พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้า วันที่ 17 พฤษภาคม 2567
เคยมีคนทำนายว่า ปากกาและดินสอ รวมทั้งสมุด จะกลายเป็นของตกยุคตกสมัย เพราะว่ามีแท็บเล็ต มีโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนมาแทนที่ ทีนี้ ก็เห็นแนวโน้มดังกล่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคนเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เขียนอะไรด้วยปากกา ด้วยดินสอแล้ว จะส่งข้อความก็ส่งทางมือถือ เพราะว่าสะดวกกว่าหลายอย่าง
แต่คำทำนายนี้ก็ไม่แน่ ว่าจะเป็นจริงก็ได้ เพราะนับวันจะมีหลักฐานยืนยันว่าการเขียนด้วยปากกา ด้วยดินสอ ดีกว่าการพิมพ์ทางโทรศัพท์มือถือ ทางแท็บเล็ตเยอะ โดยเฉพาะสำหรับเด็ก ๆ เขาพบว่าเขียนด้วยปากกา เขียนด้วยดินสอ ทำให้เด็กเรียนรู้ได้ดีกว่า โดยเฉพาะเรื่องภาษา และที่จริงแล้ว ขยายความไปถึงความรู้ต่าง ๆ ที่เรียนหรือขีดเขียนด้วยดินสอปากกาลงในสมุดด้วย
ที่แน่ ๆ พบว่าความจำเด็กดีขึ้นถ้าใช้ดินสอ ใช้ปากกาในการเขียน นึกคำ หรือนึกข้อความ หรือนึกความรู้ได้เร็วขึ้น และสะกดคำดีขึ้น พูดรวม ๆ คือ ทำให้การเรียนรู้ของเด็กดีขึ้น แต่ไม่ใช่เฉพาะเด็ก ผู้ใหญ่ก็เหมือนกัน
ที่นอร์เวย์เมื่อเร็ว ๆ นี้ เขามีการศึกษาวิจัยแบบไฮเทค เขาต้องการศึกษาว่าการเขียนด้วยดินสอ ด้วยปากกา มีผลอย่างไรต่อสมอง
เขาพบว่ามันกระตุ้นสมอง มีกระแสไฟฟ้าเคลื่อนไหวในสมองส่วนต่าง ๆ ที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ควบคุมภาพ ความจำ และการประมวลผล ทำให้รับรู้ข้อมูลใหม่ ๆ ได้ดีขึ้น มันมีการเชื่อมโยงระหว่างสมองส่วนต่าง ๆ ที่ว่าเวลานักศึกษา ซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขียนข้อความด้วยดินสอ ด้วยปากกา แต่ปรากฏการณ์นี้หรือการกระตุ้นสมองแบบนี้ไม่พบในนักศึกษาที่พิมพ์ด้วยแป้นพิมพ์ในโทรศัพท์มือถือหรือใช้เครื่องพิมพ์ดีดก็ตาม หรือว่าพิมพ์บนแป้นของคอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ต หรือโทรศัพท์มือถือ ก็คือไม่กระตุ้นสมองได้ดีเท่ากับการใช้มือเขียนข้อความด้วยดินสอ ด้วยปากกา ถึงแม้ว่าการพิมพ์จะให้ผลได้เร็วกว่าการเขียน แต่ว่าในแง่การเรียนรู้แล้ว ไม่ช่วยให้สมองเติบโตได้ดีกว่า ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่
เพราะฉะนั้น ตอนนี้หลายประเทศ อย่างสวีเดน นอร์เวย์ เขาไม่ให้เด็ก ๆ ใช้แท็บเล็ตในห้องเรียนแล้ว เขาให้ใช้สมุด จะเขียนอะไรก็เขียนด้วยปากกาหรือดินสอ
สำหรับประเทศเราอาจจะมองว่านี่มันถอยหลัง เดี๋ยวนี้เขาใช้แท็บเล็ตกันแล้ว เราส่งเสริมให้มีการใช้แท็บเล็ตกันตั้งแต่ระดับประถมเพื่อจะทันโลกทันสมัย แต่ว่าจริง ๆ แล้ว การเขียนด้วยปากกาดินสอล้ำยุคกว่า เพราะว่าส่งเสริมการเรียนรู้ ทั้งในเรื่องความจำ ทั้งในเรื่องการประมวลผลข้อมูลได้ดีกว่า
