พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 5 มิถุนายน 2567
ไม่กี่ปีมานี้มีปรากฏการณ์หนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับมนุษย์ทุกคน เขาพบว่าสมองของคนเราทุกวันนี้ เล็กกว่าสมองของมนุษย์เมื่อแสนปีที่แล้ว อันนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าสมองของมนุษย์นี้เรียกหดเล็กลงได้อย่างไร
ในเมื่อทุกวันนี้คนเราฉลาดกว่าคนยุคใดในประวัติศาสตร์ ยิ่งถอยหลังไปถึงช่วงแสนหรือล้านปีที่แล้วมนุษย์สมัยนี้ฉลาดกว่ามาก แต่ทำไมสมองหดเล็กลง เล็กไม่น้อยเลย ประมาณ 13% เมื่อเทียบกับคนเมื่อแสนปีที่แล้ว
ที่จริงวิวัฒนาการของมนุษย์ตลอด 6 ล้านปีเศษที่ผ่านมา สมองเรามีแต่ใหญ่ขึ้นๆ ใหญ่ขึ้นเป็น 4 เท่า คือตอนที่เริ่มแยกสายวิวัฒนาการจากลิงเมื่อ 6 ล้านปีที่แล้ว
6 ล้าน 5 แสนปีสมองมนุษย์ขยายขึ้นเรื่อยๆ เป็น 4 เท่าแต่ว่าพอมาช่วงหลังๆ นี้กลับหดเล็กลง ก็มีคำถามว่าเริ่มหดเล็กลงเมื่อไหร่ นักวิทยาศาสตร์เขาบอกว่าหดเล็กลงตั้งแต่เมื่อแสนปีที่แล้ว ตอนที่มนุษย์เราเริ่มที่จะมีความคิดที่ซับซ้อนมากขึ้น สามารถจะคิดเรื่องที่เป็นนามธรรมได้ ซึ่งทำให้เกิดภาษา ทำให้เกิดศิลปะ ทำให้เกิดประเพณีบางอย่าง เช่น ประเพณีฝังศพ พวกนี้ต้องอาศัยความคิดที่เป็นนามธรรม และความคิดจะเป็นนามธรรมหมายถึงการที่มีความคิดที่ซับซ้อน และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็เลยไม่จำเป็นต้องใช้สมองใหญ่ก็ได้
แต่ก่อนคนเราต้องใช้สมองใหญ่ เพราะว่าการคิดของคนเรายังไม่มีประสิทธิภาพ เหมือนกับคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์สมัยก่อนนี้เครื่องใหญ่ เพราะว่าแผงวงจรต่างๆ ยังไม่ซับซ้อน แต่เดี๋ยวนี้คอมพิวเตอร์เครื่องเล็กลงมาก จนเหลือแค่ขนาดโทรศัพท์มือถือ เพราะว่าทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า ก็ใช้พื้นที่น้อยลง ใช้พลังงานน้อยลง นี่ก็เป็นข้อสันนิษฐานหนึ่ง
แต่ก็มีบางคนแย้งว่าจริงๆ แล้วสมองมนุษย์เริ่มหดเล็กลงเมื่อเกือบ 20,000 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่โลกเริ่มอุ่นขึ้น ก่อนหน้านี้เป็นน้ำแข็งทั้งโลกเลย แต่พอโลกเริ่มอุ่นขึ้น ยุคน้ำแข็งก็สิ้นสุด และการที่โลกอุ่นขึ้นก็ทำให้สมองเล็กลง เพราะว่าถ้าสมองยังใหญ่เหมือนเดิม จะคลายความร้อนได้ช้า สมองที่เล็กลงก็ทำให้เย็นลงได้เร็ว แล้วก็สมองใช้พลังงานเยอะ ปกติก็ร้อนอยู่แล้ว ใช้พลังงานถึง 20% ของร่างกาย เพราะฉะนั้นจะร้อน
ยิ่งถ้าเกิดโลกร้อนขึ้น สมองก็จะร้อนกว่าปกติ เพื่อความอยู่รอดสมองเลยต้องเล็กลง จะได้คายความร้อนได้ดีขึ้น แล้วก็ทำให้สมองยังทำงานได้ เหมือนกับเครื่องยนต์ ถ้าเครื่องร้อนมากๆ หรืออย่างคอมพิวเตอร์ถ้าเครื่องร้อนก็พังเร็ว แต่ถ้าเกิดว่าคอมพิวเตอร์เครื่องไม่ร้อนมาก เช่น มีพัดลมเป่า ก็ทำให้ทำงานได้ดีขึ้น หรือทำได้นานขึ้น แต่สมองไม่มีพัดลมก็เลยต้องอาศัยการหดตัวของสมอง มาทำให้คายความร้อนได้เร็ว
แต่ก็มีคนแย้งว่า จริงๆ สมองมนุษย์เริ่มหดลงเมื่อประมาณหมื่นปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่มนุษย์เราเริ่มทำการเกษตร เปลี่ยนจากการหาของป่ามาเป็นการทำไร่ทำนา แล้วเกี่ยวยังไงที่ทำให้สมองเล็กลง เขาก็บอกว่าเป็นเพราะว่า พอเราเลิกหาของป่าแล้วมาทำการเกษตร อาหารที่เรากินก็จะหลากหลายน้อยลง เรากินอาหารไม่กี่ชนิดเลย
