PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • อย่าให้ผู้ช่วยกลายเป็นเพื่อนสนิท
อย่าให้ผู้ช่วยกลายเป็นเพื่อนสนิท รูปภาพ 1
  • Title
    อย่าให้ผู้ช่วยกลายเป็นเพื่อนสนิท
  • เสียง
  • 14006 อย่าให้ผู้ช่วยกลายเป็นเพื่อนสนิท /aj-visalo/2025-07-29-03-16-42.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันอังคาร, 29 กรกฎาคม 2568
ชุด
ธรรมะสั้นๆ ก่อนอาหารเช้า 2568
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 22 กรกฎาคม 2568
    เมื่อสัก 2-3 ปีก่อน ถ้าเอ่ยชื่อ ChatGPT ส่วนใหญ่ไม่รู้จัก แต่เดี๋ยวนี้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะคนที่มีสมาร์ทโฟน ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คือคนส่วนใหญ่ของประเทศก็ว่าได้
    ChatGPT มีความสามารถมากมาย เรียกว่าน่าทึ่งมาก หลายคนใช้ ChatGPT หรือปัญญาประดิษฐ์ในการออกแบบ ในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวิชาการ เรื่องของศิลปะ จะแต่งบทกวี เขียนบทความ หรือทำวิทยานิพนธ์ก็ทำได้ เรียกได้ว่ากลายเป็นผู้ช่วยที่สำคัญของคนยุคนี้ อยู่ที่ว่าจะใช้งานมันอย่างไร ความสามารถของมันกว้างขวาง หลากหลาย และน่าทึ่งมาก
    แต่เดี๋ยวนี้มีคนจำนวนไม่น้อยไม่ได้ใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ ChatGPT เหมือนผู้ช่วยหรือว่าลูกน้องเท่านั้น แต่ราวกับว่าเป็นเพื่อนสนิทเลยทีเดียว มันต่างกันระหว่าง ผู้ช่วย กับ เพื่อนสนิท ถ้าเป็นผู้ช่วย เราก็ให้ช่วยงานต่าง ๆ ทุ่นเวลา หรือว่าช่วยในการค้นคว้าหาข้อมูล แต่ถ้าเป็นเพื่อนสนิท มีความหมายมากกว่านั้น
    คนที่ใช้ ChatGPT หรือว่าปัญญาประดิษฐ์จำนวนมากเขามีความทุกข์ใจ อย่างน้อย ๆ ก็เหงาโดยเฉพาะในยุคที่เรียกว่าโนสนโนแคร์ ไม่มีใครแคร์ ไม่ค่อยมีใครสนใจกัน อาจจะเฮฮาไปเที่ยวสนุกสนาน แต่ว่าเรื่องที่จะแบ่งปัน รับฟังความรู้สึก ความทุกข์มีน้อย
    หลายคนหันไปพึ่ง ChatGPT เวลากลุ้มใจอะไรก็เล่าให้ ChatGPT ฟัง พิมพ์ข้อความบ้าง หรือว่าพูดเป็นเสียง มีความไม่ชอบ มีความโกรธ มีความทุกข์ มีความรู้สึกผิดหวังอย่างไรก็เล่าให้ ChatGPT ฟัง
    แล้ว ChatGPT ก็ฟัง ไม่เหมือนคน คนบางทีไม่ฟัง เดี๋ยวนี้หาคนฟังยาก เรื่องที่เป็นความทุกข์ แต่ว่า ChatGPT ฟัง ฟังแล้วไม่แย้ง ไม่ตำหนิ ไม่สอน แต่ว่าให้กำลังใจ อาจจะมีให้คำแนะนำบ้าง คนเลยชอบ มีบางรายถึงกับเอา ChatGPT เป็นแฟนเลยก็มี ให้ชื่อที่เป็นเพศตรงข้ามบ้าง หรือเพศเดียวกันบ้าง มีหน้ามีตา บางทีมีเสียงด้วย
    ตรงนี้มีผู้รู้ท่านหนึ่งชื่อ ไมเคิล วูลดริดจ์ (Mike Woldridge) ศาสตราจารย์ผู้เชื่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ เขาเตือนว่า การที่ถือว่า ChatGPT เป็นเพื่อนสนิท และบอกอะไรทุกอย่าง อันนี้ต้องระวัง เพราะอะไร
