พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567
เราคงเคยได้ยินคำพูดว่า เด็ดดอกไม้กระเทือนถึงดวงดาว คำพูดนี้อาจจะดูเกินเลยไปหน่อย แต่มันก็สะท้อนถึงความจริง นั่นก็คือ ทุกอย่างในโลกนี้รวมไปถึงจักรวาล ล้วนสัมพันธ์ส่งผลกระทบถึงกันและกัน
อันนี้ก็คล้าย ๆ กับสำนวนที่ว่า ผีเสื้อกระพือปีก หลายคนอาจจะเคยได้ยิน ปรากฏการณ์ผีเสื้อกระพือปีก หมายความว่า ถ้าผีเสื้อกระพือปีกแถวฮ่องกง ในที่สุดก็เกิดพายุที่ชายฝั่งอเมริกา อันนี้ก็เหมือนกัน ชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงปรากฏการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่น ผีเสื้อกระพือปีก มันก็สามารถจะก่อให้เกิดผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ ชนิดที่กระเทือนไปถึงผู้คนมากมาย
อันนี้คือความสัมพันธ์ในธรรมชาติ โดยเฉพาะในระบบนิเวศที่เรามักจะมองข้าม แต่ว่ามันก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เพียงแต่ว่าเราจะมองเห็นหรือเปล่า
ในทวีปแอฟริกา มันมีมดชนิดหนึ่งเรียกว่า มดอะคาเซีย เขาชอบทำรังอยู่กับต้นไม้ชนิดหนึ่งชื่อต้นอะคาเซีย ซึ่งก็มีเยอะมากในแอฟริกา โดยเฉพาะในเคนยา มดชนิดนี้เขาพึ่งพาน้ำหวานจากต้นอะคาเซีย ก็เลยทำรังอย่างหนาแน่น แต่ขณะเดียวกันก็ตอบแทนต้นไม้ที่ตัวเองพักพิง ด้วยการกัดสัตว์ที่มากินพืชผล ไม่ว่าจะเป็นใบไม้ หรือว่าผลไม้จากต้นอะคาเซีย แล้วก็ต้นอื่น ๆ ที่มดชนิดนี้อาศัยอยู่ด้วย
สัตว์ที่ว่าที่เป็นตัวที่ชอบรุกรานต้นอะคาเซียคือ ช้าง แต่ว่าช้างพอเจอมดอะคาเซีย ต้องถอยเลย ช้างตัวใหญ่ มดตัวเล็ก แต่ว่ามดเยอะมาก เขาก็ช่วยกันปกป้องต้นไม้ที่เขาอยู่ เหมือนกับปกป้องบ้านพักบ้านอาศัยของเขา ถิ่นที่อยู่ของเขา ช้างก็ไม่สามารถจะทำอะไรต้นไม้พวกนี้ได้
แต่ต่อมา มันมีมดชนิดหนึ่งเรียกว่ามดง่าม ไม่รู้มันอพยพมาจากไหน หรือว่าคนเอามาก็ไม่รู้ มันเป็นมดเอเลี่ยน (Alien) มดต่างด้าวต่างถิ่น แล้วมันเก่งมาก มันไปที่ไหน มดชนิดอื่นต้องพ่ายแพ้หนีกระเจิง เพราะฉะนั้น พอกลุ่มมดง่ามมันมาถึงต้นอะคาเซีย มดที่เป็นเจ้าถิ่นก็อยู่ไม่ได้ ล้มหายตายจากไป
ทีนี้ ปัญหาก็คือว่า พอไม่มีมดอะคาเซีย ช้างก็สบายเลย ปกติเวลาช้างไปไหน ก็ทำลายต้นไม้ หักโค่นต้นไม้ เพื่อกินใบบ้าง พอไม่มีมดอะคาเซียมาปกป้องต้นไม้ ช้างก็หักโค่นต้นไม้เป็นพื้นที่กว้างใหญ่
เขาเคยมีการสำรวจว่า ระหว่างป่าหรือพื้นที่ป่าที่ไม่มีมดอะคาเซียกับที่มีมดอะคาเซีย มีความแตกต่างอย่างไร พบว่า ถ้ามีมดอะคาเซีย ต้นไม้จะถูกทำลายน้อย แต่ถ้าไม่มีมดอะคาเซียเพราะว่ามีมดชนิดอื่นมาอยู่คือมดง่าม ต้นไม้จะถูกทำลาย 5-7 เท่า
ทีนี้ พอช้างทำลายต้นไม้ หักโค่นต้นไม้ มันก็เดือดร้อนถึงสิงโต เพราะสิงโตเคยอาศัยต้นไม้นี้ซุ่ม ซุ่มเพื่ออะไร ซุ่มเพื่อโจมตีม้าลาย แต่พอไม่มีต้นไม้ให้ซุ่มโจมตี ก็จับม้าลายได้น้อยลง เขาคำนวณดู พบว่าพอไม่มีต้นไม้ซุ่มโจมตี ก็จับม้าลายได้สำเร็จน้อยลง 3 เท่า
