PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • อย่าตัดสินคนที่รูปลักษณ์
อย่าตัดสินคนที่รูปลักษณ์ รูปภาพ 1
  • Title
    อย่าตัดสินคนที่รูปลักษณ์
  • เสียง
  • 14287 อย่าตัดสินคนที่รูปลักษณ์ /aj-visalo/2025-10-06-03-02-45.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันจันทร์, 06 ตุลาคม 2568
ชุด
ธรรมะสั้นๆ ก่อนอาหารเช้า 2568
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 1 ตุลาคม 2568

    ที่อเมริกามีคุณปู่คนหนึ่งฐานะดี แต่วันหนึ่งเขาเอาเสื้อผ้าโทรม ๆ มาสวมใส่ รวมทั้งกางเกง รองเท้าก็โทรม แถมเติมหนวดเติมเครา และทำให้เผ้าผมยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิง เท่านั้นไม่พอ เอาฝุ่นมาปะพรมบนใบหน้า และเดินเข้าไปในร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ในรัฐเท็กซัส ซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้นมีลูกค้าเยอะ ระหว่างที่คุณปู่คนนี้เดินเข้าไปในร้าน หลายคนแสดงปฏิกิริยารังเกียจ พนักงานขายของพูดขึ้นมาว่า เหม็นจังเลย ส่วนลูกค้าที่ซื้อของและเข้าแถวเพื่อรอจ่ายเงินก็หันมามองด้วยสายตาที่เหยียดหยาม เด็กคนหนึ่งก็มอง แม่บอกลูกว่า อย่าไปมองเขา

    คุณปู่เขาเดินไปสักพัก เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้จัดการชั้น ซุปเปอร์มาร์เก็ตนี้มีหลายชั้น แต่ละชั้นมีผู้จัดการ ผู้จัดการมาหา และเชิญออกจากร้าน บอกว่า ลูกค้าเขาบ่นกันว่าไม่ชอบ ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างคุณ ชายคนนั้นรี ๆ รอ ๆ ไม่รู้จะทำอย่างไร สักพักก็ตัดสินใจเดินออก แต่เดินไปไม่กี่ก้าวก็มีคนมาจับแขน เขาบอก ลุง ๆ มานี่ก่อน ปรากฏว่าเป็นผู้จัดการร้าน ไม่ใช่จับแขนเพื่อพาออกจากร้าน แต่พาเข้าไปที่ห้องอาหาร และสั่งกาแฟ สั่งแซนวิชมาให้คุณปู่คนนี้ เพราะว่าท่าทางจะเป็นคนไร้บ้าน คงหิว

    ผู้จัดคนนี้ไม่รู้เลยว่าคุณปู่คนนี้จริง ๆ แล้วเขาเป็นเจ้าของซุปเปอร์มาร์เก็ตร้านนี้ และไม่ใช่เจ้าของร้านเดียว มีร้านมากมายที่คุณปู่เขาเป็นเจ้าของ สุดท้ายเปิดเผยมาว่า คนปู่คนนี้เขาเป็นมหาเศรษฐี ชื่อ ฮัตชินส์ (Hutchins) และเขาร่ำรวยมาก มีเงินเป็นร้อยล้านพันล้านดอลลาร์ ห้างที่เขาริเริ่มขึ้นมาตอนนี้มีถึง 500 ร้านใน 5 รัฐ รวมทั้งในเท็กซัส และร้านที่เขาเป็นเจ้าของถือว่าใหญ่ที่สุดในเท็กซัส เรื่องของเรื่องคือ คุณปู่คนนี้เขาไม่มีทายาท อายุเขามากแล้ว เกือบ 90 แล้ว เขาต้องการหาคนที่จะมาสืบต่ออาณาจักร หรือธุรกิจพันล้านของเขา เขาไม่มีทายาท เขาต้องหา และวิธีการหาของเขาก็ใช้วิธีนี้ คือดูว่าจะมีใครที่มีสติปัญญา มีคุณธรรมมากพอที่เขาจะมอบธุระให้ หรือมอบอาณาจักรให้ ก็ไปเจอผู้จัดการคนนี้

    พอคุณปู่เขากลับออกจากร้าน เขาไปเช็คประวัติ ปรากฏว่าผู้จัดการคนนี้ตอนหนุ่ม ๆ เคยติดคุก ไม่รู้ว่าคดียาเสพติด หรือว่าคดีลักเล็กขโมยน้อย แต่หลังจากนั้นมีประวัติดีเด่นตลอด จนกระทั่งมาเป็นผู้จัดการร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตนี้ เขาเลยเห็นว่าเป็นคนที่มีคุณธรรม เลยเรียกมาพบ และบอกว่าจะมอบอาณาจักรของเขาให้กับชายหนุ่มคนนี้ พูดง่าย ๆ คือ ถ้าในระบบธุรกิจคือ จะมอบหุ้นให้ หุ้นใหญ่เลย ผู้จัดการคนนี้ทีแรกตกใจว่าส้มหล่นแล้ว แต่เขามาคิดดู เขาขอปฏิเสธ บอกว่า ขอไม่รับได้ไหม และแนะนำให้คุณปู่คนนี้เขาเอาเงินที่มีไปจัดตั้งมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือคนหิวโหย คนไร้บ้าน ปู่เขาบอกว่าเขาตั้งใจจะทำอยู่แล้ว แต่ว่าเขายังหาคนที่จะมาสืบทอดธุรกิจของเขาไม่ได้ เลยมอบหมายให้ชายหนุ่มคนนี้เป็นประธานบริษัทของธุรกิจที่เขาจัดการอยู่

