พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 29 กรกฎาคม 2568
ถ้ามีคนถามเราว่า สัตว์ชนิดใดที่รวมกันแล้วมีน้ำหนักมากที่สุดในโลก เราจะตอบว่าอะไร บางคนตอบว่าช้าง อันนี้ไม่ถูก ช้างตัวใหญ่ก็จริง แต่ว่ามีไม่มาก เช่นเดียวกัน บางคนบอกว่าปลาวาฬ ปลาวาฬใหญ่กว่าช้างเยอะ แต่รวมกันแล้วน้ำหนักยังไม่มากเท่าไร บางคนตอบว่าคน มนุษย์ เพราะมนุษย์มีตั้ง7,000-8,000 ล้านคน รวมกันแล้วต้องหนักที่สุดในโลก ก็ยังไม่ถูก
ที่ถูกคือมด มดตัวเล็กมาก เล็กกว่าคน เล็กกว่าช้าง เล็กกว่าปลาวาฬ แต่รวมกันทั้งหมดในโลกแล้วหนักที่สุด หนักมากกว่าสิ่งมีชีวิตใด ๆ ยกเว้นต้นไม้ ต้นไม้รวมกันแล้วหนักมาก แต่ไม่ได้ถามว่าสิ่งมีชีวิตใดที่หนักที่สุดในโลก แต่ถามว่าสัตว์ชนิดใด มดซึ่งเป็นแมลงถือว่าเป็นสัตว์
มดมีปริมาณมาก คนเรามีประมาณ 8,000 ล้านคน จำนวนมดคูณอีก 1 ล้านเข้าไป อีก 1 ล้านเท่า เรียกว่า 8 พันล้านล้านเลย มดตัวเล็กกระจิด แต่พอรวมกันทั้งโลกแล้ว น้ำหนักยิ่งกว่าคนอีก เพราะว่ามีจำนวนมหาศาล มีแทบทุกทวีป ยกเว้นทวีปแอนตาร์กติกา ซึ่งเราเรียกว่าขั้วโลกใต้ อันนั้นหนาวจัด แต่ก็ไม่แน่ ถ้าหาไปจริง ๆ ขุดไปใต้ดินอาจจะเจอมดก็ได้
สิ่งเล็ก ๆ เราอย่าคิดว่ามันจิ๊บจ๊อย เพราะว่าถ้ารวมกันมาก ๆ ก็มหาศาลเหมือนกัน
และมดไม่ได้มีแค่ปริมาณ แต่ว่ายังมีประโยชน์มากมายมหาศาลต่อโลกหรือต่อธรรมชาติ อาจจะมากกว่าคนเสียอีก เพราะคนทำลายอย่างเดียว คือทำลายเป็นหลัก แต่มดเขาช่วยรักษาค้ำจุนธรรมชาติไว้
ต้นไม้หลายต้น ต้นไม้หลายชนิดอยู่ได้เพราะมด เพราะมดคอยขัดขวาง คอยเล่นงานสัตว์ที่จะมาทำร้ายต้นไม้ชนิดนั้นหรือต้นนั้น แม้แต่ช้างเจอมดเข้าไปต้องถอย ไม่สามารถจะไปโค่นต้นไม้หรือไปเอากิ่งเอาใบของต้นไม้นั้นมากินได้
ฉะนั้น สิ่งเล็กน้อยสำคัญมาก ร่างกายเราก็เหมือนกัน สุขภาพของเราดีได้เพราะสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ
สารสื่อประสาทสำคัญมาก ถ้าขาดสารสื่อประสาทบางตัว เราอาจจะเพี้ยน เราอาจจะบ้าก็ได้ อาจจะกลายเป็นโรคความจำเสื่อมก็ได้
