พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 9 มีนาคม 2567
ใกล้ ๆ แก้งคร้อ มีอำเภอหนึ่งที่อยู่ติดกันคือ มัญจาคีรี ที่นี่มีวัดแห่งหนึ่ง วัดอุดมคงคาคีรีเขต เป็นวัดที่ชาวบ้าน ชาวชัยภูมิศรัทธามาก โดยเฉพาะเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว เพราะว่ามีหลวงปู่ท่านหนึ่งพำนัก แล้วก็เป็นเจ้าอาวาสคือ หลวงปู่ผาง
หลวงปู่ผางเป็นลูกศิษย์หลวงปู่สิงห์ ภายหลังก็ไปปฏิบัติกับหลวงปู่มั่น ท่านเป็นพระที่มีความจัดเจนมากในเรื่องการภาวนา ชอบธุดงค์ด้วย จนกระทั่งตอนหลังก็มาปักหลักที่วัดอุดมคงคาคีรีเขต
ท่านได้ชื่อว่าเป็นพระที่มีเมตตาสูง สัตว์ป่า แม้กระทั่งสัตว์ร้ายอย่างจระเข้ก็เชื่องไปเลยเมื่ออยู่ใกล้ท่าน เพราะฉะนั้นชาวบ้านจึงมีความศรัทธา และยิ่งเห็นว่าเป็นพระป่าสายหลวงปู่มั่นก็ยิ่งมีความเลื่อมใส แล้วก็เชื่อในเรื่องของความสามารถพิเศษทางจิต เวลาใครทำอะไรก็อยากจะให้หลวงปู่ช่วยดูช่วยหาฤกษ์ให้ เพราะคิดว่าท่านเก่งในทางนี้
มีคราวหนึ่ง โยมคนหนึ่งฐานะดี มากราบท่านแล้วก็บอกว่ากำลังจะเปิดร้านค้าทำธุรกิจ อยากจะได้วันดีสำหรับการเปิดร้าน ขอให้ท่านช่วยแนะนำด้วย หลวงปู่ฝางก็บอกว่ามันก็ดีทุกวัน พรุ่งนี้ก็ยิ่งดี โยมคนนั้นก็บอกว่ามีคนบอกว่าพรุ่งนี้เป็นวันโลกาวินาศ เปิดร้านแล้วจะไม่รุ่ง
หลวงปู่บอก “เพิ่งเคยได้ยิน แต่ก่อนก็ได้ยินแต่ว่ามีวันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ มีวันโลกาวินาศด้วยหรือ ไม่เคยได้ยินเลย” โยมก็บอกว่า “โอย มีมานานแล้วหลวงปู่ ถ้าเป็นวันอธิบดี วันธงชัย วันฟู นั่นแหละถึงจะเป็นวันมงคล”
หลวงปู่ถาม “แล้ววันนี้ วันอะไร” โยมก็บอก “วันฟูค่ะ” หลวงปู่บอก “อ้าว ก็เปิดร้านเลยสิ” โยมรีบบอกว่าเปิดไม่ได้ ยังไม่พร้อม มันเร็วไป
หลวงปู่ก็บอก “ให้โยมทำอะไรอย่างหนึ่ง เอาก้อนหินมาหย่อนลงบนอ่างล้างเท้า” มีอ่างล้างเท้าอยู่ใกล้ ๆ โยมก็ถามว่า “ทำทำไมค่ะ หลวงปู่” หลวงปู่บอก “บอกให้ทำ ก็ทำเถอะ”
โยมก็ไปหาก้อนหินมา แล้วก็หย่อนลงตรงอ่างล้างเท้า จากนั้นหลวงปู่ก็ถามว่า “เป็นยังไง มันจมหรือมันฟู”
“มันไม่ฟูใช่ไหม อ้าว วันนี้วันฟูไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมันไม่ฟูเล่า แสดงว่ามันไม่ใช่วันฟูจริงน่ะสิ”
หลวงปู่ท่านพยายามจะชี้แนะให้โยมคนนี้ว่า อย่าไปสนใจวันฟู วันอธิบดี วันธงชัย วันโลกาวินาศ จะทำการค้าขาย จะเปิดร้าน อย่าไปสนใจว่ามันเป็นวันอะไร สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าเราพร้อมเมื่อไรก็เปิดเมื่อนั้นได้เลย
คนจำนวนไม่น้อยไปเชื่อเรื่องฤกษ์เรื่องยามมาก เป็นมานานแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ จะทำอะไรก็ต้องดูฤกษ์ดูยาม แต่ในทางพุทธศาสนา วันดี ฤกษ์ดีไม่อยู่ที่ดวงดาว มันอยู่ที่การกระทำ รวมทั้งประโยชน์ด้วย ทำดีเมื่อไรก็เมื่อนั้น เป็นฤกษ์ดียามดี หรือว่าถึงพร้อมด้วยประโยชน์เมื่อไร ตรงนั้นก็เป็นฤกษ์ดียามดี
