พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 11 กันยายน 2568
มนุษย์เรารู้มานานแล้วว่า เนื้อ ข้าว ผัก ผลไม้ จำเป็นต่อร่างกายของเรา ฉะนั้น อาหารของเราต้องมีข้าว มีปลา อย่างน้อยถ้าเป็นเมืองไทยสมัยก่อน ตอนหลังเราก็รู้ว่าที่เนื้อ ข้าว รวมทั้งแป้ง ผัก ผลไม้ มีความจำเป็นต่อร่างกายของเราเพราะว่ามีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน
และเราก็รู้ว่านอกจาก 3 อย่างนี้แล้ว แร่ธาตุบางอย่างก็สำคัญ เช่น ธาตุเหล็ก แคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ซึ่งเรามารู้ทีหลังเมื่อไม่กี่ร้อยปีมานี้เอง
ยิ่งตอนหลังนี้ก็รู้ว่าวิตามินก็สำคัญ เพราะถ้าขาดวิตามินถึงตายได้ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ บี ซี ดี จนถึง เค นี้เป็นความรู้ใหม่ที่คนรุ่นหลังได้รับรู้รับทราบ
พอเรารู้เรื่องวิตามินว่ามีความสำคัญอย่างไร เราพบต่อมาว่า แบคทีเรียหรือจุลชีวัน ในร่างกายเรา โดยเฉพาะในกระเพาะอาหารสำคัญมาก เพราะว่าเป็นตัวผลิตวิตามินให้เรา วิตามินที่ว่านี้หลายอย่างได้จากแบคทีเรีย โดยเฉพาะวิตามินบี บี 1 บี 2 บี 7 บี 9 บี 12 พวกนี้สำคัญทั้งนั้น และมันเกิดได้เพราะแบคทีเรียตัวเล็ก ๆ ในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ใหญ่ของเรา
ในขณะที่บางอย่างแบคทีเรียสร้างไม่ได้แต่จำเป็น เช่น วิตามินซี อยู่ในผลไม้ แต่บางอย่างแบคทีเรียสร้างได้ แต่ร่างกายเราสร้างไม่ได้ ถ้าไม่มีก็ตาย ขาดวิตามินบี 1 ก็ถึงตาย เพราะว่าวิตามินพวกนี้มีผลต่อการทำงานของร่างกาย มีผลต่อการผลิตเม็ดเลือด มีผลต่อการทำงานของระบบประสาท การย่อยสลาย หรือกระบวนการเมตาบอลิซึมที่จัดการกับไขมัน คาร์โบไฮเดรต อันนี้เป็นความรู้
เราเพิ่งมารู้เมื่อไม่กี่ปีมานี้เองว่า พวกจุลชีวันซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะแบคทีเรีย รวมถึงไวรัส แม้กระทั่งรา ไม่ได้มีประโยชน์ในการผลิตแร่ธาตุต่าง ๆ รวมทั้งวิตามินในร่างกาย แต่มีผลต่อการทำงานของสมองด้วย สารสื่อประสาทหลายชนิดสัมพันธ์กับแบคทีเรียหรือจุลชีวันในกระเพาะอาหารของเรา รวมทั้งในลำไส้ใหญ่ด้วย
คนที่หดหู่ เศร้าหมอง ซึมเศร้า เขาพบว่ามีความสัมพันธ์กับจุลชีวันในกระเพาะอาหารของเรา ซึ่งมีมากมายหลายพันชนิด แต่ถ้าขาดไปไม่กี่สิบชนิดก็ทำให้เกิดความแปรเปลี่ยนในระบบประสาทของเรา มีผลต่ออารมณ์ด้วย
เป็นความรู้ใหม่ว่า จุลชีวันซึ่งเราเคยพยายามทำลาย กำจัด เพราะเห็นว่าเป็นตัวเชื้อโรค ที่จริงมีคุณูปการมาก ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งเล็ก ๆ ที่อยู่ในกระเพาะของเรามีผลต่อสมอง มีผลต่ออารมณ์
ล่าสุดเมื่อเร็ว ๆ นี้เขาพบว่าไม่ใช่แค่นั้น พวกจุลชีวันยังมีผลต่อการนอนของเราด้วย เขาพบว่าคนที่นอนไม่ค่อยหลับ กลางคืนหลับ ๆ ตื่น ๆ หรือว่านอนน้อย นอนไม่ได้ยาวนานเพียงพอ เขาพบว่ามีความสัมพันธ์กับจุลชีวันในร่างกายของเรา ไม่ใช่เฉพาะในกระเพาะอาหาร แม้กระทั่งในปาก
อย่างผลการวิจัยพบว่า วัยรุ่นและหนุ่มสาวที่มีปัญหาการนอน นอนได้ไม่กี่ชั่วโมง เขาพบว่า ในลิ้น ในปากมีจุลชีวันน้อยกว่าที่เกิดขึ้นกับคนที่ปกติ จุลชีวันนี้รวมถึงแบคทีเรีย ไวรัส และแม้กระทั่งราด้วย ถ้ามีความหลากหลายน้อยอาจจะส่งผลทำให้หลับได้ยาก
และงานวิจัยอีกหลายชิ้นที่เขาทำไม่ใช่เฉพาะกับคนหนุ่มคนสาว แต่ทำกับคนที่มีปัญหาโรคนอนไม่หลับ ดูว่าในกระเพาะอาหารมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ก็พบว่า ความหลากหลายของจุลชีวันในกระเพาะอาหารมีน้อยกว่าคนที่เขาหลับได้สบาย
