พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 1 พฤษภาคม 2567
วัยรุ่นหญิงฝรั่งคนหนึ่งอายุ 14 ปิดเทอมแล้วแทนที่จะไปเที่ยวเล่นหาความสนุกสนาน เธอกลับตั้งใจจะทำงาน ก็ติดต่อสถานที่หลายแห่ง ส่งประวัติไปด้วย แต่ว่าสถานที่เหล่านั้นก็ไม่ติดต่อกลับมา
เธอรอสักพัก ก็เลยไปติดต่อร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เธออยากจะทำงาน เธอถามร้านว่าได้อ่านประวัติที่เธอส่งมาหรือยัง ก็มีประวัติการเรียน ประวัติการทำงาน
เจ้าของร้านบอกว่ายังไม่ได้อ่านเลย เธอก็บอกว่า ลองอ่านดูก่อนสิ พอเขาอ่านเสร็จ เขาบอกว่าได้เลย มาทำงานเดี๋ยวนี้มั้ย เธอบอกว่าได้ วันนี้เลยก็ได้ เธอก็เลยทำงานที่ร้านอาหารแห่งนี้ มีงานสารพัด ไม่ว่าจะเป็นล้างจาน ล้างห้องน้ำ ถูพื้น เก็บขยะ เสิร์ฟอาหารให้ลูกค้า เก็บเงิน บางทีก็ต้องชงกาแฟ หรือทำสมูทตี้ให้ลูกค้าด้วย
เธอไม่เกี่ยงงานเลย จะให้ล้างจาน ล้างห้องน้ำ ถูพื้นก็ได้ แล้วเธอก็ไม่เลือกกะ มันมีกะเช้า กะบ่าย กะดึก เจ้านายให้เธอทำกะไหนเธอก็เอาทั้งนั้น ไม่ปฏิเสธ แถมยังบอกเพื่อน ๆ ว่าวันไหนที่เพื่อน ๆ อยากจะลางาน หรือว่ากะที่ไม่อยากรับเพราะเป็นกะดึก บอกเธอ เธอจะรับเอง
เธอขยันทำงานมากตลอดปิดภาคเรียนฤดูร้อน ที่บ้านก็ฐานะใช้ได้ แต่เธออยากจะหาเงินเอง 70% ของเงินที่เธอได้ เก็บเอาไว้เพื่อเตรียมเรียนหมอ เพราะอยากเรียนหมอ แล้วก็ไม่อยากขอเงินแม่ ขอเงินพ่อ จึงหาเงินเอง ส่วนนี้เธอเก็บไว้ 70% เพราะว่าค่าเล่าเรียนหมอแพง
ฝรั่งหลายคน พอจะไปเรียนหมอหรือแม้แต่เรียนมหาวิทยาลัยก็ต้องกู้เงิน คล้าย กยศ. บ้านเรา แต่ว่าเธอไม่อยากกู้เงิน ก็เลยหาเงินเอง 70% ของเงินที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงเตรียมเอาไว้เพื่อเรียนหมอ
อีก 30% ที่เธอหามาได้เอาไว้ไปซื้อคอมพิวเตอร์ แท็บเบล็ต ไม่ใช่เพื่อไว้ดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเชียลมีเดีย หรือเล่นเกม แต่เพื่อศึกษาหาความรู้ ที่เหลือก็เอาไปใช้ ซื้อของใช้ส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ
คนที่เป็นพ่อ ภูมิใจมากเลย ลูกสาวอายุ 14 ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ อยากได้อะไรก็ไม่ได้ขอเงินพ่อ ขอเงินแม่ ต่างจากเด็กไทยวัยรุ่นหลายคน อย่าว่าแต่ค่าเล่าเรียนเลย แม้กระทั่งจะไปดูคอนเสิร์ตราคาแพง ๆ บัตรราคาหลายพัน ยังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่เลย
