พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 23 กันยายน 2568
คนจีนเดี๋ยวนี้เดินทางกันมากขึ้น ถอยหลังไป 30-40 ปี หรือว่าไกลกว่านั้นเดินทางกันน้อย เพราะว่าการคมนาคมลำบากมาก แถมรัฐบาลไม่ค่อยส่งเสริมเท่าไร มีด่านเยอะ แต่เดี๋ยวนี้ตรงข้าม เดินทางกันมาก ไปต่างประเทศก็เยอะ ในประเทศก็พลุกพล่านมาก
ส่วนหนึ่งเพราะว่าเศรษฐกิจดีขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้นก็มีธุรกิจที่ต้องเดินทางเพื่อการติดต่อ และการท่องเที่ยวอีกต่างหาก แต่ก่อนใช้รถประจำทาง ตอนหลังใช้รถไฟ รถไฟพัฒนาจนกระทั่งเป็นรถไฟความเร็วสูงติดอันดับโลก แต่ยังไม่พอ คนจีนเลยเดินทางด้วยเครื่องบินกันมากขึ้น
และเครื่องบินที่ได้รับความนิยมเป็นเครื่องบินประเภท Low Cost ราคาถูก แต่ก่อนจะมี 3 สายการบินที่เป็นที่นิยมอันดับต้น ๆ ชื่อจำง่าย Nine Airways , Lucky Airways , West Airways หรือ West Airline
แต่ระยะหลังไม่กี่เดือนมานี้ หรืออาจจะเพิ่งปีที่แล้วนี้เองที่เริ่มจะมีน้องใหม่ไฟแรงมาแย่งส่วนแบ่งผู้โดยสาร และกำลังจะกลายเป็นสายการบินชั้นนำอันดับต้น
แน่นอนจุดขายของสายการบินนี้อย่างหนึ่งคือราคาถูก เริ่มต้นแค่ 200 หยวน ประมาณ 900 บาทไม่ถึง 1,000 บาท แต่จุดขายอันหนึ่งที่สายการบินคาดไม่ถึงคือ ความเค็ม ความงก
สายการบินนี้ อาหาร น้ำดื่ม ผู้โดยสารต้องจ่ายเอง แม้แต่ผ้าห่มเขาก็ต้องจ่าย จะใช้ผ้าห่มต้องจ่าย เข้าห้องน้ำก็จ่าย ฉี่ 2 หยวน ถ้าอึ 3 หยวน หยวนหนึ่งประมาณ 4-5 บาท
และที่สำคัญมากคือ น้ำหนักของสัมภาระ 7 กิโลเด็ดขาด และเขาระบุกระเป๋าต้องขนาด 20*30*40 เซ็นต์ ซึ่งเล็ก
นอกจากนั้น เวลาขึ้นเครื่องไม่มีสิทธิ์ใช้งวงช้าง ต้องอัดกันขึ้นรถโดยสารจากสนามบินขึ้นเครื่อง เวลาออกก็เช้ามืด หรือไม่ก็ดึกไปเลย เพราะว่าโสหุ้ยถูก เป็นการลดต้นทุน
พูดง่าย ๆ เรียกว่าลดต้นทุนทุกอย่าง ซึ่งย่อมทำให้ผู้โดยสารไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไร แต่กลับกลายเป็นจุดขายของผู้โดยสาร เพราะว่าผู้โดยสารยิ่งเจอบริษัทหรือสายการบินที่เค็มมากเท่าไรก็ยิ่งพยายามจะเอาชนะ เรียกเก็บโน้นเก็บนี่ เขาก็พยายามไม่ยอมจ่าย เก็บค่าน้ำค่าเครื่องดื่มก็ไม่ยอมจ่ายค่าน้ำค่าเครื่องดื่ม ที่สำคัญคือ ค่าสัมภาระ
เวลาคนเดินทางมักจะใช้กระเป๋าใบใหญ่ บรรทุกน้ำหนักเกิน 7 กิโล แต่พอสายการบินนี้เข้มงวด ถ้าเกิน 7 กิโล แต่ไม่เกิน 20 กิโล โดนปรับ 210 หยวน แพงกว่าค่าตั๋วเครื่องบินอีก เพราะค่าตั๋วเครื่องบิน 200 หยวน ถ้าเกิน 20 กิโลก็โดนไป 300 หยวน เรียกว่าเค็มมาก