    เรื่องนี้ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เพราะว่าอาตมาไปเช็คดู มีคนบางคนเขาอ้างว่าเป็นเรื่องกุขึ้นมา แต่บางคนว่าเป็นเรื่องจริง แต่จะจริงหรือไม่จริงก็ให้แง่คิดว่า คนเราอย่าไปตัดสินคนเพียงแค่รูปลักษณ์ เห็นคนแก่แต่งตัวโทรม ๆ เหมือนคนไร้บ้าน อย่าไปคิดว่าเขาเป็นยาจกเข็ญใจ บางทีเขาอาจจะเป็นคนมีฐานะก็ได้ หรือเป็นเศรษฐีก็ได้ สิ่งที่เห็นกับความจริงบางครั้งไม่เหมือนกัน

    และสอง ถึงแม้เขาจะเป็นคนจน อย่าไปดูถูกเหยียดหยามเขา เพราะว่าเขาเป็นคนเหมือนกัน
    และข้อสาม คนที่เขาเคารพ ไม่ว่าจะเป็นคนยากคนจน คนไร้บ้าน หรือคนมีฐานะ เสมอเหมือนกัน คนนี้เป็นคนที่สมควรที่จะได้รับความรับผิดชอบ เหมือนกับว่าชายหนุ่มคนนี้ ผู้จัดการคนนี้เหมือนกับตกถังเข้าข้าวสาร เรื่องราวเหมือนกับนิทาน แต่ว่าแม้มันจะเป็นเรื่องไม่จริง เรื่องแต่ง แต่มันสอนใจเราได้ดีว่า คนที่เคารพเพื่อนมนุษย์โดยที่ไม่เลือกฐานะหรือว่าการแต่งกาย แต่สุดท้ายจะได้รับรางวัล

    แต่คติอีกเรื่องหนึ่งจากเรื่องนี้คือว่า คนรวยเขาก็มีความทุกข์ รวยพันล้านหมื่นล้านก็มีความทุกข์ ที่จริงน่าจะมีความสุข เพราะว่าประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน ในธุรกิจ มีห้างร้านที่เป็นเจ้าของถึงเป็นร้อยร้านใน 5 รัฐ แต่ความทุกข์ของคนที่ประสบความสำเร็จคือว่า ทำอย่างไรเมื่อได้มาแล้วจะรักษาไว้ได้ รักษาทรัพย์สินเงินทอง อันนี้เป็นธรรมดา คนที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าทางไหน เป็นแชมป์ ได้เหรียญทอง ดีใจ แต่ดีใจแค่ไม่กี่วัน หลังจากนั้นมาเครียดแล้วว่า จะรักษาแชมป์ได้อย่างไร เป็นนักการเมือง ได้เป็นรัฐมนตรี เป็นข้าราชการ ได้เป็นอธิบดี ปลัดกระทรวง ก็มีปัญหาว่าจะรักษาตำแหน่งหน้าที่อย่างไร

    คนรวยก็เหมือนกัน เขาก็มีความทุกข์ จะมอบให้ลูกก็ไม่มีลูก หรือบางทีมีลูก แต่ว่าลูกไม่น่าไว้วางใจ ต้องไปหาคนที่จะมาสืบทอด ไม่ใช่ง่าย ๆ เพราะใคร ๆ ก็อยากจะเป็นเจ้าของ หรือเป็นหุ้นส่วนธุรกิจพันล้าน จะมอบหมายใครต้องเลือกเฟ้นหาคน ต้องใช้สติปัญญา ได้มาแล้วก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะรักษาไว้ได้หรือเปล่า เพราะว่าเศรษฐกิจอาจจะย่ำแย่ หรืออาจจะโดนคนหลอก ต้องทำใจด้วย ถ้าทำใจไม่ได้ ทุกข์มาก จะตายแล้วยังทุกข์ เพราะว่าไม่รู้ว่าใครจะสืบทอดธุรกิจ หรือใครจะรักษาอาณาจักรของตัวไว้ได้

    อันนี้ทุกข์ของคนรวย ไม่ใช่ว่ารวยแล้วจะมีความสุขเสมอไป ที่กลัดกลุ้มว่าจะรักษาสืบทอดความสำเร็จหรือธุรกิจอย่างไรก็เป็นปัญหาของคนรวย แต่ถ้าวางใจได้ก็ไม่ทุกข์ เพราะว่าตายไปแล้ว ใครจะดูแล มันจะตกเป็นของใครก็สุดแท้แต่เหตุปัจจัย แต่คนที่จะทำได้แบบนี้คงมีน้อย เพราะถ้าทำได้แบบนี้คงจะไม่เลือกไปเป็นคนรวยแล้ว.

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service