PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • เสริมพลังให้ใจใฝ่ดี
เสริมพลังให้ใจใฝ่ดี รูปภาพ 1
  • Title
    เสริมพลังให้ใจใฝ่ดี
  • เสียง
  • 14797 เสริมพลังให้ใจใฝ่ดี /aj-visalo/2025-12-11-08-35-06.html
    Click to subscribe
  • {ampz:shareampz}

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันพฤหัสบดี, 11 ธันวาคม 2568
ชุด
ธรรมะสั้นๆ ก่อนอาหารเช้า 2568
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล แสดงธรรมเย็นวันที่ 2 ธันวาคม 2568 วัดป่าสุคะโต
    สมัยที่อาตมายังเป็นเด็ก เวลาขึ้นรถเมล์ไม่ค่อยเห็นคนแก่ ผู้หญิงท้อง หรือว่าเด็กตัวเล็ก ๆ ยืน แม้รถจะแน่นยังไงก็ไม่ค่อยเห็นคนเหล่านี้ยืน เพราะว่ามีคนลุกให้ที่นั่งให้กับเด็ก ให้กับคนแก่ ให้กับคนท้อง
    แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปแล้วโดยเฉพาะรถไฟฟ้าที่อาตมาสังเกต ยิ่งวันไหนรถมีคนเยอะ ก็จะเห็นเด็กบ้าง ผู้หญิงท้องมั่ง คนแก่บ้างยืน คนที่นั่งอยู่เป็นหนุ่มก็มี แข็งแรงก็มี แต่ไม่เห็นมีใครลุกเพื่อให้ที่นั่งกับคนเหล่านั้นเลย อันนี้ก็เกิดขึ้นไปทั่ว ไม่ใช่เฉพาะเมืองไทยหรือกรุงเทพอย่างเดียว ที่ไหน ๆ ก็เป็น
    เมื่อเร็ว ๆ นี้เขามีการทดลองอันหนึ่งที่น่าสนใจในกรุงมิลาน ประเทศอิตาลี ตอนเช้า ๆ หรือตอนเย็น ๆ รถไฟฟ้าแน่นขนัดเลย แล้วเขาก็ลองให้ผู้หญิงที่คล้าย ๆ ตั้งครรภ์ขึ้นรถ ก็ปรากฏว่าเธอต้องยืน ไม่มีใครลุกให้ที่นั่ง แล้วจู่ ๆ ก็มีคนที่แต่งตัวเป็นแบทแมนเข้าไปในรถไฟฟ้าแบบไม่ตั้งตัวเลย ไม่มีการประกาศ แล้วก็สังเกตปฏิกิริยาของผู้คนว่าจะมีใครมีน้ำใจลุกให้ที่นั่งกับผู้หญิงที่ท้องหรือเปล่า
    ก็ทำอย่างนี้ 138 ครั้งแล้ว ได้ตัวเลขที่น่าสนใจคือ ถ้าไม่มีแบทแมนไปอยู่ในรถไฟฟ้า ก็จะมีคนลุกให้ที่นั่งกับผู้หญิงท้อง 37% แต่ถ้าเกิดว่ามีแบทแมนโผล่เข้าไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย คนที่ลุกให้ที่นั่งกับผู้หญิงท้องเพิ่มเป็น 2 เท่าคือ เกือบ 67- 70% เป็นความแตกต่างที่มีนัยสำคัญ แสดงว่าแบทแมนมีส่วนในการที่กระตุ้นให้คนเกิดมีน้ำใจลุกให้ที่นั่งกับผู้หญิงท้อง
    เขาอธิบายว่า เวลามีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้คนเรารู้สึกสะดุด าก็จะหันมาสนใจสิ่งรอบตัวมากขึ้น แล้วก็ไวต่อความต้องการของคนที่เขากำลังเดือดร้อน หมายความว่าเวลาอยู่บนรถไฟฟ้า คนอาจจะใจลอย หรือว่าคุยกัน หรือว่าดูมือถือ แต่พอมีแบทแมนโผล่เข้ามา คนส่วนใหญ่ก็จะพาใจกลับมาอยู่กับปัจจุบัน
    ที่ใจลอยก็สะดุดเลย ที่พูดคุยกันก็สะดุด ที่กำลังไถมือถืออยู่ก็สะดุดเลย แล้วก็หันมาสนใจบรรยากาศรอบตัวก็คือ ในรถไฟฟ้า แล้วพอเห็นผู้หญิงท้องก็เกิดมีน้ำใจ ไวต่อความทุกข์ ความเดือดร้อนของเขา พอมีน้ำใจแล้วก็เป็นยังไง ลุกเลย ให้ที่นั่งกับผู้หญิงท้อง
    อันนี้เป็นคำอธิบายซึ่งก็มีน้ำหนัก เพราะว่าคนเราเวลาใจลอยไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบตัว ไม่ค่อยรับรู้อะไร คนแก่ คนหิวโหย ผู้หญิงท้องที่กำลังยืนอยู่บนรถ แต่พอความคิดที่ล่องลอยไปสะดุด จิตกลับมาอยู่กับปัจจุบัน กลับมารับรู้สิ่งรอบตัวบนรถ ก็เห็นคนกำลังยืนลำบาก เกิดน้ำใจ มีเมตตา
