พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 18 กันยายน 2568
ช่วงนี้ที่ประเทศอเมริกาเป็นช่วงที่เริ่มเปิดเทอม หลายโรงเรียน เรียกว่าแทบทุกโรงเรียนทั่วประเทศเปิดเทอมช่วงนี้ แต่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างใหม่ที่เกิดขึ้นกับโรงเรียนใน 17 รัฐของอเมริกา นั่นคือการไม่อนุญาตให้เอาโทรศัพท์มือถือเข้าห้องเรียน หรือบางแห่งก็ห้ามไม่ให้เอาโทรศัพท์มือถือเข้ามาในโรงเรียนเลย
อันนี้เป็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใน 17 รัฐ ถ้ารวมกับของเดิมอยู่แล้ว 18 รัฐที่เขาห้ามมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เป็นอันว่า 35 รัฐในอเมริกาไม่อนุญาตให้เอาโทรศัพท์มือถือเข้ามาในห้องเรียน หรือเข้ามาในโรงเรียน เพราะอะไร เพราะเขามองว่าโทรศัพท์มือถือทำให้เด็กไม่ตั้งใจเรียน และทำให้การเรียนถดถอย
มีการศึกษาที่เกิดขึ้นหลายแห่ง แต่ว่าล่าสุดเป็นการวิจัยในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นการวิจัยที่ครอบคลุมคนเป็นจำนวนมากถึง 17,000 คน แต่ไม่ใช่นักเรียน เป็นนักศึกษา เขาทดลองว่า นักศึกษาประมาณ 17,000 คนซึ่งเข้าคอร์ส เข้าเรียนวิชาต่าง ๆ เกือบ 2,000 วิชา ส่วนหนึ่งให้ใช้โทรศัพท์มือถือได้ อีกส่วนหนึ่งไม่อนุญาตให้ใช้ แล้วเขาติดตามผลว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักศึกษาเหล่านั้น
ปรากฏว่า ในบรรดากลุ่มนักศึกษาที่ไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์มือถือ ผลการเรียนหรือการทำคะแนนดีขึ้น ดีขึ้นกว่านักศึกษาที่ใช้มือถือได้ในชั้นเรียนในมหาวิทยาลัย แต่ผลดีจะเห็นชัดกับนักศึกษาปี 1 เพิ่งเข้า และการศึกษาหรือผลการเรียนเดิมไม่ค่อยดีเท่าไร พอไม่ต้องใช้หรือไม่อนุญาตให้ใช้มือถือ ผลการเรียนดีขึ้น กระเตื้องขึ้น
แม้จะไม่ชัดเจนหรือฮวบฮาบ แต่ว่ามันมีความหมาย เพราะว่ามันส่งเสริมให้นักศึกษาที่เรียนไม่ค่อยดี จะตกไม่ตกแหล่ มีโอกาสที่จะเรียนจนจบ ไม่เลิกกลางคัน ซึ่งเกิดขึ้นมากในหลายมหาวิทยาลัย เพราะไปต่อไม่ไหว
ที่ไปต่อไม่ไหวอาจจะไม่ใช่เพราะว่าไม่มีสติปัญญา แต่ว่าขาดสมาธิ แต่พองดใช้โทรศัพท์มือถือแล้ว สมาธิดีขึ้น การเรียนกระเตื้องขึ้น ที่เคยตก กลายเป็นว่าสอบได้ เลยไม่ต้องเลิกเรียนกลางคัน และทำให้จบปริญญาได้ อันนี้เป็นผลการศึกษาที่ใช้กลุ่มตัวอย่างเยอะมาก เกือบถึง 20,000
แต่มีการศึกษากับนักเรียนมัธยมในอังกฤษ และนักเรียนประถมในนอร์เวย์ กลุ่มตัวอย่างน้อยกว่านี้ แต่ผลออกมาคล้าย ๆ กัน คือว่า นักเรียนที่ครูไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์มือถือในห้องเรียน ผลการเรียนดีขึ้น แต่ส่วนใหญ่ผลการเรียนดีขึ้นจะเกิดกับนักเรียนที่เรียนไม่ค่อยดีอยู่แล้ว จะตกไม่ตกแหล่ หรือว่าเด็กนักเรียนที่มาจากครอบครัวที่ยากจน
