พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้า วันที่ 8 เมษายน 2567
วันนี้วันพระ ถึงวันพระ หลายคนก็นึกถึงการทำบุญ พอพูดถึงการทำบุญ นึกถึงการทำบุญกับพระ หรือทำบุญที่วัด ที่จริงแล้วทำบุญทำกับคนที่ทุกข์ยากเดือดร้อนก็ได้
ทุกวันนี้โรงพยาบาลหลายแห่ง โดยเฉพาะโรงพยาบาลของรัฐ มีคนยากจนมารับการตรวจและการรักษาที่โรงพยาบาล ส่วนใหญ่ก็มาแต่เช้า แล้วอยู่จนเที่ยงหรือบ่าย เสร็จแล้วก็ต้องเจียดเงินซึ่งมีอยู่น้อยอยู่แล้วซื้ออาหาร อาหารกลางวัน
สำหรับคนที่มีอันจะกิน อาหารกลางวันก็เป็นเงินที่ไม่มาก แต่สำหรับคนยากจน อาหารกลางวันแต่ละมื้อๆ ก็ไม่น้อยเลย ถ้าซื้อ แล้วก็ถ้าป่วยยืดเยื้อเรื้อรัง ต้องไปโรงพยาบาลบ่อยๆ ก็หมดเงินไปเยอะกับค่าอาหาร ไม่นับค่าเดินทาง
ตอนนี้ก็มีโรงพยาบาลบางแห่ง รวมทั้งสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เขาก็พยายามช่วยสงเคราะห์ผู้ป่วยที่ยากไร้ รวมทั้งญาติด้วย เพราะว่าผู้ป่วยเหล่านี้ ส่วนใหญ่ก็ต้องมีญาติพามา แล้วถ้าเกิดว่าญาติก็ไม่ได้มีฐานะดีเท่าไหร่ ก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับผู้ป่วย คือต้องเจียดเงินมาซื้ออาหารกลางวัน
โรงพยาบาล รวมทั้งสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เขาก็เลยช่วยสงเคราะห์ หรือช่วยเหลือผู้ที่ลำบากเหล่านี้ ด้วยการให้คูปองอาหารแก่ผู้ป่วย แล้วก็ญาติที่ยากจน
คูปองเหล่านี้ ใครที่ได้ไป ก็นำไปที่ร้านอาหาร ยื่นคูปองให้ ก็ได้อาหารจากร้านเหล่านี้ ก็เป็นร้านที่เรียกว่ามีน้ำใจ อยากจะช่วยเหลือคนที่ยากจน ทั้งญาติ ทั้งผู้ป่วย
แต่ว่ากำลังของร้านอาหารเหล่านี้ก็มีไม่มาก แม้ปรารถนาจะเป็นสะพานบุญ แต่ว่าจะช่วยคนที่เดือดร้อนได้นานๆ ต้องมีคนมาช่วยอุปถัมภ์
ทางมูลนิธิเครือข่ายพุทธิกาจึงขอก็เชิญชวนคนที่มีจิตกุศล อยากช่วยเหลือผู้ที่ยากไร้เหล่านี้ วิธีง่ายๆ คือนำเงินไปมอบให้กับร้านอาหารเหล่านี้ เฉพาะที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ตอนนี้ก็มี 6 ร้าน เขาติดป้ายเอาไว้ ร้านปันกันอิ่ม
ใครที่อยากจะช่วยเหลือ ถือว่าเป็นการทำบุญในวันพระ หรือว่าทำบุญในวันเกิด หรือทำบุญในโอกาสใดก็ได้ ก็นำค่าอาหารไปฝากไว้กับร้านเหล่านี้ ร้านเหล่านี้ก็จะได้มีกำลัง
อาหารเหล่านี้ที่เราฝาก เงินให้เขาก็จะเปลี่ยนเป็นคูปอง ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ก็จะทำหน้าที่ เลือกว่าจะแจกคูปองนี้ให้กับคนที่สมควรจะได้รับ ก็คือคนยากคนจน แล้วก็ญาติ ทั้งผู้ป่วย อันนี้ก็เป็นวิธีการช่วยคนที่เดือดร้อน
คูปองแต่ละใบ ก็สามารถจะเปลี่ยนเป็นอาหารหรือเครื่องดื่ม 60 บาท สำหรับคนทั่วไปหรือคนมีอันจะกิน มันยังไม่พอค่ากาแฟเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับผู้ป่วยแล้วก็ญาติ 60 บาทถือว่ากินได้อิ่มเลย อย่างน้อยก็หนึ่งอิ่ม
เพราะฉะนั้นใครที่อยากทำบุญ ก็นำเงิน อย่างน้อย 60 บาท ไปมอบให้ หรือฝากให้กับร้านที่ติดป้าย “ปันกันอิ่ม” หรือมิฉะนั้นก็โอนเงินมาทางมูลนิธิเครือข่ายพุทธิกาก็ได้ เลขที่บัญชีธนาคารนี้ก็ดูได้จากทางเว็บไซต์ หรือทาง Facebook ของมูลนิธิเครือข่ายพุทธิกา
เงินที่โอนมาก็จะนำไปมอบให้กับร้านค้า ที่เขามีน้ำใจอยากจะช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ก็เป็นการช่วยทำให้เขามีกำลังในการที่จะช่วยผู้ป่วยและญาติที่ยากจน
เท่าที่ทดลองทำมา ผู้ป่วยและญาติเขาก็ดีใจมาก เพราะบางคนต้องห่อข้าวมา ไม่มีเงินซื้ออาหาร ก็ต้องห่อข้าวมา แต่ว่าพอได้คูปองจากทางสถาบันมะเร็งแล้ว เขาก็ดีใจ เอาคูปองไปแลกเป็นอาหารได้ ที่ศูนย์อาหารสวัสดิการ
ผู้ที่อยากจะทำบุญ ก็นำเงินไปฝากไว้ได้นะ ให้กับร้านอาหาร 6 ร้าน ที่เขาติดป้าย “ปันกันอิ่ม” ที่ศูนย์อาหารสวัสดิการ “60 บาทก็ 1 อิ่ม หรือ 2 อิ่ม ก็ 120 3 อิ่มก็ 180” แต่ละอิ่มก็มีความหมายทั้งนั้น
อันนี้ก็เป็นการบอกบุญ ให้กับคนที่อยากจะทำบุญ ไม่ว่าจะในโอกาสที่เป็นวันพระ หรือว่าวันเกิด หรือวันดีก็ตาม แล้วก็ไม่ใช่ที่สถาบันมะเร็งแห่งเดียว ยังมีที่สถาบันประสาทวิทยา โรงพยาบาลราชวิถี แล้วก็อีกหลายโรงพยาบาล เขาก็มีโครงการนี้เหมือนกัน ปันกันอิ่มให้กับผู้ป่วย และญาติที่ยากจน หรือว่าที่ไม่ค่อยมีเงินในการซื้ออาหาร
เดี๋ยวนี้ ปั่นกันอิ่ม ก็เริ่มเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น ซึ่งก็เป็นวิธีการหนึ่ง ที่จะช่วยคนที่เขายากไร้ ให้เขาได้มีอาหารอิ่มท้อง โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปหาเอง แต่ว่ามอบให้กับร้านค้า หรือโรงพยาบาล แล้วเขาก็จะเป็นผู้จัดการเอง