    แต่ว่าที่จริงแล้วคำอธิบายเท่านี้อาจจะไม่พอ เพราะว่าถ้าไม่ใช่แบทแมนแต่เป็นตัวอื่นก็อาจจะไม่มีผลมากขนาดนี้ การที่ให้แบทแมนโผล่เข้ามาในรถไฟฟ้ามีความหมายด้วย ตรงที่ว่าแบทแมนก็คือคนที่เสียสละ คนที่มีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น ไม่เห็นแก่ตัว
    คนเราทุกคนมีใจใฝ่ดี พอเห็นแบทแมนเข้า แบทแมนเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ก็ไปกระตุ้นใจใฝ่ดีทำให้อยากจะช่วยเหลือ เกิดความเห็นอกเห็นใจคนอื่นที่ทุกข์ยากเดือดร้อน แล้วก็อยากจะช่วยเหลือเขา
    คนเราบางครั้งใจใฝ่ดีเก็บตัว ไม่ค่อยแสดงออกเท่าไหร่ จนกว่าจะมีสิ่งกระตุ้น แบทแมนก็เป็นตัวกระตุ้นใจใฝ่ดีให้ทำงาน ก็เลยอยากจะช่วยเหลือ หรือว่าเต็มใจที่จะช่วยคน
    แต่ว่าคนเรานี้ไม่ใช่มีใจใฝ่ดีอย่างเดียว มีจิตที่คิดเห็นแก่ตัวด้วย หรือจิตที่คิดถึงแต่ตัวเอง ก็จะคอยหาข้ออ้างเพื่อตัวเองจะได้สบาย
    เช่น เวลานั่งบนรถไฟฟ้าหรือบนรถเมล์ แม้จะเห็นผู้หญิงท้อง เห็นคนแก่ แต่ก็หาข้ออ้างเพื่อตัวเองจะได้ไม่ต้องลุก เช่น ไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งหรือผู้ชายหลายคนเขาก็นั่ง ไม่ได้มีน้ำใจอะไรเลย ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า ขนาดเขายังแข็งแรงกว่าเรา เขายังไม่ลุกให้เลย แล้วเราจะลุกทำไม
    อันนี้เป็นข้ออ้างของจิตที่คิดถึงแต่ตัวเอง จิตที่คิดถึงแต่ตัวเองถ้าปล่อยให้เป็นใหญ่ในใจเรา เราก็จะไม่มีน้ำใจเลย แต่ว่าคนเรามีใจที่ใฝ่ดี ฉะนั้นถ้าเกิดว่ามีสิ่งใดที่มากระตุ้นเร้าใจใฝ่ดี ก็อาจจะมีกำลังเหนือจิตที่คิดถึงแต่ตัวเอง จากความอยากสบายก็กลายเป็นใจที่พร้อมจะลุกให้ที่นั่ง
    แบทแมนทำหน้าที่นี้แหละคือ สิ่งที่กระตุ้นให้ใจใฝ่ดีทำงาน มีกำลังเหนือจิตที่คิดถึงแต่ตัวเอง ฉะนั้นถ้าเกิดว่าเรารู้จักแสวงหาสิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นใจใฝ่ดี ก็ทำให้เรามีน้ำใจ อย่างเช่นเวลาเราเห็นคนกำลังช่วยเหลือผู้เดือดร้อนที่หาดใหญ่ คนนี้ก็ไปเป็นจิตอาสา คนนั้นก็ช่วยให้เงินทอง ให้ข้าวปลาอาหาร เราเห็นใครทำดี ใจเราก็อยากจะทำดีเหมือนเขามั่ง เพราะเรามีใจใฝ่ดี
    ฉะนั้นถ้าเราพยายามแสวงหาสิ่งรอบตัวเราที่กระตุ้นให้ใจใฝ่ดีทำงาน เราก็จะเป็นคนมีน้ำใจ เราจะไวต่อความเดือดร้อนของผู้อื่น ไวต่อความมีน้ำใจที่คนอื่นเขาแสดงออกต่อผู้ทุกข์ยาก แต่เดี๋ยวนี้เราแวดล้อมตัวเองด้วยสิ่งที่สามารถจะเป็นข้ออ้างให้กับจิตที่คิดถึงแต่ตัวเอง จะทำอะไรก็เห็นแต่ข้ออ้าง
    เขาไม่เห็นทำอะไรเลย แล้วเราจะช่วยเขาทำไม หรือนักปฏิบัติธรรมแทนที่จะเห็นแต่คนที่ขยันหมั่นเพียรเพื่อกระตุ้นให้เกิดความวิริยะ ก็ไปมองแต่คนที่เขาไม่ค่อยกระตือรือร้น ตื่นสาย ไม่ขยันปฏิบัติ เห็นแต่คนเหล่านี้แหละเพื่อจะเอามาเป็นข้ออ้างว่าเขายังไม่ขยันเลย แล้วเราจะขยันไปทำไม หรือเขาทำได้ เราก็ทำได้ เขาขี้เกียจ เราก็ขี้เกียจบ้าง อันนี้เป็นการส่งเสริมจิตที่คิดถึงแต่ตัวเอง
    แต่กลับกัน ถ้าเราพยายามแวดล้อมตัวเองด้วยคนที่เขาขยันเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เราก็จะเกิดความอยากจะทำความดี เพราะว่าใจใฝ่ดีถูกกระตุ้น อันนี้เราก็ต้องรู้จักแสวงหาสิ่งแวดล้อม หรือเข้าหาสิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นใจใฝ่ดีด้วย อย่าไปเปิดช่องให้จิตที่คิดถึงแต่ตัวเอง มีกำลังเหนือใจที่ใฝ่ดี.

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service