พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 วัดป่าสุคะโต
มีผู้หญิงอเมริกันคนหนึ่ง อายุประมาณ 30-40 วันหนึ่งเธออยากทดสอบอะไรบางอย่าง ด้วยการโทรศัพท์ไปตามโบสถ์ต่าง ๆ ในอเมริกา ทั้งในเมืองที่เธออยู่ และรัฐที่อยู่ใกล้ ๆ บอกว่าเธอมีลูกอายุ 2 เดือน และตัวเธอไม่มีเงิน ตอนนี้ต้องการนมผง
พูดง่าย ๆ ก็คือโทรไปตามโบสถ์เพื่อขอความช่วยเหลือ เพื่ออยากจะรู้ว่าโบสถ์ต่าง ๆ ที่เธอโทรไป เขาจะตอบรับอย่างไร ตอนที่โทรไป เธอเปิดเสียงเด็กทารกร้องไห้กรอกเข้าไปในโทรศัพท์ ให้สมจริงว่าเป็นแม่ลูกอ่อน
ปรากฏว่าในบรรดา 33 โบสถ์ที่เธอโทรไป 2 ใน 3 ปฏิเสธ บอกให้เธอโทรไปหาที่อื่น หรืออ้างว่าไม่มีนม บางแห่งถามว่าเธอเป็นสมาชิกของโบสถ์หรือเปล่า พอเธอบอกว่าเธอไม่ได้เป็นสมาชิก แต่อาศัยอยู่ในเมืองเดียวกัน เธอถูกปฏิเสธทันที
เธอได้เอาเรื่องนี้ลงใน TikTok ปรากฏว่ากลายเป็นไวรัล คือแพร่หลายไปทั่ว
ทำไมโบสถ์ 2 ใน 3 จึงปฏิเสธ อาจจะเป็นเครื่องสะท้อนว่า การที่คนเรามีศาสนา หรือแม้กระทั่งเป็นผู้นำศาสนา ไม่ได้แปลว่าจะมีน้ำใจเสมอไป มีศาสนากับมีน้ำใจ เป็นคนละเรื่อง คนที่มีศาสนาไม่ได้แปลว่าจะมีน้ำใจ ในขณะเดียวกัน คนที่มีน้ำใจอาจจะเป็นคนที่ไม่มีศาสนาก็ได้ อันนี้เป็นข้อเตือนใจ
เช่นเดียวกับชาวพุทธเรา หลายคนชอบทำบุญ แต่คนทำบุญโดยเฉพาะกับวัด ไม่ได้แปลว่ามีน้ำใจเสมอไป เพราะเวลาทำบุญเราอยากจะได้ เรามีจิตที่คิดจะเอา ส่วนน้ำใจคือจิตที่คิดจะให้ ทำบุญเพราะหวังโชคหวังลาภ หวังหน้าตา ชื่อเสียงก็มีเยอะ แต่พอถึงคราวจะให้ก็ลังเล ปฏิเสธ
โบสถ์หรือวัดจำนวนมากก็เป็นผู้รับจนชิน พอจะให้ขึ้นมาก็ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร
สิ่งที่เกิดขึ้น หรือท่าทีของโบสถ์จากเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้อาจจะสะท้อนถึงความจริงที่เกิดขึ้นกับหน่วยงานศาสนาทั่วโลกก็ได้ รวมทั้งในเมืองไทยคือวัด
อาจจะเป็นไปได้ว่าที่โบสถ์ 2 ใน 3 ปฏิเสธ เพราะว่ากลัวถูกหลอก เดี๋ยวนี้มีคนหลอกเอาเงินเยอะไปหมด บางทีแม้กระทั่งวัดในเมืองไทยก็โดนคนอ้างตัวสวมรอยว่ายากจน มาขอเงิน เชื่อว่าโบสถ์เหล่านี้อาจจะมีน้ำใจก็ได้ แต่ว่าเขาเจอการหลอกลวงแบบนี้มาเยอะแล้ว จึงเกิดการปฏิเสธ
