PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • ถ้ารวยก็ไม่ใช่พระ
ถ้ารวยก็ไม่ใช่พระ รูปภาพ 1
  • Title
    ถ้ารวยก็ไม่ใช่พระ
  • เสียง
  • 14009 ถ้ารวยก็ไม่ใช่พระ /aj-visalo/2025-07-29-04-00-01.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันอังคาร, 29 กรกฎาคม 2568
ชุด
ธรรมะสั้นๆ ก่อนอาหารเช้า 2568
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 25 กรกฎาคม 2568
    อยุธยาเป็นจังหวัดที่มีพระที่ชาวบ้านนับถือว่าเป็นเกจิอาจารย์อยู่เยอะมาก มีพระเกจิอาจารย์ท่านหนึ่งเรียกว่าเป็นครูบาอาจารย์ของหลายๆองค์ที่ผู้คนนับถือในเวลานั้น คือหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
    ท่านเป็นอาจารย์ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร หลวงพ่อฤาษีลิงดำ และอีกมากมาย ท่านเป็นคนสมัยรัชกาลที่ 5 ตอนที่บวชนั้นก็บวชตามประเพณี แต่พอบวชแล้วก็ต้องศึกษาเล่าเรียน ท่านก็เรียนทั้งวิชาปริยัติธรรม และที่ขาดไม่ได้คือวิชาคาถาอาคม
    สมัยก่อนนั้นกรรมฐานส่วนใหญ่เรียนเพื่อให้ได้ช่ำชองเชี่ยวชาญเรื่องคาถาอาคม นอกจากนั้นท่านก็ยังเรียนวิชาสมุนไพรเพื่อเยียวยารักษาผู้ป่วย เพราะชาวบ้านสมัยก่อนมีแต่พระเป็นที่พึ่ง ไม่มีโรงพยาบาล ไม่มีสุขศาลา ไม่มีรพสต. มีแต่พระเป็นที่พึ่ง
    เพราะฉะนั้นก็ต้องมีความรู้ด้านสมุนไพร รวมทั้งคาถาอาคมเพื่อไล่ผีด้วย อาจารย์ท่านหนึ่งที่หลวงพ่อปานไปศึกษาด้วยคือ หลวงพ่อสุ่น เป็นพระที่อยุธยาเหมือนกัน หลวงพ่อสุ่นนั้นท่านมีชื่อเชี่ยวชาญเรื่องพระคาถาอาคมมาก
    หลวงพ่อปานซึ่งช่วงนั้นก็ยังหนุ่มอยู่ก็ไปเรียน นอกจากได้วิชาคาถาอาคม โดยเฉพาะวิชาสะเดาะเคราะห์ สะเดาะกุญแจแล้ว ท่านยังได้ธรรมะจากหลวงพ่อสุ่นด้วย หลวงพ่อสุ่นท่านบอกว่า อย่าไปอยากรวย อย่าอยากมียศถาบรรดาศักดิ์ ถ้ารวยก็ไม่ใช่พระ พระต้องรวยด้วยบุญญาบารมี
    หลวงพ่อสุ่นก็สอนธรรมะไม่มากแต่ว่าท่านก็ปฏิบัติตัวให้ดูเป็นแบบอย่าง เพราะว่าแม้ท่านจะมีชาวบ้านมาขึ้นเยอะเพราะมีคาถาอาคม แต่ท่านก็อยู่อย่างสมถะเรียบง่าย เพราะท่านปฏิบัติตามคำสอนที่ท่านว่า ถ้าเป็นพระก็อย่าอยากรวย ถ้ารวยก็ไม่ใช่พระ หลวงพ่อปานก็จำเอาไว้
    ต่อมาท่านก็เข้ากรุงเทพมาเรียนต่อวิชาด้านปริยัติธรรมที่วัดสระเกศ เพราะตอนนั้นเป็นวัดที่มีการสอนด้านปริยัติธรรม มีพระต่างจังหวัดมาเรียนกันมาก แต่ท่านบอกว่าตอนที่ท่านอยู่วัดสระเกศนั้นอัตคัดมาก
