PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • ได้ดีเพราะอึดและใฝ่ดี
ได้ดีเพราะอึดและใฝ่ดี รูปภาพ 1
  • Title
    ได้ดีเพราะอึดและใฝ่ดี
  • เสียง
  • 14286 ได้ดีเพราะอึดและใฝ่ดี /aj-visalo/2025-10-06-02-48-53.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันจันทร์, 06 ตุลาคม 2568
ชุด
ธรรมะสั้นๆ ก่อนอาหารเช้า 2568
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 1 ตุลาคม 2568

    ช่วงนี้มีหนังสือเล่มใหม่ออกมาเล่มหนึ่ง เป็นภาษาไทยเพราะคนเขียนเป็นคนไทย หนังสือชื่อว่า “คู่มือมนุษย์ในยุค AI” ชื่อนี้เป็นชื่อรอง ชื่อจริงเป็นภาษาฝรั่งชื่อ Infinite Scaler แปลยาก แต่ว่าชื่อรองเข้าใจง่าย เดี๋ยวนี้หนังสือถ้าจะให้เตะตาคนรุ่นใหม่ ก็ต้องใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษ หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนอุทิศให้คน ๆ หนึ่งชื่อว่าเด็กชายจังหั่งกวง น่าสนใจมากเรื่องของเด็กชายจังหั่งกวง

    จังหั่งกวงเป็นลูกจีน เกิดที่เมืองไทยเมื่อสัก 70 ปีที่แล้ว บ้านอยู่แถวเยาวราช พ่อแม่ยากจน แถมมีลูกตั้ง 10 คน เพราะฉะนั้นลูก ๆก็ต้องช่วยกันทำมาหากินตั้งแต่เล็ก เด็กชายหั่งกวงตั้งแต่เล็กวัย 5-6 ขวบนั้นต้องทำงานช่วยพ่อแม่แล้ว งานที่ได้รับมอบหมายประจำคือเหยียบ เหยียบย่ำตัวเคย เหยียบเพื่อทำเป็นกะปิ กลางวันก็ไปเรียนหนังสือหรือว่าช่วยทางบ้านอย่างอื่น กลางคืนก็เหยียบย่ำเคย หลายชั่วโมง บอกว่าเจ็บมากเลย เพราะว่าเคยมีหนามมีเงี่ยง แม้ตัวมันเล็ก ๆ เป็นกุ้งตัวเล็ก ๆ แต่เวลาเหยียบต้องเหยียบด้วยเท้าเปล่า สมัยก่อนทำกะปิเขาทำกันแบบนี้ จะใส่รองเท้าเหยียบไม่ได้ สกปรก ต้องใช้เท้าเปล่าเหยียบ พอเหยียบเข้า หนามหรือเงี่ยงก็ทิ่มเอา แถมเหม็นด้วย เป็นอย่างนี้อยู่นานเป็นปี จนกระทั่งทุกวันนี้จังหั่งกวงบอกว่า ไม่กินกะปิเลย เกลียดกะปิมากเพราะทำให้ระลึกถึงวัยเด็กที่จะต้องทุกข์ทรมานกับการเหยียบย่ำเคย

    อายุแค่ 6-7 ขวบ พ่อแม่ก็ส่งไปอยู่กับอาม่าอากงอีกบ้านหนึ่ง คงทำนองว่าช่วยทำให้ปากท้องในบ้านลดน้อยลง ให้อาม่าอากงไปช่วยเลี้ยง ปรากฏว่าไม่นานอาม่าอากงกับพ่อแม่ก็ทะเลาะกัน กลายเป็นว่าจังหั่งกวงอยู่บ้านอาม่าอากง กลับมาบ้านเดิมของตัวเองไม่ได้เพราะว่าเขาทะเลาะกัน ก็ต้องจำยอมอยู่บ้านอาม่าอากง ห่างไกลจากพ่อแม่ ก็ต้องช่วยอาม่าอากงทำงาน แล้วก็ช่วยติวให้กับลูกของหรือหลานของอาม่าอากงด้วย เรียกว่าอยู่ลำบากเพราะว่าเป็นคนจากบ้านอื่น ชีวิตเหมือนกับเด็กรับใช้ของบ้านอาม่าอากง เรียนหนังสือก็เรียนแบบลุ่ม ๆ ดอน ๆ เพราะว่าอยู่ห่างไกลจากพ่อแม่ แล้วก็ไม่ค่อยได้รับความช่วยเหลือเท่าไหร่ จะหนีกลับบ้านไปหาพ่อแม่ก็ไม่ได้ แกบอกว่าตอนที่เป็นเด็ก เหงามากเลย มีแค่หมาเป็นเพื่อนเพราะตัวเองก็ยากจน คนในบ้านก็ไม่ใช่เป็นคนที่จะคุ้นเคยมากเพราะไม่ใช่พ่อแม่ แล้วก็ไม่ใช่พี่น้อง เรียนหนังสือก็เรียนแบบลุ่ม ๆ ดอน ๆ แต่ก็ยังดีมีคนเคี่ยวเข็ญ เนื่องจากหัวดีถึงเวลาสู้ขึ้นมาก็สามารถจะสอบได้จนติดเตรียมอุดมฯ