แต่ที่จริง ถ้าคิดให้ดี ชั่งน้ำหนักดูให้ดี อย่างไรก็ควรจะให้ คนมาขอค่านมผงให้ลูกเพราะหาว่าเขามาหลอกเรา เราก็แค่เสียเงินไป 500-1,000 หรืออาจจะน้อยกว่านั้น ซึ่งสำหรับโบสถ์ส่วนใหญ่ เงินจำนวนนี้เล็กน้อยมาก
แต่ถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้หลอก เขาพูดจริง เป็นแม่ที่กำลังเดือดร้อน การที่เราหรือโบสถ์ช่วยเหลือด้วยการช่วยให้เงินไป ช่วยต่ออายุของเด็กได้ และช่วยทำให้คนที่เป็นแม่มีกำลังใจ มีความหวังกับชีวิตว่าอย่างน้อยยังมีสถานที่ หรือคนที่ยังมีน้ำใจ ไม่โหดร้าย ไม่ใจร้ายไปเสียหมด
มาคิดดูแล้ว การให้เงินกับคนที่มาขอแบบนี้ก็เสี่ยง แต่ว่าเป็นความเสี่ยงที่คุ้ม เพราะว่าถึงถูกหลอกก็เสียเงินไม่เท่าไร แต่ถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้หลอก เขาพูดจริง อานิสงส์เยอะมาก
พวกเราคงเคยเจอคนที่มาขอเงินตามร้านอาหาร ตามป้ายรถเมล์ ตามสถานีรถไฟ บขส. อ้างว่าไม่มีเงิน การตัดสินใจให้เขาก็เสี่ยง สมัยนี้การทำความดีเสี่ยงทั้งนั้น เช่น ทำดีแล้วเขาจะเห็นความดีของเราไหม ทำความดีแล้ว ช่วยเขาแล้ว เขาจะสำนึกในบุญคุณของเราไหม ทำความดีให้เขาแล้วจะสำเร็จไหม อันนี้ถ้ามองให้ดี ๆ ก็เป็นความเสี่ยงคือ ทำอะไรก็ตามอาจจะไม่ได้ผลดั่งใจเรา
แต่พอเราชั่งน้ำหนักแล้ว ระหว่างดีกับเสีย หรือระหว่างการถูกหลอกกับการไม่ถูกหลอก การทำดีหรือการช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น ถ้าอยู่ในขอบเขตที่พอประมาณ ไม่ได้เสียหายอะไรมาก ผลดีมากกว่าผลเสีย
ฉะนั้น ถ้าโบสถ์ต่าง ๆ คิดแบบนี้ก็น่าจะช่วย เพราะว่าค่านมผงก็ไม่เท่าไร จะให้เท่าไรก็ได้ ถูกหลอกไปก็ไม่ได้เสียหลายอะไร แต่ถ้าเป็นความจริง เป็นการให้น้ำใจ ให้พลัง ให้ความหวังกับคนมาก
ในบรรดา 33 โบสถ์ หรือหน่วยงานศาสนาที่ผู้หญิงคนนี้โทรไป อย่างที่บอก 2 ใน 3 ปฏิเสธ แต่ 1 ใน 3 คือ 10 แห่ง ยอม ยินดีให้ความช่วยเหลือ และ 1 ใน 10 เป็นโบสถ์มัสยิดของอิสลาม ซึ่งคนที่รับโทรศัพท์เขาก็ดี เขาไม่ถามอะไรมาก ถามเพียงแค่ว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน และต้องการนมยี่ห้ออะไร ไม่มีการซักไซ้อะไรเลย
อีก 1 ใน 10 ที่ยินดีช่วยเหลือเป็นวัดในพุทธศาสนา สงสัยจะเป็นวัดแบบวัดไทย ช่วยเหลือด้วยการโอนเงินไปให้ แต่ว่าพอรู้ความจริงก็ไม่จำเป็นต้องโอนแล้ว อันนี้ยังดีที่โทรมาขอพึ่งพาวัดไทย และวัดไทยที่นั่นเขาช่วยเหลือ ถ้าหากว่าปฏิเสธอีกรายหนึ่งก็เสียหายมาก แต่ก็ชี้ให้เห็นว่าเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นได้