อันที่จริงเรื่องนี้เรารู้กันนานแล้ว เวลาเราอยากจำอะไรให้ดี ๆ ต้องเขียน การเขียนทำให้เราจำสิ่งที่เขียนได้ดีกว่า ยิ่งถ้าเป็นคนที่กำลังเรียนรู้เรื่องคำ เขียนคำแต่ละคำทำให้จดจำคำนั้นได้ และระลึกถึงได้ไว แต่ว่าประโยชน์มากกว่านั้นเยอะ
เพราะฉะนั้น สมัยนี้ถ้าจะล้ำยุคจริง ๆ ต้องเขียนด้วยปากกาหรือด้วยดินสอ เพราะว่ามีผลต่อพัฒนาการของสมองได้ดีกว่า
ที่จริง การกระตุ้นสมองไม่ใช่แค่เขียนด้วยดินสอ ด้วยปากกา การออกกำลังกาย ใช้ร่างกายทั้งตัว ใช้แขนใช้ขาทั้งตัวก็กระตุ้นสมองเหมือนกัน
คนสมัยก่อนเขาใช้ทั้งตัวในการทำกิจการงานต่าง ๆ ใช้แขน ใช้ขา เขาต้องใช้กำลัง ไม่ว่าจะเป็นทำนา ทำไร่ ขุดดิน หาบฟืน ใช้ทั้งตัว ตอนหลังเราพัฒนามาจนกระทั่งเหลือแค่ใช้มือเขียนหนังสือ ขาไม่ได้ใช้ ไม่ต้องเดิน แขนบางทีไม่ค่อยได้ใช้เท่าไร นอกจากจับปากกา
แต่เดี๋ยวนี้หนักเข้าไปใหญ่ จากเดิมที่ใช้มือหรือใช้นิ้วทั้งห้าจับปากกา เดี๋ยวนี้เราใช้แค่นิ้วสองนิ้วเท่านั้น หรือบางทีนิ้วเดียวในการจิ้มคีย์บอร์ดหรือแป้นในคอมพิวเตอร์ บางคนใช้แค่หัวแม่โป้ง มีหลายคนคล่องมาก ใช้หัวแม่โป้งสองข้างพิมพ์ข้อความ
จากการใช้ร่างกายทั้งตัว เหลือแค่ใช้นิ้วแค่นิ้วเดียวหรือสองนิ้ว ดูเป็นการพัฒนา แต่ที่จริงถอยหลัง เพราะทำให้สุขภาพร่างกายเสื่อมถอยลง อย่างที่เรารู้ พอออกกำลังกายน้อยลงร่างกายก็แย่ แล้วเดี๋ยวนี้ไม่ใช่แค่ร่างกายที่แย่ สมองก็แย่ด้วย เห็นได้จากอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนไป
แต่เดี๋ยวนี้เขาพบว่าแค่เราออกกำลังกาย แค่เดิน 5 นาที 10 นาที สมองได้รับการกระตุ้นมาก ไม่ใช่แค่สมองส่วนควบคุมกล้ามเนื้อ แต่สมองส่วนอื่นด้วย เขาพบว่าจะมีสารสื่อประสาทหลายตัวออกมา เช่น โดพามีน (Dopamine) เซโรโทนิน (Serotonin) เอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) พวกนี้ทำให้จิตใจผ่อนคลาย สบาย เขาเรียกว่า สารแห่งความสุข
ฉะนั้น คนที่เดินมาก ๆ ออกกำลังกายเยอะ ๆ เป็นโรคซึมเศร้าน้อย เหงา เบื่อ เซ็ง น้อย รวมทั้งความจำดีด้วย
เดี๋ยวนี้เราพบว่าคนเป็นโรคซึมเศร้ากันเยอะ เบื่อ เซ็ง เครียด วิตกกังวล เขาพบว่าแค่ออกไปเดินช่วยลดความวิตกกังวล ลดความซึมเศร้าได้มากถ้าทำเป็นประจำ ไม่ใช่แค่ทำให้ร่างกายแข็งแรง ปอดดี หัวใจดี แต่ว่ากระตุ้นสมองทำให้อารมณ์ดีด้วย อันนี้คือสิ่งที่คนสมัยนี้มองข้ามไป คิดว่าอยู่สบาย ไม่ต้องเดิน อันนี้ดี เป็นความเจริญ แต่ที่จริงแล้วทำให้ร่างกายแย่
ฉะนั้น การกระตุ้นสมองไม่ใช่แค่อ่านหนังสือหรือเล่นเกมอย่างเดียว แม้กระทั่งการออกกำลังกาย เดิน วิ่ง ใช้ร่างและทั้งตัวช่วยกระตุ้นสมองมาก และถึงเวลานั่งนิ่ง ๆ หรือเวลานักเรียนหนังสือในห้องเรียนก็ใช้นิ้วบ้าง ไม่ใช่ใช้นิ้วจิ้ม แต่ใช้นิ้วเขียนข้อความ จดบันทึกด้วยดินสอ ด้วยปากกาลงในสมุด เหล่านี้ทำให้สมองเกิดการกระตุ้น เกิดพัฒนาการ และเกิดการเรียนรู้ได้เร็ว
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากเจริญหรือถ้าจะล้ำยุค ต้องใช้ดินสอ ใช้ปากกาเขียนหนังสือ ไม่ใช่จิ้มเอาใส่เครื่องโทรศัพท์มือถือหรือว่าแท็บเล็ต.