พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 4 มิถุนายน 2567
มีครอบครัวหนึ่ง พ่อ แม่ ลูกชาย และลูกสาว กำลังกินอาหารอยู่ จู่ ๆ ก็มีโทรศัพท์ของแม่ดังขึ้น แม่รับสาย ก็เลยได้ทราบว่าเพื่อนที่โทรมา เขาแยกทางกับสามีแล้ว เธอก็ให้กำลังใจไป พอวางหูเสร็จ ก็เล่าให้ผู้เป็นพ่อทราบว่า เพื่อนคนนี้เขาแยกกับสามีแล้ว
พ่อก็เกิดความคิดขึ้นมา อยากจะทำอะไรสนุก ๆ ก็เลยถามลูกว่า ถ้าหากพ่อแม่เลิกกัน ลูกจะอยู่กับใคร
ถามลูกชายก่อน เพราะลูกชายอายุ 11-12 รู้ความแล้ว พอเจอคำถามแบบนี้ ลูกชายก็สะดุดแต่ก็ยังนั่งกินอาหารต่อไป ไม่ตอบ
แม่ก็เลยถามลูกว่า อยู่กับแม่ใช่ไหม ลูกก็เงียบ พ่อก็เลยพูดว่า อยู่กับพ่อดีกว่า ผู้ชายเราควรจะอยู่ด้วยกัน ส่วนน้องสาวให้ไปอยู่กับแม่ ดีไหม ลูกชายก็ยังนิ่งเงียบ กินอาหารต่อไปเรื่อย ๆ
ระหว่างนั้น ทั้งพ่อทั้งแม่ก็พยายามพูดจาโน้มน้าวลูกชาย พ่อบอกว่า อยู่กับพ่อดีกว่า แม่ก็บอกว่า อยู่กับแม่ดีกว่า ทั้งโน้มน้าว ทั้งหาเสียงต่างๆ นานา แล้วก็ไม่ใช่แค่นั้น ก็ยังคาดคั้นให้ลูกตอบ
สุดท้ายแม่ทนไม่ได้ ก็เลยพูดขึ้นมาว่า อย่าเล่นตัวดีกว่า ตอบมาดี ๆ ว่าจะอยู่กับพ่อหรืออยู่กับแม่ ลูกชายกินข้าวเสร็จพอดี ก็เลยเงยหน้าขึ้นมา ฝ่ายพ่อกับแม่ก็ลุ้นรอคำตอบ
ลูกชายตอบว่าอย่างไร ลูกชายตอบว่า… อยู่กับปัจจุบันครับ
พ่อกับแม่อึ้งเลย พ่อกับแม่อยากจะรู้ว่า ถ้าเลิกกันแล้วลูกจะอยู่กับใคร ลูกกลับตอบว่า อยู่กับปัจจุบันครับ ทีแรกพ่อกับแม่ก็นึกว่าลูกพูดแบบเอาดูหล่อ ดูเท่ เพราะว่าบ้านนี้เขาสนใจธรรมะ พ่อแม่ลูกก็คุยเรื่องธรรมะกันอยู่เสมอ ๆ
แต่ที่จริง ลูกชายก็มีคำอธิบาย เขาอธิบายว่า ก็ตอนนี้พ่อกับแม่ยังอยู่ด้วยกันนี่ครับ จะคิดไปทำไมให้มันวุ่นวาย พ่อแม่ก็เลยได้คิดขึ้นมาว่า เออ ใช่นะ
แล้วคำตอบของลูกชายนี่น่าสนใจ เป็นการเตือนพ่อแม่ในตัวว่า สิ่งที่ยังไม่เกิด ก็อย่าไปครุ่นคิดหมกมุ่นกับมัน จนเกิดความวิตกกังวล อยู่กับปัจจุบัน มันก็หายวิตกกังวล
คนเราเดี๋ยวนี้ ที่ทุกข์ไม่ได้ทุกข์เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทุกข์เพราะความวิตกกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นก็มีทั้งดีและร้าย แต่ว่าหลายคนก็มักจะนึกไปในทางร้าย แล้วก็พลอยวิตกกังวล ทั้งที่ปัจจุบันก็ยังสุขสบายดี สิ่งร้าย ๆ ยังไม่เกิดขึ้น
ก็เหมือนกับหลายคนที่ไปตรวจสุขภาพประจำปี หรือว่าอาจจะไปตรวจหาเนื้อร้าย หมอก็ตัดชิ้นเนื้อไป แล้วก็บอกว่าอีก 4-5 วันมาฟังผล
หลายคนนี้ยังไม่รู้ผลเลยแต่ก็ทุกข์ไปเรียบร้อย แล้ว เพราะคิดว่าถ้าเกิดเนื้อที่ตัดเป็นเนื้อร้าย หมายถึงมะเร็ง ฉันจะทำอย่างไร ทุกข์ไปเรียบร้อย แล้วทั้งที่ยังไม่รู้ผล
