พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 25 สิงหาคม 2568
มีเด็กคนหนึ่ง ที่จริงจะว่าเป็นเด็กก็ไม่ถูก เพราะอายุ 14 แล้ว น่าจะเรียกว่าวัยหนุ่มมากกว่า แต่หน้าตาเขายังเหมือนเด็ก ชื่อวิน ภาสวิน
ชีวิตของวินจะว่าไปก็น่าสงสาร ตั้งแต่เล็กหมอพบว่าเป็นมะเร็ง อายุยังแค่ 2-3 ขวบเองกระมัง ต้องฉายแสง ฉีดคีโม ปรากฏว่าก็หาย ตอนอายุ 5 ขวบ แต่ว่า หัวใจมีปัญหา ปอดก็ใช้ได้ข้างเดียว อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลข้างเคียงจากการรักษา หรือว่าติดมาจากกำเนิด
การรักษาด้วยการฉายแสง ฉีดคีโมทำให้ร่างกายของวินไม่เหมือนคนทั่วไป คือไม่ค่อยแข็งแรง และทำให้การเติบโตคงชะงักด้วย เพราะอายุ 14 แล้ว หน้ายังเหมือนเด็ก แต่เป็นเด็กที่น่ารัก ใส่แว่น ดูฉลาด
และฉลาดจริง ๆ เพราะว่าวินแม้จะอายุ 14 แต่รู้ว่าตัวเองมีระเบิดเวลาอยู่ในร่างกาย เพราะว่าสุขภาพที่เป็นอยู่ก็ดี โรคที่เกิดขึ้นกับตัวเองก็ดี สามารถจะลุกลามกลายเป็นปัญหาในอนาคตได้
แล้วทำอย่างไรเพื่อเตรียมรับมือกับระเบิดเวลา เขามองว่า ตอนนี้สุขภาพไม่ใช่ต้นทุนของผมแล้ว แล้วอะไรเป็นต้นทุน เวลา เวลาคือต้นทุนของชีวิต หมายความว่า ถ้าเริ่มต้นทำอะไรแต่เนิ่น ๆ ก็มีโอกาสที่จะทำให้ชีวิตแคล้วคลาดจากอันตรายได้ หรือว่ามีชีวิตที่เจริญเติบโตงอกงาม
เนื่องจากวินรู้ว่าตัวเองวันข้างหน้าจะต้องเจอโรคภัยไข้เจ็บ เลยคิดว่าจำเป็นต้องมีเงินในการรักษาตัวเอง เลยคิดหาเงิน มีการวางแผนการเงิน คือเก็บเงิน แต่จะเก็บเงินได้ต้องรู้จักหาเงินก่อน หาเงินแล้วเก็บเงิน
แต่เขารู้ว่าในเวลาผ่านไป เงินจะเฟ้อ เพราะฉะนั้น ถ้าเก็บเป็นเงินไว้ ค่าจะตกลงไปเรื่อย ๆ เลยเปลี่ยนเงินเป็นทอง เขาตั้งเป้าว่า ปีหนึ่งจะหาทองให้ได้ปีละ 1 บาท
ตอนนี้ได้ทองมาแล้ว 2 บาท 2 สลึง ไม่ใช่เพราะขอเงินพ่อแม่ ไม่ใช่ หาเงินเอง เอาของไปขายที่โรงเรียน และรับจ้างรีวิว เดี๋ยวนี้มีคนนิยม มีการรีวิวสินค้า มีการรีวิวร้านอาหาร มีการรีวิวเครื่องสำอาง มีคนที่มีอาชีพรีวิว วินเขาก็รับจ้างรีวิวทางเฟซบุ๊ก ทางแพลตฟอร์มของตัว ทำให้มีเงิน
แต่อย่างที่บอก วินเขามีวิธีการบริหารเงิน ได้เงินแล้วไม่ได้ใช้อย่างสุรุ่ยสุร่าย อย่างน้อยเก็บไว้ 20 เปอร์เซ็นต์ และเปลี่ยนเงินให้เป็นทอง และเป็นคนที่น่าทึ่งมาก เด็กแม้ว่าจะพอมีฐานะ แต่ไม่หวังแบมือพึ่งพ่อแม่ มีการวางแผนการเงินตั้งแต่อายุ 11-12 เพราะรู้ว่าวันหน้าต้องใช้เงินเยอะในการรักษาตัวเอง
คนเราเวลารู้ว่าตัวเองต้องเจ็บป่วยในวันข้างหน้า เพราะมีระเบิดเวลาอย่างที่วินว่า หลายคนหดหู่ ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม แต่ว่าวินเขาไม่มีท่าทีอาการแบบนั้นเลย เขาพร้อมที่จะเผชิญกับความเจ็บป่วยในวันข้างหน้า
แต่ การพร้อม ของวินคือ การเตรียมตัวสะสมเงินทองเอาไว้ และรู้ด้วยว่าค่าเงินจะตกไปเรื่อย ๆ เลยเก็บเป็นทองดีกว่า ถึงเวลาที่ต้องใช้จ่ายเงินในวันข้างหน้า ซึ่งไม่รู้เมื่อไร ก็เอาทองเปลี่ยนเป็นเงิน เป็นค่ารักษาพยาบาล
อันนี้เรียกว่าเป็นเด็กที่ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่า มี Mindset มีทัศนคติที่ดีมากเกี่ยวกับเรื่องการใช้เงิน
วินบอกว่า คนไทยส่วนใหญ่มีคติว่า ใช้ก่อนจ่ายทีหลัง หมายความว่า ซื้อก่อน เสพก่อน แล้วค่อยหาเงินมาคืน บางทีก็ไปกู้หนี้ยืมสินมา หรือบางทีก็ไปยืมเงินจากอนาคต เช่น ออกเครดิตการ์ด แล้วเอาเงินจากเครดิตการ์ดซึ่งเป็นเงินในอนาคตมาใช้