จริง ๆ แล้ว ถ้าหากว่าผู้หญิงคนนี้แทนที่จะโทรศัพท์ไป แต่ไปหาด้วยตัวเอง อาจจะได้รับความช่วยเหลือมากกว่านี้ อย่างที่บอก หลายคนกลัวถูกหลอก เพราะสมัยนี้การหลอกทางโทรศัพท์เยอะมาก และก็ถูกหลอกไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ถึงแม้เราจะถูกหลอก เพราะความไม่จริงใจของคนคนหนึ่งก็ไม่ใช่เหตุผลที่เราจะเหมารวมว่าทุกคนจะเป็นอย่างนั้น อันนี้เป็นเรื่องที่จะต้องเตือนใจ เป็นสิ่งที่ควรจะเตือนใจเราว่า บางครั้งเราทำดีแล้วถูกหลอก อย่างที่บอก การทำดีหรือการทำอะไรก็ตามมีความเสี่ยงทั้งนั้น แต่ถึงแม้ถูกหลอกเพราะคนคนหนึ่งก็อย่าไปเหมาว่าคนทั้งหมดที่เขามาขอความช่วยเหลือจากเราเขาเป็นอย่างนั้น
อันนี้ต้องเตือนใจเราอยู่เสมอ เพราะคนเรามีโอกาสที่จะถูกหลอกได้เยอะ แต่ว่าอย่าไปเหมาว่าคนที่เขามาขอเงินเรา ขอความช่วยเหลือจากเราเป็นอย่างคนคนนั้นไปทั้งหมด เพราะถ้าเราคิดแบบนี้ เราจะกลายเป็นคนใจร้าย และเราจะปิดโอกาสที่จะได้ช่วยคนที่เขาเดือดร้อนจริง ๆ และคนที่เขาเดือดร้อนจริง ๆ เขาจะไม่มีที่พึ่งพา
บางทีเขาเดือดร้อน แต่ว่าไปพึ่งพาใครที่ไหนไม่ได้ และต่อไปเกิดเราเดือดร้อนเอง ถ้าเราเจอแบบนี้ เราคงจะรู้สึกว่า โลกนี้โหดร้ายมาก มนุษย์ทุกคนเลวร้ายมาก ซึ่งที่จริงไม่ใช่
อันนี้เป็นเรื่องราว เป็นคลิปที่น่าสนใจมาก ตอนนี้แพร่หลายไปทั่วอเมริกาแล้ว และที่จริงแล้วเป็นข้อเตือนใจเราว่า เดี๋ยวนี้การทดสอบแบบนี้มีเยอะมาก ทดสอบแบบแกล้งเราก็มี อยากจะดูว่าเรามีน้ำใจไหม เดี๋ยวนี้มีคลิปแบบนี้เยอะ
ในแง่หนึ่งเราต้องระวังว่า ที่เขาทำทดสอบเราหรือเปล่า แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ให้เรามีความจริงใจ จะทดสอบหรือไม่ เราก็ทำเหมือนเดิม จะมาขอเรา ไม่ว่าจะมาขอโดยตรง หรือโทรศัพท์ หรือว่ามีคนแกล้งเป็นลมอยู่กลางถนน และเขาก็ดูว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะมีปฏิกิริยาไหม
แม้เราจะรู้ว่าเป็นการทดสอบแบบนี้ ให้เราทำอย่างที่ควรจะทำ จะทดสอบหรือไม่ก็ตาม เราควรทำในสิ่งที่สมควร เดี๋ยวนี้เป็นอย่างนี้แหละ การทดสอบ แต่ให้เรารักษาความเป็นตัวของเราเอาไว้ โดยเฉพาะการที่เราทำในสิ่งที่สมควรทำ ไม่ใช่ทำเพราะว่ามีคน มีกล้องจับจ้องมองเรา ซึ่งก็ไม่ใช่อย่างนั้น.