แม้กระทั่งการดำรงชีวิตประจำวัน อาหารที่เรากิน ตอนนี้เรารู้แล้วว่าสิ่งที่มีคุณค่ามี 5 หมู่ 5 หมวด แป้ง คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ วิตามินเรากินน้อยมากเมื่อเทียบกับคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน อาหารที่เรากินส่วนใหญ่เห็นแต่แป้ง หรือว่าเนื้อ อันนี้ประกอบไปด้วยโปรตีน และไขมัน ส่วนวิตามินเรากินน้อยมาก แต่ขาดไม่ได้ ถ้าขาดมาก ๆ หรือขาดนาน ๆ ตายได้ เช่น วิตามินซี
คนสมัยก่อนเขาไม่รู้จักวิตามินซี พวกที่ออกเรือเดินสมุทร ออกทะเลไกล ๆ นาน ๆ เป็นเดือน ๆ เป็นปี ๆ หลายคนตาย ไม่ใช่ตายเพราะพายุ ตายเพราะโรคลักปิดลักเปิด คือโรคที่เกิดจากการขาดวิตามินซี ทำให้เลือดออกตามไรฟัน อันนี้เขาเรียกว่าโรคเลือดออกตามไรฟัน
แต่ที่จริงมันมีโทษมากกว่านั้น ทำให้เลือดออกตามผิวหนัง ทำให้เม็ดเลือดแดงมีจำนวนน้อยลง ไม่ใช่แค่ทำให้ปวดเมื่อยอย่างเดียว แต่ทำให้ตายได้ ตายเพราะขาดเลือดมาก หรือตายเพราะติดเชื้อ ก่อนตายก็คลุ้มคลั่ง ไม่มีสติ ผิวก็เปลี่ยนไป ผมก็เปลี่ยนสี สารรูปของคนที่ตายเพราะขาดวิตามินซีดูไม่ได้เลย เหมือนผีก่อนตาย นี่ขาดวิตามินซี
ตอนหลังรู้ว่าวิตามินซีอยู่ในผัก อยู่ในผลไม้ อยู่ในส้ม อยู่ในมะนาว ออกทะเลไม่ค่อยได้กินของพวกนี้ แต่พอได้กินเข้าไปแล้วหายป่วยเลย รอดตาย ตอนหลังออกทะเลไปนาน ๆ ก็ไม่ตาย เพราะกินวิตามินซี ทีแรกจากพืช จากผลไม้ ตอนหลังก็จากวิตามินซีสังเคราะห์
วิตามินบีก็เหมือนกัน บี 1 ร่างกายเราผลิตไม่ได้ เช่นเดียวกันกับวิตามินซี ร่างกายผลิตไม่ได้ ต้องกินจากอาหาร ถ้าขาดวิตามินบี 1 ก็เป็นโรคเหน็บชา โรคปากนกกระจอก ถึงตาย
โชกุนองค์รองสุดท้าย องค์ที่ 14 ตายเมื่ออายุ 20 หัวใจวายตาย อายุแค่ 20 หัวใจวายตาย เพราะอะไร เพราะว่าเป็นโรคเหน็บชา โรคปากนกกระจอก เพราะขาดวิตามินบี 1 เพราะว่ากินข้าวที่ขัดแล้ว อยู่ดีกินดี เลยไม่รู้จักกินข้าวซ้อมมือ กินข้าวที่ขัดจนขาว สุดท้ายก็ตาย คนจนไม่ตาย เพราะว่ากินข้าวที่ไม่ได้ขัดขาว เรียกว่าข้าวซ้อมมือ
อันนี้ชี้ให้เห็นว่าวิตามินแม้เพียงเล็กน้อย ถ้าขาดนิดหน่อยก็ตาย แต่เดี๋ยวนี้ คนสมัยนี้ไม่ค่อยตายเพราะขาดวิตามินซี หรือบีแล้ว เพราะว่ามีการเติมวิตามินลงไป หรือว่ารู้จักกินอาหารที่มีวิตามินพวกนี้ เล็กน้อยเท่านั้น แต่ช่วยทำให้มีเอยู่ได้ เรากินเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับแป้ง ไขมัน โปรตีน แต่เราอยู่ไม่ได้
