พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 12 มิถุนายน 2567
ที่ประเทศจีนมีผู้หญิงคนหนึ่งเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว กิจการไปได้ดีเลยทีเดียว วันหนึ่งก็ได้รับโทรศัพท์จากชายคนหนึ่ง ชายคนนั้นบอกว่าตัวเขาเป็นผู้ช่วยของผู้จัดการบริษัทเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง เจ้านายคือผู้จัดการเขา อยากจะพบเธอเพื่อตอบแทนบุญคุณ
ทีแรกเธอก็นึกว่ามาอีกแล้วพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่สุดท้ายไม่ใช่
ความจริงก็คือว่าเจ้านายของชายคนนั้นอยากพบเธอจริงๆ เหตุผลก็คือเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เธอเคยช่วยเขาเอาไว้ ตอนนั้นก็ยังอายุไม่มากเป็นวัยรุ่น เดินทางมาหางานทำที่เมืองเสินเจิ้น มากัน 3 คนพี่น้อง ปรากฏว่าโดนโจรขโมยกระเป๋าเดินทางไปหมดเลย
3 คนนี้เลยเคว้ง เสินเจิ้นเป็นเมืองใหญ่ผู้คนต่างก็สนใจแต่ตัวเอง เขาทำยังไง ก็ไปเจอผู้หญิงคนนี้ตอนนั้นเธอทำงานอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่ง 3 คนนี้ก็เล่าเรื่องราวของเขาให้เธอฟัง เธอสงสาร ก็เลยพา 3 คนนั้นไปพักที่บ้านคืนหนึ่ง หาอาหารให้ แล้ววันรุ่งขึ้น 3 คนนั้นก็จะเดินทางต่อ คงกลับบ้านเพราะว่าไปไหนไกลไม่ได้แล้ว ข้าวของสูญหายหมด
เธอก็ดีให้อาหารติดตัวไประหว่างเดินทาง แล้วก็ซื้อตั๋วให้ด้วย แถมให้เงินติดตัวอีก คนละ 10 หยวน (10 หยวน= 50 บาท) 3 คนก็ 30 หยวนไม่ใช่น้อยสำหรับเธอ เพราะว่าเธอตอนนั้นมีรายได้เป็นเงินเดือนแค่ 90 หยวนก็ประมาณ 450 บาท ให้เด็ก 3 คนนี้ไป เงิน 30 หยวนก็คือหนึ่งในสามที่เธอมีต่อเดือน
ก็เรียกว่าเธอมีเมตตามาก ยังไม่นับค่าตั๋วรถไฟ อาหารที่เธอซื้อให้
ผ่านไป 20 ปี ปรากฏว่าเด็กชายวัยรุ่น 1 ใน 3 คน ไปได้งานในบริษัทเฟอร์นิเจอร์ แล้วขยันขันแข็งลืมตาอ้าปากได้ ตอนหลังก็เห็นช่องทางในการเปิดโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์ และกิจการก็เจริญก้าวหน้าจนกลายเป็นบริษัทชั้นนำ ทั้งผลิตทั้งขาย
พอร่ำรวยแกก็นึกถึงผู้หญิงคนนี้ อยากจะตอบแทนบุญคุณ ที่จริงคงจะนึกถึงมาตลอด เพราะว่าซาบซึ้งในน้ำใจของผู้หญิงคนนี้ ก็เลยให้ลูกน้องไปตามหาว่าผู้หญิงคนนี้ตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว
เธอเอง 20 ปีที่ผ่านมา ก็ออกจากโรงงานไปเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ตอนที่ชายหนุ่มที่เป็นนักธุรกิจนได้เจอผู้หญิงคนนั้น เขาดีใจมาก ตัวผู้หญิงคงจะจำอะไรไม่ค่อยได้แล้วเพราะว่ามันก็ผ่านไปนานแล้ว 20 ปี ชายคนนั้นสำนึกในบุญคุณของเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว ซึ่งตอนนี้ฐานะการเงินเทียบกับตัวเขาไม่ได้เลย เขาร่ำรวยมาก เขาเลยอยากจะตอบแทนบุญคุณด้วยการให้เงิน 1 ล้านหยวน 5 ล้านบาท
ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่รับ ปฏิเสธ บอกว่าที่ช่วย ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้หวังผลตอบแทน เอาเงิน 1 ล้านหยวนนี้ไปช่วยคนอื่นดีกว่า ช่วยคนที่เขาลำบาก
น้ำใจเธอประเสริฐมาก ที่จริงคนเราเวลาเจอใครเดือดร้อนมาขอเงิน มาขออาหารแล้วก็บอกว่าถูกโจรขโมยของไป หรือว่าทำกระเป๋าเงินตก คนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยเชื่อ เราเจอแบบนี้เยอะเลยตามสถานีรถ เช่น บขส บางทีกินอาหารอยู่ ก็มีคนมาบอกว่า ไม่มีเงินกลับบ้าน พ่อป่วยแม่ป่วย ใครเจอแบบนี้หลายคนปฏิเสธ เพราะคิดว่าเป็นพวกที่มาหลอกเอาเงิน
