พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 21 พฤษภาคม 2567
มีนักธุรกิจคนหนึ่งชาวอเมริกัน คืนหนึ่งกำลังหลับสบาย ก็มีสัญญาณไฟดับเพลิงเกิดขึ้น ตกใจ รีบออกจากบ้านเลย เพราะนึกว่ามีไฟไหม้ ออกมาทั้งๆ ที่อยู่ในชุดนอนนี่แหละ ปรากฏว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น สัญญาณผิดพลาด ก็เลยจะกลับเข้าไปนอน
แต่ก็คิดว่าไหนๆ ตื่นขึ้นมาแล้ว ก็ไปหาอะไรกินสักหน่อย ก็ไปที่ร้านกาแฟอยู่ใกล้ ๆ
ระหว่างที่รอกาแฟมาเสิร์ฟ เขาก็นึกได้ว่ายังไม่ได้สวดมนต์เลย อยากจะขอบคุณพระเจ้าที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็เลยออกไปที่หน้าร้านแล้วก็คุกเข่าสวดมนต์ ตอนที่สวดมนต์ก็หลับตา พอลืมตาขึ้นมาก็ปรากฏว่าเจอเด็กผู้ชายอายุ 9 ขวบคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้า เป็นเด็กผิวดำด้วย
เด็กคนนั้นพูดขึ้นมาว่า คุณเป็นคนไร้บ้านหรือเปล่า ตอนนี้ผมมีเงินอยู่ดอลลาร์นึง ผมอยากจะช่วยเหลือคนไร้บ้านมานานแล้ว วันนี้ผมมีโอกาสแล้วล่ะ แล้วเด็กคนนั้นก็มอบเงิน 1 ดอลลาร์ให้กับชายคนนั้น
ชายคนนั้นแทนที่จะรู้สึกว่าถูกดูถูกว่าเป็นคนไร้บ้าน ฉันเป็นเศรษฐี ฉันร่ำรวย เขามามองว่าฉันเป็นคนไร้บ้านได้อย่างไร หรือแทนที่จะเห็นว่าเงินดอลลาร์มันไร้ค่า เขากลับรู้สึกขอบคุณนะ แล้วประทับใจในน้ำใจเด็กคนนี้ ก็เลยชวนเด็กคนนี้เข้าไปในร้านกาแฟก็คุยกัน
เด็กก็บอกว่า นี่ได้เงินมาเป็นรางวัลจากโรงเรียน ปกติก็ไม่ค่อยมีเงินที่จะช่วยเหลือใคร เพราะบ้านก็ยากจน แต่ว่าวันนี้ได้เงินรางวัลจากโรงเรียน ก็เลยพอมาเห็นชายคนนี้ ซึ่งแต่งตัวโทรมๆ ในสายตาของแก ที่จริงก็ไม่โทรมหรอก เขาใส่ชุดนอนเพราะว่าออกมาจากบ้านแบบกะทันหัน
เด็กก็เข้าใจว่าเป็นคนไร้บ้าน พอเห็นว่าเป็นคนไร้บ้านก็สงสารอยากจะช่วย มีเงินแค่ดอลลาร์นึงนะ ก็ให้หมดเลย นักธุรกิจคนนั้นก็ประทับใจมาก ก็เลยแนะนำตัวเองว่าเป็นนักธุรกิจ แล้วก็มีร้านขายเครื่องกีฬาร้านใหญ่เลย
เขาอยากจะตอบแทนบุญคุณของเด็กคนนี้ ก็เลยพาเด็กคนนี้เข้าร้านของเขา แล้วบอกว่าให้เวลา 40 วินาที เลือกอะไรก็ได้ เลือกเลย คือแทนที่จะให้เป็นเงิน ก็ให้เป็นของให้เด็กเลือกเอง แถมให้จักรยานด้วย ราคาถ้าคิดเป็นเงินไทยก็เป็นหมื่นนะ เป็นการตอบแทน แล้วก็ให้รางวัลกับเด็กที่มีน้ำใจ
เป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก เด็กคนนี้แม้ว่าจะไม่ร่ำรวย ที่จริงก็อาจจะจัดอยู่ในฐานะที่ยากจนก็ได้ แค่ 1 ดอลลาร์ก็มีความหมาย แต่เขาก็อยากจะมอบ 1 ดอลลาร์ให้กับคนที่เดือดร้อนคือคนไร้บ้าน