ทัศนคติว่า ใช้ก่อนจ่ายทีหลัง ทำให้เกิดหนี้สินมากมาย แต่วินเขาหาก่อน แล้วค่อยใช้ทีหลัง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่วินเขาเข้าใจว่า สุขภาพไม่ใช่ต้นทุน ยังไม่ถูกทีเดียว เพราะว่าจริง ๆ แล้ว ที่วินยังเรียนหนังสือและหาเงินได้ เพราะสุขภาพยังดีอยู่ เพียงแต่ว่ามันไม่ใช่ต้นทุนที่มั่นคงในระยะยาว ต้นทุน ในที่นี่หมายถึง ทรัพยากรที่สามารถจะต่อยอดเอามาแปลเป็นเงินได้ สุขภาพตอนนี้ยังเป็นต้นทุนของวินอยู่ และยังไม่สายที่จะดูแลสุขภาพให้ดี
นอกจากเห็นเวลาเป็นต้นทุนแล้ว ต้องไม่ลืมว่าสุขภาพก็เป็นต้นทุนเหมือนกัน และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ จิตใจก็เป็นต้นทุนได้
เพราะฉะนั้น นอกจากการวางแผนการเงินสำหรับอนาคตเพื่อรับมือกับความเจ็บป่วยในวันข้างหน้าแล้ว การวางแผนจิตใจก็สำคัญ เพราะว่าเวลาเจ็บป่วยแล้ว แม้จะมีเงินทองรักษาร่างกาย แต่ไม่มีอะไรที่จะรักษาใจได้ และถ้าไม่มีการรักษาใจ ใจที่ถูกปล่อยปละละเลยนี่แหละจะมาซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ให้กับกาย
หลายคนมีเงินรักษาร่างกาย แต่จิตใจทุกข์ทรมานมาก โดยเฉพาะโรคที่รักษาไม่หาย แต่บางคน แม้จะเป็นโรคที่รักษาไม่หาย แต่ว่าจิตใจเขายังสดชื่น
อย่างที่เคยเล่าถึงพลอย และอีกหลายคน เป็นมะเร็งระยะ 4 แต่ว่าสีหน้ายังแช่มชื่นแจ่มใส เพราะมองว่าความเจ็บป่วย เช่น มะเร็ง ทำให้จิตใจเธอได้ก้าวไปข้างหน้า หรือไปไกลกว่าเดิม เพราะได้เข้าใจเรื่องอริยสัจ 4 คือ รู้จักปล่อย รู้จักวาง รู้จักดูแลใจไม่ให้ความทุกข์ ความวิตกกังวลมาเล่นงานจิตใจ และฉุดให้ร่างกายย่ำแย่ลง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่วินเขาได้ทำน่าทึ่งมาก เด็กอายุ 14 มีการวางแผนการเงินเอาไว้แล้ว โดยที่ไม่ต้องรอแบมือขอเงินพ่อ ขอเงินแม่ หรือไม่ใช่งอมืองอเท้า เอาแต่เที่ยว
บางคนคิดว่าตัวเองจะอยู่ได้ไม่นาน เลยเที่ยว ไม่รู้จะเรียนไปทำไม จะตายเมื่อไรก็ไม่รู้ เที่ยวดีกว่า มีเกมก็เล่นเกม มีไพ่ก็เล่นไพ่ มีอะไรก็ไปเที่ยวห้างให้สนุกสนาน คิดแบบนี้เรียกว่ายังคิดสั้น เพราะว่าแม้ว่าอนาคตยังไม่แน่นอน แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม เรายังมีเวลาที่จะตั้งตัว และเตรียมตัวได้ อันนี้เรียกว่าน่านับถือน้ำใจ
ที่จริงวินเขาให้สัมภาษณ์ที่ดี ๆ มากมาย เกินวัยอายุ 14 แต่ว่าแม้กระทั่งผู้ใหญ่ก็น่าจะเรียนรู้ วินให้สัมภาษณ์กับ ประสาน อิงคนันท์ ในรายการมนุษย์ต่างวัย ตอนที่ 58 อยากเชิญชวนไปดูการสัมภาษณ์ของวิน เขาเน้นเรื่องการวางแผนการเงิน แต่ที่จริงแล้วเขาวางแผนชีวิตด้วย แต่ถ้าจะให้ดี ต้องวางแผนจิตใจด้วย
ทุกคน ไม่ว่าจะสุขภาพดี ยังหนุ่มยังสาว ยังไกลจากความเจ็บป่วยอย่างไร การวางแผนจิตใจเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะถึงแม้ไม่ป่วย แต่ก็ต้องเจอทุกข์อย่างอื่น พลัดพราก สูญเสียของรัก เงินถูกขโมย อกหัก แฟนทิ้ง หรือว่าคนรัก เช่น พ่อแม่บุพการีเสียชีวิต ปัญหาเหล่านี้ไม่มีใครหนีพ้น แต่ว่าถ้าหากว่าวางใจไว้ดี มันเกิดขึ้นก็จริง แต่ใจไม่ทุกข์ก็ได้
ไม่ต้องรอว่าต้องเจ็บป่วยก่อน หรืออนาคตจะต้องเจ็บป่วยแล้วถึงค่อยมาคิดเตรียม แต่ก็ดีที่ยังเตรียม ดีกว่าปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม เหมือนกับสวะที่ลอยตามน้ำ อะไรจะเกิดก็เกิด วางใจแบบนี้เรียกว่านิ่งดูดายมากเกินไป ถือว่าเป็นความประมาทอย่างหนึ่ง.