แต่ผู้หญิงคนนี้แกคิดอีกแบบหนึ่ง แกคิดว่า ถ้าเขาไม่เดือดร้อนก็คงไม่มา หรือถึงเขาจะหลอกเอาเงินไปมันก็ไม่กี่บาท ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก แค่ 30 หยวน แต่ถ้าเกิดว่าเขาเดือดร้อนจริง 30 หยวนนี่เป็นเงินก้อนใหญ่ที่จะช่วยให้เขา 3 คนนี้ นี่เรียกว่าผ่านความทุกข์ไปได้
แล้วก็จริงด้วย ความที่เธอไว้ใจเชื่อว่า 3 คนนี่เขาลำบากจริง เงิน 30 หยวนที่เธอให้แต่ละคน คนละ 10 หยวน มันเปลี่ยนชีวิตของ 3 คนนั้นได้ โดยเฉพาะคนที่ติดต่อมานี่ได้กลายเป็นเจ้าของ เป็นซีอีโอบริษัทเฟอร์นิเจอร์ชื่อดัง คนอย่างนี้หาได้ยาก
คนที่มีเมตตาและกล้าเสี่ยง เมตตาสมัยนี้ยังไม่พอ ก็ต้องกล้าเสี่ยงในแง่ที่ว่า เราไม่รู้ว่าคนที่มาขอเงินเรานี้เขาเดือดร้อนจริงหรือเปล่า แต่แกคงคิดว่า ถ้าเดือดร้อนจริงสิ่งที่เธอช่วยมันจะมีค่ามาก แล้วก็มีค่าจริงๆ
บุคคลแบบนี้หาได้ยากในยุคปัจจุบัน ที่มีน้ำใจแล้วก็ไว้วางใจคน ไม่ระแวงว่าเป็นพวกมิจฉาชีพมาหลอกเอาเงิน ส่วนนักธุรกิจคนนี้ก็เป็นคนที่หาได้ยาก เพราะว่าเมื่อได้ดิบได้ดีแล้วก็สำนึกในบุญคุณของผู้หญิงคนนี้ ทั้งที่ช่วยเขาได้เพียงแค่วันเดียวคืนเดียว แต่ว่ามันมีความหมายมาก
คนเราเดี๋ยวนี้ที่จะสำนึกในบุญคุณของผู้อื่นมันก็น้อยลงไปเรื่อยๆ แต่ว่าชายคนนี้นี่ตลอด 20 ปี เขาไม่ลืม เขาหาโอกาสที่จะช่วย สองคนแบบนี้หาได้ยากเราเรียกว่าบุพการี ผู้หญิงคนนี้เรียกว่าบุพการีคือผู้ได้ทำความดีไว้ก่อน ไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อแม่ ใครที่ช่วยเหลือก่อนนี่เรียกว่าบุพการี ส่วนคนที่ตอบแทนบุญคุณของบุพการี สำนึกบุญคุณของเขา เขาเรียกว่ากตัญญูกตเวที
บุคคลสองประเภทนี้หาได้ยาก หาได้ยากทุกยุคทุกสมัย แต่ว่าสมัยนี้ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ เพราะคนที่จะมีน้ำใจช่วยเหลือคนเดือดร้อนเดี๋ยวนี้ก็น้อยลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะคนไม่รู้จัก และแถมช่วยไปแล้วนี่ไม่หวังผลตอบแทนด้วย เขาให้เงินมา 1 ล้านหยวน (5 ล้านบาท) ยังไม่เอาเลย เรียกว่าไม่หวั่นไหวกับเงินก้อนใหญ่ เพราะว่ามั่นคงในธรรมะ แล้วก็นึกถึงว่าคนอื่นอาจต้องการเงินก้อนนี้มากกว่าเธอ อันนี้เรียกว่าเป็นคนที่หาได้ยาก
ประเภทที่ว่าเวลาช่วยเหลือใคร จำนวนไม่น้อยหวังผลตอบแทน ช่วยเหลือแล้วก็หวังผลว่า จะได้มีโชคมีลาภ หรือว่าเขาสำนึกในบุญคุณของเราในเวลาต่อมา พอเขาไม่สำนึกในบุญคุณ เขาหายหน้าไปเลย ก็เสียใจ โกรธ แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่มีเลย ช่วยแล้วก็ช่วยเลย ลืมไปเลยว่าเคยช่วยใคร แบบนี้นี่ไม่มีความทุกข์ เพราะว่าช่วยโดยไม่หวังผลตอบแทน
แต่ขณะเดียวกันก็คิดเห็นว่าการทำความดีมันไม่ได้สูญเปล่า สุดท้ายความดีที่เราทำก็ส่งผลกับคนที่เราช่วย แล้วส่งผลย้อนกลับมา เรียกว่าผลแห่งบุญย่อมบังเกิดขึ้น แต่ไม่จำเป็นต้องรอว่า จะต้องออกมาในรูปของเงินทอง ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง
ที่จริงความสุข ความสุขใจนี่ก็เป็นผลแห่งบุญที่เรียกว่ามีค่ายิ่งกว่าเงินเสียอีก อันนี้ก็เป็นเรื่องดีๆ ที่คนก็นำมาพูดกัน แล้วก็เป็นเรื่องที่เราก็นำมาเตือนใจ สร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองก็ดี.