เพราะฉะนั้นวิตามินที่เคยได้มากมายก็เลยลดลง การที่ขาดวิตามิน ขาดแร่ธาตุที่สำคัญหลายอย่างก็เลยทำให้สมองนี่เล็กลง แต่ก็ยังมีคนแย้งอีกว่ามีเหตุผลอื่น เพราะฉะนั้นก็เลยยังหาข้อยุติไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ คือสมองของคนเราทุกวันนี้เล็กกว่าสมองของบรรพบุรุษเมื่อแสนปีที่แล้ว หรือว่าอาจจะหลายหมื่นปีที่แล้ว
แต่ว่าสมองเล็กแค่ไหนไม่สำคัญ เพราะว่าสมองแค่นี้ก็ทำให้เราใช้ชีวิตได้สุขสบายอยู่แล้ว สิ่งสำคัญคือจิตใจมากกว่า สมองเล็กแต่อย่าให้ใจเล็กตามไปด้วย จิตใจต้องใหญ่ สมองจะเล็กอย่างไร ขอให้ใจใหญ่เข้าไว้ เพราะว่าถ้าใจเล็กก็สร้างความทุกข์ ความเดือดร้อน ให้แก่ตัวเองกับคนอื่นมาก
สมองทุกวันนี้ ก็สามารถที่จะทำลายโลกทั้งโลกนี้ได้หลายครั้งอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดว่าเรายังมีใจที่เล็กด้วย สมองที่เล็กนี้ก็นำไปสู่การทำศึกสงคราม การเบียดเบียนกันได้ง่ายขึ้น
แต่ถ้าใจเราใหญ่ คือใจที่มีเมตตา มีความกรุณา รู้จักคิดถึงคนอื่น อันนี้เรียกว่ามีใจที่ใหญ่ ก็ช่วยทำให้เราสร้างความทุกข์กับคนอื่นน้อยลง แล้วก็สร้างความทุกข์กับตัวเองน้อยลงด้วย เพราะถ้าใจเราเล็กด้วยความเห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ตัวเอง สิ่งที่ทำไปแม้จะทำไปเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่สุดท้ายก็กลับไปสร้างความทุกข์ให้กับตัวเอง แล้วก็สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น
ใจที่ใหญ่ คือใจที่มีเมตตากรุณา มีน้ำใจ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ถึงแม้เราจะฉลาดน้อยลง ซึ่งที่จริงก็ไม่จำเป็น สมองเล็กลงไม่ได้แปลว่าฉลาดน้อยลง เหมือนคอมพิวเตอร์เล็กลงไม่ได้แปลว่าทำงานได้แย่กว่าคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่
แต่ถึงแม้เราจะฉลาดน้อยลง แต่ถ้าใจเราใหญ่ขึ้นเราก็จะมีความสุขได้ง่าย เพราะว่าการที่เรานึกถึงคนอื่น การที่เรามีคุณธรรม มีน้ำใจก็มีแต่จะนำพาความสุขมาให้เรา อย่างน้อยก็ไม่ไปเบียดเบียนผู้อื่น
แล้วใจที่ใหญ่อีกอย่างคือใจที่มีความรู้สึกตัวด้วย ใครที่มีความรู้สึกตัวมากๆ ใจก็จะใหญ่ จะไม่แคบ ถ้าใจขาดความรู้สึกตัวเมื่อไหร่ จะถูกความโลภ ความโกรธ ความหลง ความเห็นแก่ตัวครอบงำ บีบรัดทำให้ใจนี้แคบ ความคิดก็แคบ
คนเราถ้าหากว่าไม่มีความรู้สึกตัวแล้ว ยากที่จะมีเมตตากรุณา ยากที่จะต้านทานอำนาจของกิเลส โดยเฉพาะโลภะโทสะได้ ไม่ต้องพูดถึงโมหะ ดังนั้นใจที่ใหญ่ขึ้นก็จะช่วยทำให้เราสามารถจะทำคุณงามความดี เอื้อเฟื้อเกื้อกูลผู้อื่น แล้วก็ไม่ตกเป็นทาสของความโลภ หรือกิเลส ซึ่งมีแต่จะสร้างความเดือดร้อนมาให้ตัวเรา.
เพราะฉะนั้นถึงแม้เขาจะพบว่า สมองคนเราเล็กลง ก็ไม่สำคัญเท่าไหร่ อย่างที่บอกสมองของเราทุกวันนี้ก็ใช้การได้ดีอยู่แล้ว แล้วก็ดีมากด้วย แต่จะดีมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับใจ ถ้าใจใหญ่ ใจมีเมตตา มีความรู้สึกตัว ไม่ถูกกิเลสครอบงำ จนหดเล็กคับแคบ หรือว่าไม่เห็นแก่ตัว ก็สามารถจะนำพาให้เราใช้สมองไปในทางที่เป็นประโยชน์ เกื้อกูลทั้งต่อเพื่อนมนุษย์ แล้วก็ต่อตัวเราเองได้.