ผู้โดยสารในเมื่อเจอบริษัทเค็มบริษัทงกแบบนี้ก็พยายามเอาชนะ นึกในใจว่า กูจะไม่ยอมจ่ายเงินมึงเลย เพราะฉะนั้น เวลาขนสัมภาระก็พยายามไปหากระเป๋าขนาดที่บริษัทหรือสายการบินระบุ ซึ่งหาไม่ง่าย แต่ก็หาจนได้
พอหาได้ พอคนรู้ก็ไปซื้อกันใหญ่ ปรากฏว่าผู้ผลิตกระเป๋าขนาดนี้ขายดิบขายดี ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จนกระทั่งรู้ว่าเป็นเพราะสายการบินเขาเข้มงวด ระบุมาให้ใช้กระเป๋าขนาดนี้เท่านั้น เลยผลิตกระเป๋าขนาดนี้กันใหญ่ และคนก็แห่ซื้อ เพราะว่าถ้าซื้อแล้วสามารถจะขึ้นเครื่องบินได้โดยที่ไม่ต้องถูกปรับ ไม่ยอมให้สายการบินนี้ปรับอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นต้องหากระเป๋าขนาดนี้
บริษัทกระเป๋าก็ฉลาด เมื่อรู้ว่ากระเป๋าขนาดนี้ต้องจุน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโล ต้องหาข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่หนัก นอกจากผลิตกระเป๋าแล้ว เขาเลยผลิตพวกเสื้อผ้า เสื้อกั๊ก กางเกง กางเกงในแบบใส่ไม่กี่ชิ้น และมีน้ำหนักพอสำหรับสิ่งจำเป็นอย่างอื่น เช่น แท็บเล็ต อะไรต่าง ๆ ปรากฏว่าของที่เขาผลิตนอกจากกระเป๋าแล้ว เสื้อผ้า เสื้อกั๊ก กางเกงก็ขายดิบขายดี ผ่านไปไม่กี่เดือนขายไปตั้ง 5 ล้านชุด กลายเป็นว่าส้มหล่น
แต่ว่าขณะเดียวกัน สายการบินนี้ก็มีคนขึ้นมาก ทั้ง ๆ ที่งก แต่คนก็นิยมขึ้น เพื่อเอาชนะสายการบิน มึงยิ่งเก็บเงินกูเท่าไร กูยิ่งไม่ยอมจ่าย ถือว่าต้องเอาชนะมันให้ได้ พอชนะได้ก็ไปอวดกันใหญ่ว่า ฉันขึ้นเครื่องบินไม่เสียเงินสักบาท ไม่เสียเงินสักหยวน แม้แต่ค่าห้องน้ำก็ไม่เสีย ค่าปรับน้ำหนักสัมภาระก็ไม่เสีย เอาไปอวดกัน คนอยากจะทำอย่างนั้นบ้าง เลยแห่กันขึ้น
ปรากฏว่าสายการบินชื่อว่า Spring Airlines ขายดิบขายดี ไม่คิดว่านอกจากค่าตั๋วที่ถูกแล้ว ความงกก็เป็นจุดขายของสายการบินได้
อันนี้ในแง่หนึ่งก็ชี้ให้เห็นว่า คนเราต้องการเอาชนะ ยิ่งเจอสายการบินที่งกมากเท่าไรยิ่งอยากจะเอาชนะมัน เอาชนะด้วยการขึ้นเครื่องบิน แต่ไม่จ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าอะไร กลายเป็นประโยชน์กับสายการบิน
ธรรมชาติของคนเราต้องการเอาชนะ เวลาเจออุปสรรค เจอความยากลำบาก จึงมีคนนิยมปีนภูเขา บางทีภูเขาอยู่ไกลก็ปีนหน้าผาจำลอง เสี่ยงอันตราย แต่คนก็ปีน มาราธอนคนก็นิยมมากขึ้น เพราะว่ามันท้าทาย ก่อนหน้านั้นเวลาเจอปริศนาอะไรก็ชอบทาย ปริศนาอักษรไขว้แต่ก่อนก็เป็นที่นิยมมากเมื่อสัก 30-40 ปีก่อน