    สมัยก่อนจนกระทั่งสมัยนี้การที่จะได้เรียนโรงเรียนเตรียมอุดมไม่ใช่ง่าย ต้องฉลาดทีเดียว จังหั่งกวงก็ไม่มีเงินที่จะไปเข้าโรงเรียนติวโรงเรียนกวดวิชา แต่ว่าก็สอบได้ แต่สอบได้แล้วก็ไม่ค่อยตั้งใจเรียนเท่าไหร่ คบเพื่อนไม่ค่อยดี เอาแต่เล่น ยังดีสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แต่เข้าเกษตรฯ อยู่เกษตรฯ ก็เรียนไม่ค่อยดีเพราะไม่ตั้งใจเรียน เกือบถูกรีไทร์ ก็ไปอยู่คณะประมง ตอนหลังย้ายมาเรียนธรรมศาสตร์ ช่วงที่เรียนธรรมศาสตร์ พี่ชายได้ไปเรียนต่อเมืองนอกเรียนปริญญาเอก ก็อยากได้ความสำเร็จแบบพี่ชายบ้าง มีพี่ชายเป็นแบบอย่าง ก็เลยตั้งใจเรียน แต่เนื่องจากคบเพื่อนไม่ค่อยดีเอาแต่เที่ยว เรียนบ้างไม่เรียนบ้าง แต่ว่ามีพี่ชายที่คอยเคี่ยวเข็ญจนกระทั่งเรียนจบ แล้วไปเรียนต่อปริญญาโทที่นิด้า นิด้าคือสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ก็ถือว่ามีหัวถึงสามารถเรียนได้ทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยตั้งใจเรียน เรียนจบปริญญาโทแล้ว ก็มีคนเสนอให้ไปเรียนต่อปริญญาเอกที่อเมริกา จังหั่งกวงก็อยากไปเรียนต่อเพราะว่าพี่ชายไปเรียนแล้ว แต่ว่าไม่มีเงินเรียน ก็เลยต้องอดทน เรียนจบไปแล้วทำมาหากิน

    ตอนนี้เริ่มจะตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงานแล้ว เพราะว่าพี่ชายเป็นแบบอย่างของการศึกษา อยากจะประสบความสำเร็จด้านการศึกษาอย่างพี่ชาย อยากได้เรียนปริญญาเอกบ้าง แล้วมีพี่ชายเอาใจใส่ ตอนนี้เริ่มจะใฝ่ดีแล้ว ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน จนสุดท้ายนี้ก็ได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกที่อเมริกาสมใจ ไปเรียนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อมาก Northwestern คณะบริหารธุรกิจซึ่งมีชื่อเหมือนกัน ได้ไปเรียนกับคอตเลอร์ (Philip Kotler) คอตเลอร์เป็นปรมาจารย์ด้านบริหารธุรกิจ ระหว่างที่อยู่ที่นั่นลำบากมาก อยู่มหาวิทยาลัยที่อิลลินอยส์ เวลาหน้าหนาวมันหนาวมาก แกไม่มีปัญญาที่จะไปอยู่หอพัก ต้องไปอยู่ห้องใต้หลังคาไม่มีฮีตเตอร์ หนาวจนติดลบเลย วิธีทำให้ตัวเองอุ่น ทำอย่างไร สูบบุหรี่ สูบบุหรี่เพื่อให้อุ่น ประหยัดค่าฮีตเตอร์ ไม่มีเงินที่จะตัดผม ไว้ผมยาว ค่าอาหารก็ไม่มี ก็กินแซนด์วิชราคาถูก ๆ