ไม่ใช่เฉพาะแร่ธาตุเท่านั้น หรือวิตามิน ความดีก็เหมือนกัน ความดีแม้เพียงเล็กน้อย อย่าประมาท มันอาจจะช่วยชีวิตเราได้
อย่างที่เคยเล่าแล้ว คนที่เอาอาหารไปให้จระเข้กิน เลี้ยงปลาด้วย เลี้ยงจระเข้ด้วย ไม่ได้เป็นจระเข้ในฟาร์ม เป็นจระเข้ในบ่อธรรมชาติ คนห้ามว่าอย่าไปเลี้ยงมัน แต่เขาเอาอาหารไปให้มันทุกวัน ๆ ทุกเช้า ๆ
และสุดท้าย พอเกิดสึนามิ ถูกคลื่นซัดสาดออกไปนอกทะเล จะตายไม่ตายแหล่อยู่แล้ว อันนี้เกิดขึ้นที่ลังกา ปรากฏว่ารอดตายได้เพราะจระเข้ตัวหนึ่งมาให้เกาะ แล้วมันพาเข้าฝั่ง มันคือจระเข้ตัวที่เขาให้อาหารมันนั่นเอง
หรือว่ามีคนคนหนึ่งเห็นหมาข้างถนนบาดเจ็บ ไม่รู้ใครไปยิงมัน ไปฟันมัน เขาพยาบาลมัน ให้อาหารมันจนมันหาย มันก็กลับไปเป็นหมาข้างถนนเหมือนเดิม
แต่วันหนึ่งเขาขับรถ ปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุ เขาขี่จักรยาน โดนเฉี่ยว กระเด็นออกไปข้างถนน หัวหรือตัวไปฟาดต้นไม้สลบ ไม่มีใครรู้เพราะว่าข้างทางเป็นต้นไม้ ก็มีหมาตัวนี้เห็น แล้วมันก็พยายามปลุกชายคนนี้ ไม่ตื่น มันเลยไปที่บ้านของชายคนนี้ แล้วเห่าจนกระทั่งคนในบ้านแปลกใจ มันเห่าอะไร หมาตัวนี้
แล้วเขาจำได้ว่ามันคือหมาที่พ่อเขาเคยพยาบาลมัน สงสัยมันจะบอกอะไรสักอย่าง พอเปิดประตูไป มันวิ่งออกไปที่ถนน เขาเดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายไปเจอพ่อนอนหมดสติ สามารถจะพาไปโรงพยาบาลได้ทัน เลยรอดตาย รอดตายเพราะช่วยหมา
ฉะนั้น ทำความดี แม้กระทั่งกับสัตว์ อย่าไปประมาทว่าเล็กน้อย ไม่มีค่า มันสามารถจะช่วยชีวิตของเราได้
ฉะนั้น ชื่อว่าความดีแล้ว อย่าประมาท อย่าไปดูแคลนว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย โดยเฉพาะถ้าเราทำความดีทุกวัน แม้จะเป็นความดีเล็กน้อย
ไม่ใช่แค่การให้ทาน แต่รวมถึงการเจริญสติ ทำความรู้สึกตัวไปเรื่อย ๆ ทำความรู้สึกตัวไปเรื่อย ๆ แล้ววันหนึ่ง เมื่อเกิดวิกฤติ สติจะช่วยเราได้ ไม่ว่าจะเกิดไฟไหม้ เกิดแผ่นดินไหว เกิดน้ำท่วม รถตกคู สตินั่นแหละจะช่วยเราให้ออกมาจากอันตรายเหล่านั้นได้ เพราะถ้าไม่มีสติ ตื่นตระหนก อาจจะตายเพราะอุบัติเหตุเหล่านั้นได้.