือปลาที่กำลังจะตาย ธรรมชาติของนกยางมันกินปลา แต่ว่าก็ไม่รู้เพราะเหตุใด ส่วนหนึ่งคงมีน้ำใจ รู้ว่าปลานี้กำลังจะตาย อาการดิ้นไปดิ้นมา แสดงว่ามีความทุกข์มาก แล้วมันก็รู้ว่าถ้าปลาตัวนี้ได้ไปอยู่ในน้ำลึก จะรอดปลอดภัย ก็เลยช่วยสงเคราะห์ปลาตัวนี้
บางทีเราได้เห็น สัตว์มีเมตตา ไม่ใช่ต่อเพื่อนร่วมพันธุ์เท่านั้น แต่บางทีมีเมตตาต่อเพื่อนต่างพันธุ์ ก็ไม่รู้ความเป็นเพื่อนนี้ฟูมฟักมาจากไหน ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากความคุ้นเคยก็ได้
อย่างมีเป็ดตัวหนึ่งชอบไปดูปลา ปลาในสระ ปลาสวยๆ ปลาคาร์ป แล้วปลาพวกนี้พอมันเห็นคนหรือเห็นสัตว์อยู่ตรงขอบสระ ธรรมชาติของเขาก็จะว่ายเข้าไปหา หวังว่าจะมีอาหาร เป็ดตัวนี้ก็รู้ว่าปลานี้ ฝูงปลานี้ต้องการอาหาร ตรงขอบสระนี้มันมีเป็นภาชนะใส่อาหารปลา เจ้าของคงจะเตรียมเอาไว้ แต่เจ้าของไม่อยู่ เป็ดทำอย่างไร
เป็ดก็คาบอาหารปลานี้ยื่นให้ปลาคาร์ปเหล่านี้ ซึ่งมารออาหารอยู่ที่ใกล้ๆ ขอบสระ ปลาดีใจใหญ่เลย เป็ดก็มีความสุข ที่ได้หยิบยื่นหรือคาบอาหารให้ปลา และคงจะทำอย่างนี้เป็นกิจวัตร ทีแรกอาจจะทำด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่พอทำแล้ว ปลาเขามากันใหญ่เลย แล้วเขามีความสุขด้วย เป็ดก็เลยทำกิจวัตรนี้เป็นประจำ ถึงเวลาก็มายืนอยู่ที่ขอบสระ ปลาเห็นปลาก็พากันว่ายมาหา
อันนี้ไม่มีใครสอน เจ้าของหรือคนคงไม่ได้สอนเป็ด แต่ว่าเขาเรียนรู้เอง จากการที่เห็นคนเอาอาหารปลาให้ปลา แล้วปลาก็มากันใหญ่เลย เป็ดคงอยากจะทักทายปลา ก็เลยทำอย่างนั้นบ้าง
อันนี้เป็นความเมตตา ความมีน้ำใจ ต่างสายพันธุ์ แล้วสัตว์นี้ไม่ใช่มีน้ำใจอย่างเดียว บางทีเวลาได้รับความช่วยเหลือจากใคร ก็มีความกตัญญู สำนึกในบุญคุณด้วย ในยามที่เป็นฝ่ายให้ก็ยินดีให้ ในยามที่เป็นฝ่ายรับก็รู้สึกสำนึกในบุญคุณ
มีผู้ชายคนหนึ่งไปเจอลูกหมี ไม่รู้พลัดหลงมาจากไหน บ้านแกอยู่ริมป่า ฝรั่งนี้เขาชอบอนุรักษ์ป่า แล้วก็พอใจที่จะอยู่ริมป่า บางทีเป็นป่าเอกชนด้วย เพราะว่าเขาเห็นคุณค่าของป่า แล้วก็ปล่อยให้สัตว์นานาชนิดมาอาศัย
ลูกหมีตัวนี้คงจะพลัดหลงจากแม่มา มันมาป้วนเปี้ยนอยู่หลังบ้านของชายคนนี้ ชายคนนี้ก็เลยรับเอาลูกหมี ซึ่งตัวยังแบเบาะอยู่เลย เอามาเลี้ยง ดูแลอย่างดี ให้อาหาร ผ่านไปหลายวันก็มีหมีตัวใหญ่เดินป้วนเปี้ยนอยู่แถวหลังบ้าน ชายคนนี้สงสัยว่าคงจะเป็นแม่ของลูกหมีที่เขาเอาไปเลี้ยง ท่าทางของแม่หมีร้อนใจ ตามหาลูก