    วัน ๆ บิณฑบาตได้แต่ข้าวเปล่า ไม่มีอะไรเลย ต้องไปเด็ดยอดกระถินมาจิ้มน้ำพริก จำเป็น แต่อันที่จริงการไปเด็ดยอดกระถินก็อาจจะไม่ค่อยเหมาะเท่าใดสำหรับพระที่เคร่งวินัย แต่ท่านก็ต้องทำ เพราะไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะอยู่อย่างไร เรื่องนี้คือเมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้วที่บิณฑบาตไม่ค่อยได้อาหาร ไม่ใช่เพราะชาวบ้านไม่ค่อยศรัทธา ชาวบ้านศรัทธา อาจจะมากกว่าสมัยนี้ แต่ชาวบ้านยากจน ไม่เหมือนสมัยนี้ ร่ำรวย
    พระที่บิณฑบาตแล้วไม่ได้อะไรเลย หรือได้แต่ข้าวเปล่ามีน้อยมากแม้กระทั่งในกรุง แต่ก็มีบางวัด อย่างสมัยอาตมาอยู่วัดทองนพคุณนั้น พระเณรแถวนั้นมีอยู่หลายร้อย บางทีก็บิณฑบาตได้ข้าว 2-3 ทัพพีกับผลไม้ กับข้าวไม่ค่อยได้
    แต่เนื่องจากที่วัดฉันเป็นวง ก็ได้อาหารจากพระที่มีอาวุโสมาก รวมทั้งหลวงพ่อเจ้าคณะ 2 ซึ่งภายหลังก็ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ ตอนหลังก็ได้เป็นเจ้าคณะภาค 11 ต่อมาท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระพรหมวชิรธีรคุณ เพิ่งมรณภาพและเพิ่งพระราชทานเพลิงศพไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ท่านก็คือท่านเจ้าคุณสมคิด
    และนั่นคือสภาพของพระสมัยก่อน คือแม้ชาวบ้านจะมีศรัทธาแต่ชาวบ้านก็ไม่ร่ำรวย พระจึงได้อาหารน้อย แถมหลวงพ่อปานนั้นมีกิจนิมนต์น้อยด้วย ก็เลยจน แต่ท่านก็ตั้งใจศึกษาทั้งปริยัติธรรมและปฏิบัติตามพระธรรมวินัยเท่าที่จะเป็นไปได้
    คงเพราะเหตุนี้วันหนึ่งท่านเล่าว่า มีเทวดามาหาท่านที่กุฎิ มาหาจริงๆ ไม่ได้ฝัน แล้วก็มาบอกหวยให้เลข ให้เลขไม่พอจดให้ดูด้วย แล้วบอกย้ำให้จดจำ ถามหลวงพ่อปานว่าจำได้ไหมเลขที่ให้นี้ หลวงพ่อปานบอกจำได้ แล้วเทวดาก็หายตัวไป
    แทนที่หลวงพ่อปานจะดีใจ ท่านกลับครุ่นคิดจนนอนไม่หลับ เพราะตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปซื้อหวยดีไหม เทวดาอุตส่าห์มาให้เลขแล้ว ถ้าเป็นเราคงไม่ต้องตัดสินใจอะไรมาก อาจจะดีใจจนนอนไม่หลับ
    แต่หลวงพ่อปานท่านเครียดจนนอนไม่หลับ เพราะท่านคิดไม่ตกว่าจะไปซื้อหวยดีไหม แล้วสุดท้ายรุ่งเช้าท่านตัดสินใจไม่ซื้อ ท่านบอกว่านึกถึงคำสอนของหลวงพ่อสุ่นที่ว่า ถ้ารวยไม่ใช่พระ พระต้องรวยด้วยบุญญาบารมี
    หลวงพ่อสุ่นท่านว่า พระนั้นอย่าอยากรวย อย่าอยากมียศถาบรรดาศักดิ์ ก็เลยทำตาม ปรากฏว่าวันนั้นหวยออกตรงตามที่เทวดาบอก แต่ว่าหลวงพ่อปานไม่เสียใจเลย ถ้าเป็นคนอื่นคงจะเสียใจว่าไม่น่าเลย แต่ว่าท่านไม่เสียใจเลย ท่านก็ยังอยู่แบบอัตคัดเหมือนเดิม
    แต่ว่าท่านดีใจที่ท่านตัดสินใจแบบนี้ เพราะแสดงว่าท่านยังไม่หวั่นไหวต่อโลกธรรม จิตใจไม่หวั่นไหวต่อกิเลสหรือความโลภ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านภาคภูมิใจ