แต่เดี๋ยวนี้ แม้กระทั่งชาวพุทธที่เข้าวัดเข้าวาก็ยังไปหลงกับเรื่องของฤกษ์ เรื่องของยาม และไม่ใช่แค่วันโลกาวินาศ วันอธิบดี ไปถึงขั้นปีชง ปีเฮงไปแล้ว ที่จริงการค้าขายมันจะเจริญหรือไม่ มันไม่ได้อยู่ที่ว่าเปิดร้านวันไหน เปิดร้านวันโลกาวินาศหรือวันอธิบดี มันอยู่ที่ความตั้งใจ อยู่ที่ความขยัน ความใส่ใจ หรือถ้าพูดรวม ๆ คือ อยู่ที่ธรรมมะ อันนี้มันยิ่งกว่าบุญอีก
บางคนคิดว่ากิจการจะเจริญต้องทำบุญเยอะ ๆ บุญที่ทำอาจจะนำมาซึ่งโชคลาภ แต่โชคลาภจะอยู่ได้นานหรือไม่ มันอยู่ที่ธรรมะ ได้โชคได้ลาภมาเป็นล้าน สิบล้าน ร้อยล้าน แต่ถ้าไม่มีธรรมะรักษาใจ ธรรมะในการกำกับการดำเนินชีวิต ร้อยล้านพันล้านก็หมด แล้วก็เร็วด้วย เผลอ ๆ ติดลบอีก คือเป็นหนี้
ที่จริงพระพุทธเจ้าได้สอนธรรมะสำหรับพ่อค้า มีเหมือนกันธรรมะสำหรับพ่อค้า เขาเรียกว่า ปาปณิกธรรม ถ้าหากว่าพ่อค้าหรือแม่ค้าใช้ธรรมะ 3 ข้อก็จะเจริญ
3 ข้อที่ว่านั้นคืออะไร คือ
หนึ่ง รู้จักสินค้า รู้ราคา รู้คุณภาพ รู้จุดเด่นจุดด้อยของสินค้า
สอง รู้จักตลาด รู้ว่าตลาดหรือผู้คนมีความสนใจสินค้าเหล่านี้มากน้อยเพียงใด ของดีแต่ถ้าคนไม่สนใจหรือไม่รู้ ก็ขายไม่ออก แล้วก็ต้องรู้จักรสนิยมของลูกค้า รู้จักนิสัยหรือพฤติกรรมของลูกค้า รวมทั้งรู้จักเอาใจลูกค้า อันนี้ก็เรียกว่าเป็นธรรมะเหมือนกัน
แล้วข้อที่สาม คือ ถึงพร้อมด้วยแหล่งทุน เข้าถึงแหล่งทุนได้ เป็นที่ไว้วางใจของคนที่เขาจะให้ทุน ให้กู้ ให้ยืม
ฉะนั้น ถ้ามีธรรมะ 3 ประการนี้ กิจการ ธุรกิจร้านค้าก็มีโอกาสที่จะเฟื่องฟูได้ ยิ่งถ้ามีความขยัน รู้จักอดออม บริโภคอะไรไม่ตามใจปาก ไม่ฟุ้งเฟ้อ ก็มีโอกาสที่จะเจริญได้ มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าเปิดร้านวันไหน
แม้กระทั่งการทำบุญ จะเป็นการทำบุญร้าน หรือว่าการทำบุญที่วัด เพื่อจะได้มีโชคมีลาภ เพื่อจะได้ทำมาค้าขึ้น อันนี้ก็ไม่สำคัญเท่ากับธรรมะ เพราะเวลาเราทำบุญเราก็ทำเป็นครั้งเป็นคราว แต่ว่าถ้าเรามีธรรมะกำกับ มันก็จะช่วยทำให้อานิสงส์แห่งบุญอยู่ได้นาน
ทำบุญนี้นำมาซึ่งโชคลาภ นี่เป็นความเชื่อของชาวพุทธ แต่ลืมไปว่า โชคลาภจะอยู่ได้นานหรือไม่ มันอยู่ที่ธรรมะด้วย การได้โชคได้ลาภนี่ถือว่ายากแล้ว แต่การรักษาโชคลาภให้อยู่ไปได้นาน ๆ อันนี้ยากกว่า
ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ได้เงิน 6-7 ล้าน 10 ล้าน 12 ล้าน นี่ยากแล้ว แต่การที่จะทำให้ 12 ล้านหรือ 6 ล้านที่ได้มาให้อยู่ยั่งยืนไปนาน ๆ หรือว่าต่อยอดขยายผลเป็น 30 ล้าน 40 ล้าน หรือว่าก่อประโยชน์ทั้งแก่ตัวเองและแก่ผู้อื่น อันนี้ยากกว่า ต้องอาศัยธรรมะอย่างเดียวเลย
เพราะฉะนั้น เวลาจะทำกิจการ ทำธุรกิจ อย่าไปสนใจเรื่องฤกษ์เรื่องยามมาก ให้มาถามตัวเราเองว่า เรามีธรรมะมากพอที่จะประกอบการค้าขาย รวมทั้งกำกับ การดำเนินชีวิตของเรา รวมทั้งเป็นเครื่องชี้นำเวลาทำงานกับลูกน้อง หรือว่าสัมพันธ์กับคนรอบข้าง(หรือไม่)
เพราะถ้าไม่มีธรรมะ แม้จะทำธุรกิจเก่งอย่างไร หรือว่าได้เปิดร้านในวันที่เป็นอธิบดี วันธงชัยอย่างไร สุดท้ายก็ไปไม่รอด เจ๊ง ติดหนี้ หรือล้มละลายด้วยซ้ำ.