นี่เป็นผลการวิจัยล่าสุดที่ชี้ให้เห็นว่า การงดใช้โทรศัพท์มือถือในห้องเรียนมีข้อดีอย่างไรบ้าง นักเรียนที่เรียนดีอยู่แล้วอาจจะไม่ได้รับผลกระทบมาก แต่ว่าอันนี้เขาวัดเฉพาะผลการเรียน ยังไม่ได้ดูถึงเรื่องของคุณภาพจิต
เพราะถึงแม้ว่าผลการเรียนจะดี แต่ว่าพอกลับไปบ้าน หรือช่วงที่ไม่ได้อยู่ในโรงเรียน ใช้โทรศัพท์มือถือ อาจจะมีผลต่อสุขภาพจิตได้ เพราะเดี๋ยวนี้เขาพบว่า วัยรุ่นหลายคนพอใช้โทรศัพท์มือถือมาก ๆ เกิดการเปรียบเทียบกับคนอื่น รู้สึกด้อยที่ตัวเองไม่มีสินค้าแบรนด์เนมใช้ หรือบางทีรู้สึกด้อยที่ตัวเองหน้าตาไม่สวยเหมือนคนอื่น หรือว่ารูปร่างอาจจะไม่สวย
ที่คนอื่นเขารูปร่างดีเพราะเขามีเงิน เขาไปทำศัลยกรรม แต่งหน้า เสริมทรง ส่วนคนที่ยากจนไม่มีเงินที่จะไปทำศัลยกรรม แม้จะดูปกติธรรมดา แต่รู้สึกด้อยกว่าคนอื่น
การเปรียบเทียบแบบนี้ทำให้หลายคนมีความทุกข์ ยังไม่นับประเภทถูกบูลลี่ ถูกแกล้ง บางคนสวย เรียนดี ก็ถูกแกล้ง ถูกด่าถูกว่า ถูกเหน็บแนม รู้สึกแย่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น แม้ผลการเรียนจะดี แต่ว่าถ้าสุขภาพจิตแย่ก็ไม่เป็นผลดีเท่าไร อันนี้เฉพาะวัยรุ่น เด็ก
ที่จริงผู้ใหญ่ก็เหมือนกัน ไม่ว่าใช้โทรศัพท์มือถือแล้วจะดีเสมอไป ถ้าใช้แบบไม่มีความรู้จักพอก็เกิดปัญหาได้
คำสอนของพระพุทธเจ้าที่บอกว่า ความรู้จักประมาณในการบริโภค อันนี้สำคัญมากสำหรับคนในยุคนี้ด้วย และบริโภคที่ว่านี้ไม่ใช่บริโภคทางปากเท่านั้น แต่การบริโภค ทางตา ทางหู การเสพข้อมูลซึ่งนำไปสู่การเสพรับอารมณ์ เช่น เสพความตื่นเต้นสนุกสนาน พวกนี้ถ้าไม่รู้จักประมาณทำให้จิตใจย่ำแย่เหมือนกัน กลายเป็นคนที่หาความสุขได้ยาก สุดท้ายก็ไปหาความสุขจากยาเสพติด ซึ่งให้ผลที่เรียกว่าดีกว่าในความรู้สึกของคนรุ่นใหม่
เพราะฉะนั้น การที่เขาพูดถึงข้อเสียของโทรศัพท์มือถือต่อผลการเรียนของเด็ก เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ควรจะใส่ใจด้วย
อย่างน้อย ๆ เราก็เห็น เวลามาปฏิบัติธรรมที่วัด ถ้าไม่เอาโทรศัพท์มือถือมาใช้ในระหว่างเข้าคอร์สปฏิบัติ การปฏิบัติจะดีขึ้นมาก แต่ถ้าเปิดโอกาสให้ใช้โทรศัพท์มือถือได้อย่างตามสบาย การเจริญสติจะแย่
แต่ไม่ใช่เฉพาะเวลาเข้าคอร์สเท่านั้น เวลาออกไปใช้ชีวิตประจำวันต้องสำรวมระวังด้วย เพราะโทรศัพท์มือถือประโยชน์หลายอย่างก็มี แต่ว่าต้องไม่ลืมว่ามันเป็นตัวดูดสติ
และไม่ดูดสติอย่างเดียว ดูดเวลาของเราด้วย เวลาของเราหมดไปอย่างรวดเร็ว หายไปเยอะแยะ หลายชั่วโมงต่อวันเพราะโทรศัพท์มือถือนี่แหละ เพราะพอใช้โทรศัพท์มือถือก็ไม่ใช่แค่ดูข่าว ติดตามข่าวสาร แต่ว่าเอาไปใช้ดูหนังฟังเพลง เล่นเกม