    และอย่างที่ทราบภายหลังว่า ท่านเป็นพระที่ชาวบ้านเคารพนับถือมาก เพราะท่านแม้จะมีวิชาความรู้มาก รวมทั้งวิชาคาถาอาคม แต่ท่านก็อยู่อย่างสมถะ หลวงพ่อปานนั้นท่านรู้วิชาสะเดาะเคราะห์ วิชาสะเดาะกุญแจ วิชาพวกนี้ใคร ๆ ก็อยากเรียน
    แต่วิชาที่มีคุณค่าสำหรับท่านและมีคุณค่าสำหรับทุกคน ก็คือวิชาสะเดาะกิเลสจากใจ จะสะเดาะเคราะห์ จะสะเดาะกุญแจเก่งแค่ไหน แต่ถ้าสะเดาะกิเลสไม่ได้ ก็ไร้ค่า รวยก็จริงแต่อาจจะไม่ใช่พระแล้ว เพราะท่านถือคติว่าถ้ารวยก็ไม่ใช่พระ พระต้องยากจน แต่ว่ารวยด้วยบุญญาบารมี
    ทำไมหลวงพ่อสุ่นสอนอย่างนั้น ว่าอย่าอยากรวย อย่าอยากมียศถาบรรดาศักดิ์ หลวงพ่อบอกว่าของพวกนี้เป็นของไม่เที่ยง พอสูญเสียทรัพย์ สูญเสียยศถาบรรดาศักดิ์ก็จะทุกข์ ที่จริงมีเหตุผลมากกว่านั้น ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะมันไม่เที่ยง ดังนั้นจึงอยู่ในวิสัยที่จะต้องสูญเสียพลัดพรากจากมัน
    ตอนที่ยังไม่สูญเสียนั้น ถ้ามีมัน ก็เสี่ยงเหมือนกัน เพราะมีเงินมากถึงแม้จะไม่สูญไป แต่ก็ทำให้เรามีโอกาสที่จะทำตามกิเลสได้ง่าย
    คนที่มีเงิน การเที่ยวกลางคืน เที่ยวผู้หญิง หรือกินเหล้าเมาสุราทำได้มันง่าย แต่ถ้าไม่มีเงินจะทำอย่างนั้นก็ยาก เงินนั้นเปิดโอกาสให้ทำความชั่วได้ง่าย เปิดโอกาสให้ทำตามกิเลสได้ง่าย
    เพราะฉะนั้นที่หลวงพ่อสุ่นท่านบอกว่า อย่าอยากรวยนั้น มันถูกแล้ว ไม่ใช่เพราะว่าความรวยไม่เที่ยง แต่ความรวยก็เป็นโทษด้วย สามารถจะเปิดโอกาสให้เราทำชั่วได้ง่าย
    และนี่ก็เป็นสิ่งที่หลวงพ่อปานท่านจดจำเอาไว้ เพราะฉะนั้นที่ท่านมีความสำคัญ ไม่ใช่เพราะท่านเป็นพระเกจิอาจารย์มีคาถาอาคมมาก แต่เพราะชีวิตท่านเป็นแบบอย่างของการอยู่แบบสมถะแล้วมีความสุข ไม่ต้องพึ่งพาความมั่งคั่งร่ำรวยยศถาบรรดาศักดิ์
    คนบางคนนั้นถ้ามีโอกาสก็จะเอา แต่หลวงพ่อปานท่านไม่เอา มีโอกาสที่จะรวยแต่ท่านไม่เอา มีโอกาสที่จะถูกหวยแต่ไม่ซื้อ เพราะท่านเห็นโทษของความรวย เห็นโทษของเงิน ยิ่งเป็นพระด้วย ท่านก็รู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับการเป็นพระ เพราะว่ารวยก็ไม่ใช่พระ
    นี่ก็เป็นคติสำคัญสำหรับพระในปัจจุบัน เพราะเดี๋ยวนี้รวยง่ายเพราะโยมมีเงินเยอะ สมัยก่อนแค่อาหารใส่บาตรก็ยังไม่มีเลย พระต้องอยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ แม้ว่าชาวบ้านจะศรัทธา แม้จะเป็นพระดี
    แต่เดี๋ยวนี้ชาวบ้านร่ำรวยใส่ของดี ๆ ถวายของดี ๆ แล้วก็ถวายเงินเยอะมาก ถ้าไม่ระมัดระวัง ถ้าไม่ถือคติที่ว่า ถ้ารวยไม่ใช่พระ ก็อาจจะเสียผู้เสียคนได้ง่ายหรือเสียพระได้ง่าย.

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service