คราวนี้ พอจับม้าลายมากินเป็นอาหารไม่ได้ มันก็ผอมโซเลย มันก็หันไปจับสัตว์ชนิดอื่น เช่น ควายป่า ซึ่งวิ่งช้ากว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ง่าย ปัญหาก็คือว่า จำนวนของสิงโตลดน้อยลงขณะที่จำนวนของม้าลายก็เพิ่มมากขึ้น
แล้วไม่ใช่แค่นั้น นอกจากช้างแล้วก็มีสัตว์ชนิดอื่นที่อาศัยต้นอะคาเซีย แต่ก่อนนี้ก็กินไม่ได้มาก เพราะว่ามดอะคาเซียคอยไล่ ไม่ว่าจะเป็นยีราฟ หรือว่าพวกแรด แต่คราวนี้ พอไม่มีมดอะคาเซียแล้ว ปริมาณของยีราฟ ปริมาณของแรด ก็เพิ่มมากขึ้น
ต่อไปจะมีผลกระทบต่อป่าทั้งผืนเลย หรือต่อระบบนิเวศน์แถวนั้นอย่างมากมายทีเดียว อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เขากำลังวิตกกัน ขณะเดียวกัน มันก็ชี้ให้เห็นว่า แค่มดตัวเล็ก ๆ มีความสำคัญมาก มันเป็นตัวควบคุมระบบนิเวศในป่าของเคนยาเลย ควบคุมอย่างไร
ก็คือควบคุมประชากรของสัตว์ เพราะถ้ามันยังอยู่ สิงโตก็สามารถจะซุ่มใต้ต้นไม้ หลังต้นไม้ แล้วก็จับม้าลายได้ แต่พอไม่มีต้นไม้ สิงโตก็ลำบากแล้ว หาอาหารได้น้อยลง จำนวนน้อยลง ขณะที่ม้าลายมีมากขึ้น
อันนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั่วไป ความสัมพันธ์แบบนี้ อย่างต้นไม้ อาหารที่เรากิน มันต้องอาศัยผึ้ง อาศัยผีเสื้อในการผสมเกสร แต่เดี๋ยวนี้ ผีเสื้อและผึ้งน้อยลงแล้ว เพราะว่าเราใช้ยาฆ่าแมลง พอผีเสื้อหรือผึ้งพากันล้มตาย ต้นไม้ก็ไม่มีการผสมเกสร ผลผลิตก็น้อยลง แล้วก็เดือดร้อนถึงคน ไม่ใช่เฉพาะชาวนาชาวไร่ที่เป็นเจ้าของสวน แต่รวมถึงคนงานที่เคยถูกจ้างมาเพื่อเก็บผลผลิตก็ไม่มีงานทำ เพราะว่าผลผลิตมันน้อย
แล้วยังส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค อาหารที่มาจากสวนเหล่านี้ก็น้อยลง ฉะนั้น คนหลายอาชีพเดือดร้อนเพราะว่าผึ้ง ผีเสื้อ ล้มหายตายจากเพราะการใช้ยาฆ่าแมลง ซึ่งเกิดจากฝีมือมนุษย์
แล้วมันไม่ใช่แค่นั้น เดี๋ยวนี้โลกร้อนขึ้น ต้นไม้ก็ออกดอกเร็วกว่าปกติ แต่ก่อนผึ้งโตเต็มวัย ผีเสื้อโตเต็มวัย ก็พอดีกับต้นไม้ออกดอก ก็มีอาหารให้ผึ้ง ให้ผีเสื้อ ขณะเดียวกันดอกไม้ก็ได้รับการผสมเกสร ก็ออกผล
แต่คราวนี้ พอบานก่อนเวลาเพราะโลกร้อน มันก็ไม่มีผึ้งมาผสมเกสรเพราะยังโตไม่เต็มที่ ดอกไม้เหี่ยว ไม่มีผลผลิต คนก็เดือดร้อน ต้นไม้เดี๋ยวนี้ก็เดือดร้อนเหมือนกัน เพราะว่าถ้าไม่มีผึ้ง ไม่มีแมลงผสมเกสร มันไม่มีผล มันก็แพร่พันธุ์ลำบาก
ฉะนั้น โลกร้อนนี้เกิดขึ้นจากอะไร เกิดขึ้นจากคนนั่นเอง เพราะฉะนั้น ตอนนี้การที่เราเข้าไปควบคุมธรรมชาติ ไปแทรกแซงธรรมชาติ ทั้งโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว มันก็ก่อให้เกิดผลกระทบกว้างไกลมากถึงระบบนิเวศทั้งหมด สุดท้ายก็จะย้อนกลับมาที่เรา
อันนี้ก็เป็นเรื่องที่มนุษย์เรายังมีความรู้น้อย หรือไม่ค่อยเห็นความสำคัญ แต่นับวันผลกระทบมันก็จะรุนแรงมากขึ้น.