แล้วบางครั้ง ผลก็ออกมาเป็นปกติ หมายความว่า ไม่ได้เจ็บ ไม่ได้ป่วยอะไร แต่ว่าตอนนั้นก็ทุกข์ไปเรียบร้อยแล้ว เหมือนตกนรก นี่เรียกว่าทุกข์เพราะความคิด
จริง ๆ เรื่องแบบนี้มันคิดได้ แต่ว่าอย่าไปหมกมุ่นกับมันมาก ทักท้วงว่ามันเป็นแค่ความคิด มันเป็นอนาคตที่ยังไม่เกิด กลับมาอยู่กับปัจจุบัน
ถ้ายังกินอิ่มนอนอุ่น ถ้ายังมีงานการที่ต้องทำ ก็ทำซะ แล้วก็พอใจกับความสุขที่มีในปัจจุบัน
ที่จริงการคิดถึงอนาคตในทางลบทางร้ายมันก็มีประโยชน์ เพราะบางอย่างมันคือสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอน เช่น ความแก่และความตาย คิดเอาไว้บ้างก็ดี ว่าถ้าเกิดป่วยเป็นโรคร้าย เราควรจะเตรียมตัวอย่างไร ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น หรือเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว
การคิดถึงอนาคตที่ยังไม่เกิด มีประโยชน์ ถ้าหากว่าคิดเพื่อเตรียมตัว เตรียมตัวรับมือกับมัน หรือป้องกันถ้าหากว่าป้องกันได้
แต่ส่วนใหญ่ พอคิดไปแล้ว เริ่มต้นด้วยคำว่าถ้านี่ ถ้าเกิดฉันป่วยเป็นมะเร็ง หรือว่าถ้าหากว่าบ้านถูกยึด ธุรกิจล้มละลาย ฉันจะทำอย่างไร ไม่ได้คิดเพื่อเตรียมตัว ไม่ได้คิดเพื่อเตรียมใจรับมือกับมัน แต่คิดแล้วก็จมอยู่ในความทุกข์ เกิดความวิตกกังวลตามมา
แทนที่จะมีสติ เพื่อที่จะพิจารณาว่า จะเตรียมตัว รับมือกับมันอย่างไร ก็กลับจมอยู่ในความทุกข์ อย่างนี้เหมือนกับขุดหลุมดักตัวเอง ดักตัวเองให้ตกหลุม คือหลุมแห่งความทุกข์
การคิดถึงอนาคต ถ้าคิดอย่างไม่มีสติ มันก็เหมือนกับการขุดหลุมดักตัวเอง ให้ตัวเองตกอยู่ในหลุม แล้วก็เป็นทุกข์ ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องตกหลุมก็ได้
แล้วที่จริง ก็ไม่จำเป็นต้องขุดหลุมเลยก็ได้ แต่ส่วนใหญ่ขุดหลุมดักตัวเอง เพราะว่าขาดสติ เพราะว่าคิดไม่เป็น
เพราะฉะนั้น ที่เด็กคนนี้พูด มันน่าคิดทีเดียวมันไม่ใช่แค่เล่นสำนวน อยู่กับปัจจุบัน แต่ว่ามันคือสิ่งที่เราควรทำ
ไม่ว่าจะคิดเรื่องอะไรก็ตาม ก็อย่าไปหลงเชื่อความคิด โดยเฉพาะเรื่องอนาคตที่ยังไม่เกิด กลับมาอยู่กับปัจจุบัน
แล้วถ้าอยู่กับปัจจุบันได้ มันจะลดความทุกข์ไปได้เยอะ เพราะทุกวันนี้เราซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ให้ตัวเอง ด้วยการนึกถึงสิ่งที่ยังไม่เกิด และคิดไปในทางลบทางร้ายเสียแล้ว
อย่างนี้เรียกว่า ขุดหลุมดักตัวเอง ทั้งเหนื่อยกับการขุดหลุม แล้วพอตกลงไป มันก็ยิ่งทุกข์เข้าไปใหญ่ อย่าไปซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ให้ตน ด้วยการรู้จักกลับมาอยู่กับปัจจุบัน.