แต่คนนี้ จริงๆ ก็ไม่ต่างจากเด็กที่หลายคนในเมืองฝรั่ง รู้จักพึ่งตัวเอง อยากได้เงินก็ไปหาเอา ทำงานรับจ้าง และงานสำหรับเด็กเหล่านี้มันก็ไม่ได้เป็นงานที่ต้องใช้หัวคิดอะไร ใช้แรงอย่างเดียว ล้างจาน ล้างส้วม ถูพื้น เก็บขยะ มีเบาหน่อยก็เสริฟอาหารให้ลูกค้า แล้วก็ชงกาแฟ แต่เธอเป็นคนที่ไม่เลือกงาน
คนเดี๋ยวนี้ วัยรุ่นที่มีฐานะดี เลือกงาน อยากได้งานสบาย งานล้างจาน งานถูพื้น พวกนี้ไม่เอาเลย แม้แต่ที่บ้านยังไม่ทำ แต่คนนี้ก็เชื่อได้ว่า งานล้างจานที่บ้าน หรือว่าซักเสื้อผ้าของตัวเอง เธอทำอยู่แล้ว ถึงเวลาที่จะหางาน ก็ไม่รังเกียจงานเหล่านี้ เรียกว่าเป็นผู้ที่เห็นคุณค่าของงาน
คนเราถ้าเห็นคุณค่าของงาน งานสุจริต งานที่ต้องใช้แรง เขาก็ไม่รังเกียจ เพราะถือว่าเป็นงานที่มีคุณค่า รู้สึกภูมิใจด้วยว่าเป็นงานที่ฉันทำเพื่อเลี้ยงตัวเอง แต่ว่าเด็กไทยจำนวนมากรังเกียจ บางทีอายที่เพื่อนๆ รู้ว่ามารับจ้างล้างจาน มารับจ้างถูพื้น คนไทยเรายังมีทัศนคติรังเกียจงานอยู่มาก
พอคนเราไม่รังเกียจงาน ก็จะมีความอดทน แล้วก็เห็นคุณค่าของเงินด้วย เด็กคนนี้แกเห็นคุณค่าของเงิน เพราะว่าเงินที่หามาได้เกิดจากน้ำพักน้ำแรงทั้งนั้น และที่เธอทำอย่างนี้ได้เพราะอะไร เพราะเธอมีจุดมุ่งหมาย จุดมุ่งหมายคืออะไร คือเป็นหมอ
อยากจะเรียนหมอ อายุ 14 นี้ มีเป้าหมายชัดเจนแล้วว่า จะเรียนหมอ บางคนอายุ 16-17 หรือบางทีจะเข้ามหาวิทยาลัย ก็ยังไม่รู้เลยว่า จะไปเรียนอะไร หรือจบแล้วจะไปเป็นอะไร คนนี้อายุ 14 รู้ชัดแล้วว่า ฉันจะไปเรียนหมอ อยากเป็นหมอ พอรู้เป้าหมายชัด ถึงลำบากก็ยอม จะไปล้างจาน ล้างส้วมก็ยอม เพราะว่าเป้าหมายชัด
คนเราถ้าเป้าหมายชัด อุปสรรคอะไรที่เจอก็ไม่กลัว บางคนเป้าหมายคือเหรียญทอง จึงยอมทำทุกอย่างแม้จะประสบอุปสรรคมากมาย อย่างพวกเราหลายคนเป้าหมายคืออะไร เพื่อรู้ธรรม เห็นธรรม เข้าถึงธรรมเพื่อความพ้นทุกข์ ถ้าเป้าหมายชัด ไม่กลัวความลำบาก
ที่พักปฏิบัติธรรมไม่มีเตียง ต้องนอนเสื่อก็ไม่บ่น อากาศร้อนก็ไม่บ่น จะให้ไปทำงาน เช่น เก็บกวาดก็ไม่บ่น เพราะเป้าหมายชัด แต่ถ้าเป้าหมายไม่ชัด ได้นอนเสื่อก็โวยวาย หรือว่าห้องน้ำไม่สะดวกก็บ่น หารู้ไม่ว่าเป็นสิ่งที่ฝึกให้มีความอดทน แล้วก็ให้รู้จักรักษาใจไม่ให้ทุกข์เพราะอุปสรรคเหล่านี้
คนที่เขาใช้ชีวิตทางโลกจำนวนมากนี้เขาไม่กลัวความยากลำบาก อย่างเด็กผู้หญิงคนนี้ เพราะเขารู้ว่าเขามีเป้าหมายอะไร คนเราถ้ามีชีวิตแล้วไม่รู้เป้าหมายคืออะไร ชีวิตก็จะสับสนแล้วก็อ่อนแอได้ง่าย.