    แกบอกว่าได้กินไก่บ้างก็เวลาแฟนซื้อมาให้ ไม่อย่างนั้นก็กินแซนด์วิชราคาถูก ๆ เป็นอย่างนี้อยู่ 2 ปี จนกระทั่งเริ่มจะตั้งหลักได้ เพราะว่าอยู่อเมริกาถ้าใครที่มีความรู้ความสามารถมีสติปัญญาก็สามารถจะหาเงิน รับจ้างเป็นผู้ช่วยสอนได้ สุดท้ายแกก็เรียนจบปริญญาเอก จังหั่งกวงตอนนี้ก็เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนแซ่ เปลี่ยนเป็นนามสกุล กลับมาทำงานที่เมืองไทย ได้เป็นอาจารย์ มีชื่อเสียง ตอนหลังก็สร้างชื่อเสียงสร้างความสามารถจนกระทั่งได้เป็นรัฐมนตรี นี่เป็นเรื่องราวของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เดิมชื่อจังหั่งกวง ตอนหลังก็ประสบความสำเร็จแล้วก็มีชื่อเสียงยิ่งกว่าพี่ชาย พี่ชายของดร.สมคิดมีชื่อแล้ว แต่ว่าตอนหลังชื่อเสียงของน้องชายก็บดบังเพราะว่าประสบความสำเร็จทั้งในด้านของธุรกิจแล้วก็ด้านการเมือง

    อันนี้เป็นเรื่องราวของสมคิด ซึ่งคนที่เขียนหนังสือเล่มนี้เป็นลูกชาย แกบอกไม่เคยได้ฟังเรื่องราวของพ่อเลยเพราะพ่อไม่เคยเล่า จนกระทั่งวันหนึ่งพ่อก็เล่าให้ฟังว่าลำบากอย่างไรบ้างตอนเป็นเด็ก ลูกชายก็ประทับใจ ก็เลยเขียนหนังสือตอนหนึ่งเรื่องของเด็กชายจังหั่งกวง แล้วก็อุทิศหนังสือเล่มนี้ให้กับเด็กชายจังหั่งกวงด้วย คนเขียนประทับใจพ่อ พ่อสอนว่าคนเราต้องอึดได้ ต้องใฝ่ดีให้ได้อยู่นานพอที่จะเล่นตาต่อไป อันนี้เป็นบทเรียนที่สำคัญมากสำหรับมนุษย์ในยุค AI เพราะยุค AI ผู้คนสบายจนกระทั่งไม่เห็นความสำคัญของความอึดทน

    แต่ตัวอย่างของ ดร.สมคิดเป็นเรื่องราวของคนที่ไม่มีอะไรเลย แกบอกว่าไม่มีอะไรที่จะไปสู้เขาได้เลย มีอย่างเดียวคือความอึด ความทน แล้วก็ความอึดความทนนี้ทำให้สามารถที่จะกระเสือกกระสนจนกระทั่งได้มีชีวิตที่เจริญรุ่งเรือง ที่แกพูดสำคัญ คนเราต้องอึดได้ ต้องใฝ่ดี ให้ได้อยู่นานพอที่จะเล่นตาต่อไป เพราะว่าตอนนี้ตานี้อาจจะไม่ดีแต่ตาต่อไปอาจจะเป็นตาของเรา ถ้าเราอึดผ่านตานี้ได้ ตาต่อไปก็อาจจะเป็นตาที่นำชัยชนะมาสู่เรา ก็เหมือนกับว่าแม้วันนี้คนเราจะลำบากแต่ขอให้อึดเอาไว้ แล้วก็ใฝ่ดีด้วยคือไม่เถลไถล วันหน้าก็อาจจะเป็นวันของเรา

    นี้เป็นบทเรียนสำหรับมนุษย์ในยุค AI เพราะว่าเดี๋ยวนี้เราไปคิดว่าต้องฉลาด ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ ต้องมีปฏิภาณไหวพริบ ต้องมีความรู้คิดเร็ว แต่สิ่งที่สำคัญสำหรับมนุษย์ในยุค AI อย่างหนึ่งคือความอึด ความทน อดทนต่อความยากลำบาก ก็จะทำให้สามารถจะผ่านพ้นวิกฤติไปได้ คนเดี๋ยวนี้มักจะบอกว่าไม่ไหวแล้ว ๆ ถอดใจทั้ง ๆ ที่ประสบความล้มเหลวนิดหน่อยเอง ไม่เห็นคุณค่าของความอึดความทน ก็ต้องเตือนใจตัวเองว่า ตานี้อาจจะไม่ใช่ตาของเรา แต่ถ้าอึดให้นานพอก็จะได้เล่นตาต่อไปที่เป็นตาของเราได้

    วันนี้อาจะไม่ใช่วันของเราแต่พรุ่งนี้อาจจะเป็นวันของเราก็ได้ถ้าเราอึดพอจนผ่านวันนี้ไปได้.

     

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service