ไม่รู้ว่าอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัย เพราะเป็นไปได้ว่า จุลชีวันที่น้อยทำให้มีผลต่อการหลับ หรือเป็นเพราะหลับไม่ค่อยดี หลับน้อย ทำให้กินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ มันก็มีผลต่อจุลชีวันในกระเพาะอาหารของเรา
และพอนอนไม่ค่อยเพียงพอก็มีผลต่อโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ อันนี้เขาพบแล้ว เพราะว่าพอนอนไม่ค่อยหลับ กระบวนการย่อยสลาย หรือย่อยพวกน้ำตาล ไขมันด้อยลง ทำให้เกิดโรคอ้วน โรคหัวใจ และปัญหาต่าง ๆ ตามมา รวมทั้งเบาหวานด้วย
ตอนนี้มีงานวิจัยหลายชิ้นมากที่ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพการนอน ปริมาณการนอน กับความหลากหลายของจุลชีวันในกระเพาะอาหาร หรือแม้กระทั่งในปากของเรา ซึ่งตอนนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า คนสมัยนี้มีวิถีชีวิตที่ทำให้จุลชีวันในกระเพาะอาหารของเราลดลง ส่วนหนึ่งเกิดจากการกิน กินอาหารพวก Junk Food อาหารที่ผ่านกระบวนการต่าง ๆ มากมาย
จริง ๆ แล้ว ถ้าเรากินอาหารตามธรรมชาติ อาหารเหล่านี้จะไปช่วยเลี้ยงจุลชีวันในกระเพาะของเรา ไม่ว่าจะเป็นถั่ว กระเทียม หัวหอม มันฝรั่ง ผักนานาชนิด พืชมีเส้นใยเยอะ ๆ รวมทั้งผลไม้ เช่น องุ่น กล้วย ส้ม แครอท และผักดอง โยเกิร์ต
เป็นตัวส่งเสริมจุลชีวันในร่างกายโดยเฉพาะประเภทที่ดี ๆ อาหารพวกนี้เขาเรียกว่าพรีไบโอติก
แต่เดี๋ยวนี้เรากินอาหารประเภทฟาสต์ฟู๊ด Fast Food อาหารที่ผ่านกระบวนการอุตสาหกรรมมาก เลยไม่ค่อยมีอาหารที่จะไปเลี้ยงจุลชีวันในร่างกายของเรา แถมใช้ยาปฏิชีวนะหนักด้วย เอะอะอะไรก็ใช้ยาปฏิชีวนะ เป็นหวัดก็ใช้ยาปฏิชีวนะ ทั้ง ๆ ที่หวัดเป็นเรื่องของไวรัส ปฏิชีวนะจัดการเฉพาะแบคทีเรีย แต่ว่าหมอต้องให้เพราะคนไข้อยากได้ หรือพอรับแล้วรู้สึกสบาย ทั้งที่ไม่เกี่ยวกันเลย
วิถีชีวิตของคนสมัยนี้ทำให้จุลชีวันในกระเพาะอาหารของเราลดน้อยถอยลง ฉะนั้น ถ้าอยากจะนอนให้หลับ นอนให้ดีขึ้น อยากจะให้จิตใจแจ่มใส รวมทั้งสุขภาพดี ต้องให้ความสำคัญกับการเพาะเลี้ยงจุลชีวันในกระเพาะอาหารของเรา ด้วยการกินอาหารที่ถูกสุขลักษณะ อาหารธรรมชาติมากขึ้น และเลี่ยงยาปฏิชีวนะ กินหรือใช้เท่าที่จำเป็น
แต่ว่าอาหารที่จะช่วยบำรุงสุขภาพมักจะเป็นอาหารที่ไม่ค่อยถูกปากเรา หลายคนรู้ว่ามันดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีประโยชน์ต่อสมอง มีประโยชน์ต่อการนอน แต่ไม่แตะ เพราะว่าไม่ชอบ ไม่อร่อย
ฉะนั้น สิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปกับการกินอาหารที่ถูกสุขลักษณะคือ การมีสติ แค่มีปัญญา มีความรู้ยังไม่เพียงพอ เพราะรู้แต่ไม่ทำ ยังอยากกินอาหารอร่อย ๆ ต้องมีสติยับยั้งความอยาก รู้ทันความหลงติดในอาหารอร่อย สติจะช่วยทำให้เรากินอาหารที่ถูกต้อง ไม่ใช่กินอาหารที่ถูกใจเราอย่างเดียว
ถ้าไม่มีสติ แม้จะรู้แค่ไหนก็ไม่กิน ไม่แตะอย่างที่เรารู้มาหรอก แต่ถ้าเรามีสติ ก็มีความยับยั้งชั่งใจ ไม่อร่อยแต่มีประโยชน์ ก็กิน
อันนี้คือเหตุผลที่เรามาพิจารณาอาหารตอนเช้าทุกวัน เพื่อจะได้เรียกสติกลับมาว่า เราไม่ได้กินอาหารเพื่อความเอร็ดอร่อย เพื่อสนองกิเลส แต่เพื่อให้สุขภาพร่างกายเป็นปกติ และเพื่อทำกิจการงาน เพื่อส่งเสริมการประพฤติพรหมจรรย์ ถ้าเป็นพระ เป็นนักบวช
ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องรู้ไว้ โดยเฉพาะปัจจุบันคนที่นอนไม่หลับมีเยอะมาก มีปัญหาการนอนแล้วไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เหตุผลมีหลายอย่าง การใช้โซเชียลมีเดีย การที่ไม่ออกกำลังกาย แต่ส่วนหนึ่งเกิดจากการกินอาหารของเราด้วย
อันนี้เป็นความรู้ใหม่ว่า จุลชีวันเล็ก ๆ ในกระเพาะอาหารของเรามีผลต่อการนอนของเรา ไม่ว่าจะเป็นปริมาณ หรือคุณภาพ จึงเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจด้วย.