พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 5 สิงหาคม 2568
เดี๋ยวนี้มีบริการให้เช่าอะไรต่ออะไรเยอะแยะไปหมด ไม่ใช่แค่เช่ารถ เช่าบ้าน แม้กระทั่งเช่ากระเป๋าเป็นวัน กระเป๋าแบรนด์เนม เช่าเสื้อ เช่าโทรศัพท์ก็คงมี สารพัด แต่ว่าที่พิเศษ ที่ไม่ค่อยได้ยินเท่าไรคือ เช่าลูก ตอนนี้มีบริการเช่าลูกเกิดขึ้น ไม่ใช่ในเมืองจีน แต่เมืองไทยนี่แหละ
แต่ก่อนในเมืองจีนอาจจะมีการเช่าแฟน ในญี่ปุ่นอาจจะมีเช่าคู่นอน แต่เมืองไทยเดี๋ยวนี้เรามีเช่าลูก เป็นบริการใหม่ของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ ก่อนหน้านี้เขาดูแลผู้สูงอายุที่มาพัก หรือที่เจ็บป่วยในศูนย์ของเขา ตอนหลังไปดูแลผู้สูงอายุที่เจ็บป่วยตามบ้าน แต่ตอนนี้เขาเปิดบริการตัวใหม่ ผู้สูงอายุ คนแก่ที่ยังไม่เจ็บไม่ป่วยก็ใช้บริการของเขาที่ว่าได้
เช่าลูก คือ เช่า หรือแท้ที่จริงคือ ว่าจ้าง นั่นแหละ ว่าจ้างคนช่วยทำหน้าที่เหมือนลูก คือพาคนแก่ไปโรงพยาบาลบ้าง ไปธนาคารบ้าง หรือว่าไปเที่ยว ไปวัด ไปทำบุญบ้าง หรือจะให้มาพูดคุยนั่งเล่นเป็นเพื่อนที่บ้านก็ได้ ชั่วโมงละ 350 บาท ปรากฏว่าได้รับความนิยมมาก แต่ว่าบริการของเขาจำกัดอยู่แค่เชียงใหม่ ผู้สูงวัยที่กรุงเทพถ้าอยากใช้บริการคงต้องรอไปก่อน
การที่บริการนี้ได้รับความนิยมก็สะท้อนอะไรบางอย่าง อาจจะสะท้อนถึงสภาพครอบครัวของผู้คนในปัจจุบัน โดยเฉพาะในเมืองไทย
ผู้สูงวัยหลายคนคิดว่าเช่าลูกดีกว่ามีลูกของตัวเองก็ได้ เพราะมีลูกของตัวเองเป็นภาระเยอะ ต้องดูแล จ่ายค่าเล่าเรียน ต้องอบรมสั่งสอนกว่าลูกจะโต โตแล้วพ่อแม่ก็ยังต้องปวดหัว เพราะว่าติดเหล้า เล่นการพนัน ติดเกม ไม่เรียนหนังสือ แถมพอลูกโตแล้ว บางทีไม่ทำงานทำการ เกาะพ่อแม่กิน ไถเงินพ่อแม่ บางคนลูกมีอาชีพการงาน แต่ว่าหายหน้าหายตาไปเลย
สว หลายคนในเมืองไทยตอนนี้คิดว่ามีลูกของตัวเองเป็นภาระมาก สู้ไปว่าจ้างคนมาเป็นลูกชั่วคราว เป็นรายชั่วโมง เป็นรายวันดีกว่า
ในแง่หนึ่งก็สะท้อน เพราะว่าพ่อแม่หลายคนมีลูก แต่ลูกไม่มาหาเลย พ่อแม่ก็เหงา จะทำอะไรก็ต้องช่วยตัวเอง ไปวัดก็ต้องไปเอง ไปโรงพยาบาลก็ต้องไปเอง พอมีบริการแบบนี้เข้า สบายใจ และเต็มใจ
อันนี้ ในแง่นี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ที่เปราะบางระหว่างพ่อแม่กับลูก หรือสายสัมพันธ์ที่เปราะบางในครอบครัว เลยมีบริการอย่างนี้มาทดแทน
ในแง่หนึ่งก็ชี้ให้เห็นว่า ตอนนี้เงินมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ เงินสามารถจะซื้ออะไรต่ออะไรได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งซื้อสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูก แม้จะชั่วคราวก็ตาม เราเรียกว่า เช่า เช่าลูก
การที่เงินกลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตของผู้คนมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเป็นแล้วก็ทำให้สายสัมพันธ์ของผู้คนเปราะบางมากขึ้น การที่พ่อแม่เอาแต่ทำงานหาเงิน ไม่สนใจลูก ทำให้ลูกพอโตขึ้นก็เหินห่างพ่อแม่ หรือบางทีลูกเอาแต่ทำมาหาเงินจนไม่มีเวลาดูแลแม่ ไปเยี่ยมแม่ หรือเยี่ยมพ่อ
การที่คนเราให้ความสำคัญกับเงินมากก็ทำให้สายสัมพันธ์เปราะบาง แต่ในเวลาเดียวกัน พอสายสัมพันธ์เริ่มเปราะบาง คนก็ให้ความสำคัญกับเงินมากขึ้น เพราะคิดว่าเงินจะมาทดแทนสายสัมพันธ์ที่เปราะบาง หรือว่าที่ขาดหายไปได้