แต่เดี๋ยวนี้ความอยากเอาชนะย้ายไปที่สิ่งอื่นแทน ถ้าไม่ใช่เป็นความยากลำบากทางกายก็เป็นความท้าทายทางจิตใจ เช่น เล่นเกม ถือว่าเป็นการกระตุ้นสัญชาตญาณที่อยากจะเอาชนะ ยิ่งเกมยาก ๆ ยิ่งต้องพยายามเอาชนะให้ได้ ถ้าเอาชนะไม่ได้ก็หาทางลัดไปซื้อไอเทมมาเพื่อที่จะได้ชนะ ชนะมันแล้วไปอวด
อันนี้เป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ เพราะว่าเป็นเรื่องของมานะ พอชนะเสร็จก็อวดกัน เรียกว่ามีความสุขที่มีคนชื่นชมสรรเสริญ มีความสุข ใจพองโตที่ได้อวด
ที่จริงความอยากเอาชนะถ้าเอาไปใช้ในทางที่ดีก็มีประโยชน์ อย่างเด็กถ้าหากว่าอยากเอาชนะโจทย์ยาก ๆ เอาชนะการบ้านที่ยาก ๆ ก็ดี
แต่เดี๋ยวนี้ความอยากเอาชนะพวกการบ้านยาก ๆ รายงานยาก ๆ ไม่ค่อยมีแล้ว มันย้ายไปสู่การเอาชนะเกมแทน เอาชนะเกมยาก ๆ เลยตกเป็นเหยื่อของผู้ผลิตเกม เสียเงินเสียทองไปมากมาย เสียเวลา ความรู้ก็ไม่ได้
แต่ถ้าเปลี่ยนเป้าจากการเอาชนะเกมมาเป็นเอาชนะโจทย์ยาก ๆ การบ้านยาก ๆ จะยิ่งดี ไม่ใช่ว่าพอเจอโจทย์ยากก็ไม่เอาแล้ว ไม่สู้ ไปจ้างคนมาทำ หรือว่าไปหาแชทบอทให้มาช่วยแก้ปัญหา
และจะดีกว่านั้นถ้าเกิดว่านิสัยอยากเอาชนะเปลี่ยนเป้ามาเป็นการเอาชนะกิเลส
เดี๋ยวนี้คนเราไม่ค่อยคิดที่จะเอาชนะกิเลสเท่าไร ทั้งที่เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก นิสัยอยากเอาชนะของคนเราถ้าเอามาใช้ในทางที่ดีมันก็ดี เอาชนะกิเลส เอาชนะอัตตา เวลาถูกด่าแล้วเกิดความโกรธก็รู้ว่านี่เป็นวิสัยของอัตตา ลองคิดว่าเอาชนะมัน ทำอย่างไรถูกด่าแล้วจะไม่โกรธ หรือจะไม่อยู่ในอำนาจของมัน
อาจารย์พุทธทาสท่านเคยซ่อมสร้างกุฏิ และเวลาท่านใช้ค้อนตีตะปู บางทีตะปูพอตีผิดก็ไปโดนนิ้ว ท่านก็ร้อง เพราะเจ็บ ตอนหลังท่านคิดว่า เราจะไม่ร้องได้ไหม แม้จะเจ็บเพราะถูกค้อนทุบค้อนตีก็ตาม แล้วท่านก็ทำได้ ตอนหลังเวลาท่านเอาค้อนตีตะปูแล้วตีผิดไปถูกนิ้ว เจ็บ แต่ไม่ร้อง และท่านทำมากกว่านั้น คือทำอย่างไร จะหัวเราะด้วย
และท่านทำได้ เพราะว่าท่านเป็นคนที่ชอบเอาชนะความยากลำบาก ท่านก็เอามาใช้เอาชนะกิเลส เอาชนะความหลง เอาชนะความยึดติดในตัวตน ใครด่าท่าน ท่านก็หัวเราะ ไม่ได้หัวเราะคนด่า หัวเราะอัตตา กูไม่โกรธหรอก ใครจะว่าก็ว่าไป กูไม่เชื่อมึง กูไม่กลัวมึง
ฉะนั้น ถ้าเราเอานิสัยที่จะเอาชนะมาใช้กับการเอาชนะกิเลส เอาชนะอัตตา เราจะมีความทุกข์น้อยลง และจะมีความสุขได้ง่ายขึ้นมาก.