มีเด็กฝรั่งอีกคนหนึ่ง ตอนนั้นเป็นช่วงเทศกาลฮาโลวีน ฮาโลวีนนี่เป็นเทศกาลที่เด็ก ๆ ชอบมากในอเมริกา วันที่ 31 ตุลา เพราะเด็ก ๆ จะแต่งชุดผี ชุดแดร็กคูล่า ชุดประหลาด ๆ ที่เรียกว่าคอสเพลย์ออกไปตามถนนกลางค่ำกลางคืน เพื่อที่จะไปขอขนมตามบ้านต่าง ๆ
และตามธรรมเนียมอเมริกัน เด็กมาขอในวันฮาโลวีนก็ต้องให้นะ มีของก็ให้ มีขนมก็ให้ ไม่ว่าใครมาขอ ไม่ว่าใครมาเคาะประตูก็ตาม แต่ตอนหลังเขาก็ใช้วิธีว่าไม่ต้องเคาะประตูแล้วล่ะ เอาขนมมาวางไว้หน้าบ้านเลย เพราะบ้านฝรั่งหลายบ้านเขาไม่มีรั้ว เข้ามาแล้วก็มาเอาของที่หน้าบ้านเป็นขนม
เด็กคนหนึ่งอายุประมาณสัก 10 ขวบ เป็นผู้ชาย ก็เข้าไปที่บ้านหลังหนึ่ง ก็ไปเจอขวดโหล ที่จริงใช้เป็นภาชนะ มีลูกกวาดแค่ 2 เม็ด เด็กแทนที่จะโลภมากเอาทั้ง 2 เม็ด เอาไปแค่เม็ดเดียว เพราะอะไร เพราะห่วง นึกถึงเพื่อนคนอื่นว่าเขามาแล้วเขาจะได้ขนมกลับไปบ้าง
ก็เป็นคนมีน้ำใจ แทนที่จะเอาหมด ก็คิดถึงคนอื่น เท่านั้นไม่พอผ่านไปสักชั่วโมงหนึ่งได้ เด็กคนนี้ได้ขนมมาเยอะเลย เรียกว่าเกือบจะครึ่งถุงเลย พอแกผ่านมาที่บ้านหลังนี้ ก็นึกถึงเด็กคนอื่น ๆ ว่า มาบ้านหลังนี้แล้ว จะมีขนมกลับไปไหม ก็เลยเอาขนมที่ขอมาได้เกือบหมดเลยนะ เทลงไปในโหล เหลือให้ตัวเองเอากลับไปบ้านนิดเดียวเอง
เผอิญเจ้าของบ้านถ่ายกล้องวงจรปิดเอาไว้ เห็นเด็กคนนี้มีพฤติกรรมที่แสดงถึงน้ำใจ มีความเสียสละ แกก็เลยโพสต์เอาขึ้น facebook, tiktok บอกว่าเห็นเด็กคนนี้แล้วเกิดศรัทธา รู้สึกกลับมามีศรัทธาในมนุษย์ใหม่ เพราะเคยเข้าใจว่าคนเรามีแต่ความเห็นแก่ตัว แต่เห็นเด็กคนนี้ นอกจากจะไม่โลภมากแล้ว เจอ 2 เอาแค่ 1 ไม่รวบหมด เท่านั้นไม่พอ พอได้มาเยอะ ๆ ก็เอามาแบ่งให้กับเด็กคนอื่น ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ก็อยากจะให้เขามาหยิบ ไม่ผิดหวัง เมื่อมาบ้านนี้แล้วมีขนมกลับไป
เป็นน้ำใจที่เดี๋ยวนี้หาได้ยาก แต่ก็เป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรจะภาคภูมิใจ แล้วก็พยายามส่งเสริม เพราะว่าเด็กปกติก็มีน้ำใจแบบนี้อยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราอย่าไปขัดขวางเท่านั้นเอง ส่งเสริมให้เด็กเขามีน้ำใจคิดถึงคนอื่นอยู่เสมอ ไม่เอามาก เหมือนกับเวลาตักอาหารก็ไม่ตักหมด เผื่อให้คนอื่นบ้าง หรือถ้ามีเยอะก็แบ่งให้คนอื่นด้วย อันนี้เป็นคุณธรรมที่สังคมกำลังต้องการมากทีเดียว