แต่ที่จริงแล้ว ความคิดว่าเงินเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต อันนี้เป็นความเข้าใจผิด เพราะว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เงินซื้อไม่ได้ และถ้าคนเราให้ความสำคัญกับเงินมากจนกระทั่งบั่นทอนความสัมพันธ์กับผู้คน หรือเห็นว่าเงินมาทดแทนความสัมพันธ์กับผู้คนได้ อันนี้เป็นเรื่องอันตราย เพราะว่าในที่สุดแล้ว ชีวิตจะประสบความทุกข์
เดี๋ยวนี้เราให้เงินมามีความสำคัญแทนสิ่งต่าง ๆ มากมาย แม้กระทั่งไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ แต่รวมถึงความสุขด้วย จะมีความสุขได้ต้องมีเงิน ทั้ง ๆ ที่ความสุขที่ประเสริฐ ที่ประณีตไม่ต้องอาศัยเงินเลยก็ได้
เพราะฉะนั้น เมื่อไรก็ตามที่เราให้ความสำคัญกับเงินจนกระทั่งให้เงินมาทดแทนสิ่งต่าง ๆ อันนี้เป็นสัญญาณอันตรายต่อชีวิตของเรา
จะดีกว่าถ้าเกิดว่าแม้เราจะจำเป็นต้องใช้เงิน แต่ว่ามีสิ่งอื่นมาเป็นตัวนำแทนเงิน เช่น น้ำใจ
ถึงแม้ว่าเราจะต้องซื้อของจากแม่ค้าพ่อค้า แต่ว่าถ้าเรามีน้ำใจให้แก่กันก็ช่วยเติมเต็มบางสิ่งบางอย่างได้ แม้ว่าเราต้องซื้อของจากพ่อค้าแม่ค้า แต่การมีน้ำใจให้กับเขายังทำได้ บางทีพ่อค้าแม่ค้าคิดเงินผิด คิดเงินต่ำกว่าความจริง เราก็บอก เราก็คืนเงินส่วนที่ขาดไปให้ บางทีพ่อค้าแม่ค้าทอนเงินผิด ทอนเงินมากกว่าความจริง เราก็คืนเงินไป อันนี้คือน้ำใจ
หรือบางทีระหว่างที่เช่าคนมาขับรถให้ แต่เราซึ่งเป็นผู้โดยสาร เรามีน้ำใจพูดคุยสนทนาเหมือนเพื่อน มันทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นมาได้
คนมาคิดว่าเงินสำคัญ อาจจะสำคัญจริง แต่ไม่ใช่สำคัญที่สุดของชีวิต ยังมีสิ่งอื่นที่สำคัญกว่า และเราไม่ควรละทิ้ง เอาเงินเป็นตัวตั้งอันตรายมาก แต่ถ้าเราเอาน้ำใจ เอาความดีเป็นตัวตั้งก็ทำให้ชีวิตของเรายังได้รับการเติมเต็ม เวลาเรามีน้ำใจกับพ่อค้าแม่ค้า มิตรภาพก็เกิดขึ้น และมิตรภาพนี้ก็มีคุณค่ามาก
ร้านชำหลายร้าน แม้ของจะแพงกว่าห้างสะดวกซื้อเซเว่น แต่ที่อยู่ได้เพราะน้ำใจที่มีระหว่างกัน ระหว่างพ่อค้าแม่ค้ากับลูกค้าที่เป็นผู้คนแถวนั้น คนยอมจ่ายเงินซื้อของแพงเพราะว่ามีเพื่อนเป็นพ่อค้าแม่ค้า เวลาเดือดร้อนก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ไม่ได้คิดแต่เงิน
ฉะนั้น เวลาเราทำอะไร แม้ว่าเงินจะเป็นตัวเชื่อม แต่อย่าให้สายสัมพันธ์นั้นเป็นสายสัมพันธ์ที่เชื่อมด้วยเงินอย่างเดียว ต้องมีน้ำใจด้วย
รวมทั้งการรู้จักใช้เงินทำความดี เงินก็มีประโยชน์ เราสามารถทำความดีได้โดยใช้เงิน ทำบุญ ช่วยเหลือผู้คน เป็นจิตอาสา เงินก็มีประโยชน์ แต่ว่าต้องรู้จักใช้ให้เป็น
ถ้าเราใช้เงิน มีประโยชน์ แต่ถ้าเงินใช้เรา แย่แล้ว
และสิ่งที่จะชี้วัดความเจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมคือ ความสามารถในการปล่อยวาง ถ้าเรายึดติดถือมั่นในเงิน แม้จะขยันทำบุญอย่างไร แม้จะฟังธรรมเยอะเพียงใด ก็ถือว่าธรรมในใจเราไม่ได้เจริญงอกงาม
สิ่งที่ชี้วัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมของเราคือว่า เราไม่ยึดติดถือมั่นในเงิน เงินหายก็ไม่ได้เสียดายเสียใจมาก ถูกโกงก็ไม่ได้คับแค้น ไม่ได้กลัดกลุ้ม แต่ถ้าเกิดว่าเงินหาย แม่ค้าทอนเงินไม่ครบ ยังเสียดงเสียดาย อย่างนี้แสดงว่าเรายังให้เงินเป็นใหญ่ เงินยังเป็นใหญ่ในชีวิตของเรา
ถ้าเราอยากจะรู้ว่าเราปฏิบัติธรรมได้ก้าวหน้าแค่ไหน ดูว่าเราสละได้มากเพียงใด ไม่ใช่สละด้วยการบริจาค แต่ว่าถึงเวลาที่เงินหายไป คนมาลักขโมยไป หรือถูกโกง ยังรักษาใจเป็นปกติได้ อันนี้แหละเป็นเครื่องวัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติ
แต่ถ้ายังมีความเสียอกเสียใจ คับแค้น แสดงว่าเรายังสอบไม่ผ่าน ต้องพยายามฝึกฝน ปล่อยวางให้ได้ ถึงจะทำให้ชีวิตเราประสบความสุข ความสงบเย็นได้.