ชายคนนั้นก็เลยปล่อยลูกหมีให้วิ่งไปหาแม่ ทั้งลูกหมีแม่หมีดีใจกันใหญ่ แม่หมีก็พาลูกหมีเดินหายลับเข้าไปในป่า วันต่อมาปรากฏว่าแม่หมีกลับมาอีก คราวนี้ในปากคาบปลามาตัวหนึ่ง ตัวใหญ่ด้วย คาบมาทำไม คาบมาให้ชายคนนี้ คงจะรู้สึกสำนึกในบุญคุณที่ได้ช่วยลูกของเขาเอาไว้ และไม่รู้จะตอบแทนยังไง ก็เลยคิดว่าคนคงชอบปลา จับปลามาได้ แทนที่จะกินเอง
อันนี้คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ก็คงเป็นความรู้สึกสำนึกในบุญคุณที่แม่หมีมีต่อคนที่ช่วยดูแลลูกของเขาเอาไว้ เห็นได้ชัดเลยว่า สัตว์นี้มันไม่ใช่แค่มีสัญชาตญาณเพื่อความอยู่รอด แต่ว่ามีน้ำอกน้ำใจด้วย แล้วก็ยังมีมากกว่านั้นคือ ความสำนึกในบุญคุณ
ที่เราคิดว่ามนุษย์เท่านั้นที่มีน้ำใจ ที่มีความสำนึกในบุญคุณ อันนี้ไม่จริงเลย สัตว์ก็มี แล้วตอนหลังอาจจะมีมากกว่าคนก็ได้ เพราะเดี๋ยวนี้คนเราน้ำใจก็ลดน้อยถอยลง แล้วยิ่งความสำนึกในบุญคุณด้วยแล้วเดี๋ยวนี้ก็น้อยลง แม้กระทั่งกับพ่อแม่ก็ไม่ค่อยมีให้กันแล้ว ในบรรดาผู้ที่เป็นลูก โดยใช้เหตุผลอธิบายว่านี้เป็นหน้าที่ของเขา เขาไม่ได้ตั้งใจให้เราเกิดมา เราบังเอิญเกิดมาเอง เขาก็เลยมีหน้าที่เลี้ยงดูเรา
ให้เหตุผลแบบนี้เป็นข้ออ้างว่า ฉันไม่จำเป็นต้องตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ก็ได้ ไม่ใช่แค่นั้น มนุษย์เราแต่ก่อนนี้มีความสำนึกในบุญคุณของธรรมชาติ เพราะรู้ว่ามีธรรมชาติอยู่ในเรา แต่เดี๋ยวนี้ความสำนึกในบุญคุณของธรรมชาติก็น้อยลงไปทุกที เห็นธรรมชาติเป็นเพียงแค่สิ่งมาปรนเปรอความต้องการของตัวเอง
เป็นเพราะว่ามนุษย์เราใช้ความคิดมากไป และใช้ความคิดสนองกิเลส สำนึกในบุญคุณที่เป็นสัญชาตญาณพื้นฐาน ที่มีในมนุษย์และสัตว์อื่นๆจำนวนมากก็เลยหายไป ฉะนั้น ต้องรื้อฟื้นสำนึกในบุญคุณของธรรมชาติขึ้นมาใหม่
เพราะมนุษย์เรามีสายตาที่ยาวไกล สามารถจะรู้ได้ว่า ที่เรามีน้ำ มีอากาศ มีอาหารนี้ เป็นเพราะธรรมชาติ ไม่ใช่แค่เพราะว่ามีเงินไปซื้อที่เซเว่นหรือไปซื้อที่ห้าง แต่ว่าเราได้รับความเอื้อเฟื้อจากธรรมชาติมากกว่านั้น
ฉะนั้น ถ้าเกิดว่าเรารักษาสำนึกที่ว่านี้เอาไว้ ความสุขความเจริญก็จะมีแก่เรา แต่ถ้าเราไม่มีความสำนึก แล้วก็เอาเปรียบธรรมชาติ ต่อไปเราเองก็ต้องรับกรรม รับวิบากจากการกระทำของเราเอง ซึ่งตอนนี้ก็กำลังปรากฏชัดขึ้นเรื่อย ๆ.