บางทีก็เล่นพนัน นอกจากดูดเวลาไปแล้ว บางทีดูดเงินไปด้วย หมดตัว เป็นหนี้เป็นสิน บางทีต้องไปลักขโมย หรือไปคดโกง
เพราะฉะนั้น ความรู้จักประมาณในการบริโภค ตอนนี้ต้องมาใช้กับโทรศัพท์มือถือด้วย
แต่ว่าแม้หลายคนจะรู้ว่าควรจำกัดการใช้โทรศัพท์มือถือ แต่ว่าเอาเข้าจริง ๆ ก็พ่ายแพ้ต่อกิเลสทุกครั้ง บางทีมีเหตุผลหรือข้ออ้างว่า นิดเดียวน่า ๆ แค่เช็คข้อมูลจากเพื่อนทางไลน์ เผลอปุ๊บเดียวหมดไปเป็นชั่วโมงแล้ว อันนี้เพราะว่ามันเป็นตัวดูดเวลาที่เก่งมาก เพราะมันดูดสติของเรา
ถ้ามันดูดความทุกข์เราก็ดี แต่ไม่ใช่ หากมันดูดความทุกข์เราได้ ก็น่าใช้ แต่ว่ามันไม่ได้ช่วยแบบนี้เลย อาจช่วยทำให้เราลืมความทุกข์ชั่วคราว แต่ว่าสร้างความทุกข์ใหม่ที่บางทีหนักกว่าเดิม ความทุกข์เดิมก็ยังไม่หาย แต่มีความทุกข์ใหม่เข้ามา
เหมือนกับคนกินเหล้า กินเหล้าเพื่อจะได้ลืมความทุกข์ แต่ปรากฏว่าเหล้านำทุกข์ใหม่ ๆ มาให้ ทั้งสุขภาพ ปัญหาการทำงาน ปัญหาความสัมพันธ์กับคนในบ้าน ทุกข์เก่ายังไม่หาย เจอทุกข์ใหม่เข้าไปอีก
โทรศัพท์มือถือก็ทำแบบนี้เหมือนกัน ทำให้เราลืมทุกข์ชั่วคราว แต่ทุกข์เก่าไม่ได้หายไปไหน ทุกข์ใหม่ก็ตามมาอีก เพราะว่าใช้โทรศัพท์มือถือเล่นการพนัน เล่นเกม ไม่เป็นอันทำงาน ไม่เป็นอันดูแลใส่ใจคนที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ เช่น ลูก ไม่มีเวลา มีข้ออ้างมากมายที่จะไม่ไปดูแลแม่ หรือไม่ไปเยี่ยมพ่อแม่ ฉะนั้น การรู้จักประมาณในการบริโภคผ่านโทรศัพท์มือถือก็สำคัญ
พระพุทธเจ้าเคยสอนพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า ผู้มีสติรู้ประมาณในการบริโภคย่อมแก่ช้า เวทนาเบาบาง และอายุยืน อันนี้พระพุทธเจ้าหมายถึงการเสพอาหาร แต่ว่าที่จริงแล้วเอามาใช้กับคนในยุคนี้ เวลาเสพอย่างอื่นได้ด้วย
ถ้าเราเสพมือถือให้น้อยลงเพราะรู้จักประมาณในการบริโภค เวทนาจะเบาบาง อาจจะไม่ใช่เวทนาทางกาย แต่ก็อาจจะใช่ ใช้โทรศัพท์มือถือมาก ๆ บางทีมือล็อค ปวดหลัง ปวดคอเพราะก้มตลอดเวลา นั่งตลอดเวลา เวทนาแก่กล้ามาก หรือกำเริบ แถมแก่เร็วด้วย และอายุสั้น
บางคนใช้โทรศัพท์มือถือมาก ๆ โรคภัยถามหา บางทีโรคหัวใจเล่นงาน บางทีหลอดเลือดในสมองแตกเพราะโทรศัพท์มือถือ หรือบางทีก็ฆ่าตัวตาย เพราะว่าซึมเศร้าจากการเสพโทรศัพท์มือถือมาก
ฉะนั้น ที่พระเจ้าปเสนทิโกศลได้รับคำแนะนำจากพระพุทธเจ้าใช้ได้กับการเสพโทรศัพท์มือถือด้วย ผู้มีสติรู้จักประมาณในการบริโภค เวทนาย่อมเบาบาง แก่ช้า และอายุยืน
ถ้าอยากจะให้เวทนาเบาบาง แก่ช้า และอายุยืน ก็รู้จักควบคุมเวลาในการใช้โทรศัพท์มือถือ และไม่ใช่ให้ทำกับตัวเองอย่างเดียว แนะนำลูกด้วย แนะนำหลานให้รู้จักประมาณในการเสพด้วย.