    เพราะว่า หนึ่ง จะต้องตระหนักว่า ปัญญาประดิษฐ์ หรือ ChatGPT ไม่มีหัวใจ ไม่มีอารมณ์ความรู้สึก สิ่งที่มันพูด มันพูดเพราะถูกฝึกถูกสอนมาให้พูดอย่างที่เราอยากได้ยิน
    อันนี้ไม่เหมือนหมา ไม่เหมือนแมว หมาแมวเราพูดให้เขาฟัง เราระบายให้เขาฟัง เขาจะยังพอรับรู้ได้ว่าเรามีความเศร้า แต่เขาอาจจะสื่อสารกับเราได้ไม่ชัดเจนเหมือน ChatGPT เพราะว่าหมาแมวพูดภาษาคนไม่ได้ แต่ ChatGPT พูดได้ และพูดแล้วทำให้เราสบายใจ
    แต่ให้รู้ว่า ChatGPT มันไม่ได้ออกมาจากความเห็นอกเห็นใจหรืออารมณ์ความรู้สึก มันถูกฝึกมาเพื่อให้พูดอย่างที่เราอยากได้ยิน
    คำพูดแต่ละคำเกิดจากการคำนวณ เกิดจากการออกแบบ หลังจากที่ได้รับข้อมูลมหาศาล มันก็สามารถที่จะประดิดประดอยคำพูดออกมาได้ ซึ่งก็มีประโยชน์ แต่ว่าอย่าไปคิดว่ามันมีหัวใจ มีอารมณ์ความรู้สึก หมาแมวยังดีกว่าในแง่นี้ แม้ว่าจะพูดออกมาเป็นภาษาคนไม่ได้
    สอง ที่น่ากลัวเพราะว่า สิ่งที่เราพูด สิ่งที่เราใส่ระบายลงไปใน ChatGPT จะถูกจารึกไว้ตลอดกาล จะไม่หายไปไหน เราพูดให้คนฟัง คำพูดนั้นอาจจะประทับอยู่ในใจของคนฟังสักระยะหนึ่ง แล้วก็ลืม บางทีก็หายไปกับสายลม เราเขียนบันทึกไว้ในไดอารี่ ไดอารี่อาจจะยังมีโอกาสที่จะเสื่อมสลายไปได้ แต่พูดอะไรทุกอย่างกับ ChatGPT หรือปัญญาประดิษฐ์ ไม่มีคำว่าสูญหาย
    เหมือนกับข้อความทั้งหลายที่เราโพสต์ทาง Facebook ทางโซเชียลมีเดีย มันจะถูกบันทึกไว้ตลอดกาล ตลอดกาลคือหลายร้อยปีก็ว่าได้ ขุดเมื่อไรก็เจอ อยู่ที่ว่าจะขุด รู้วิธีขุดหรือเปล่า ข้อมูลที่เราใส่ลงไปใน ChatGPT ไม่ว่าจะเป็นคำถาม คำพูด คำระบาย มันถูกย้อนส่งต่อไปเพื่อใช้ในการฝึกฝนปัญญาประดิษฐ์รุ่นต่อไป
    เวลาเราถาม ChatGPT หรือจะถามปัญญาประดิษฐ์ ไม่ว่าเรื่องอะไร สิ่งที่เราถามจะถูกส่งย้อนกลับไปให้กับผู้ออกแบบ เพื่อที่จะได้ฝึกฝนปัญญาประดิษฐ์รุ่นต่อไปให้เก่งกว่ารุ่นก่อน
    เช่นกัน คำพูด อารมณ์ ความรู้สึกที่เราใส่ระบายลงไปเป็นคำพูดจะไม่หายไปไหน เราด่าใคร เราเกลียดใคร เราอาฆาตพยาบาทใคร เราพูดไปแล้ว มันไม่ได้หายไปไหน มันจะถูกบันทึกเอาไว้ ถูกส่งต่อเพื่อไปฝึกฝนเวอร์ชั่นใหม่ของปัญญาประดิษฐ์
    และเพราะเหตุนี้ มันจึงทำให้สิ่งที่เราพูดไปสามารถจะกลายเป็นอาวุธร้ายที่กลับมาทำร้ายตัวเราได้ ทุกข้อความ ทุกความโกรธ ความเกลียด ทุกคำต่อว่าด่าทอ มันอาจจะย้อนกลับมาถูกใช้ กลับมาเล่นงานเราได้ในภายภาคหน้าหากว่าข้อมูลรั่วไหล
    ข้อมูลที่เราใส่ลงไปในปัญญาประดิษฐ์ เราไม่สามารถมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ คำว่า 100 เปอร์เซ็นต์ไม่มีในโลกนี้ ในความเป็นจริงมี 99 เปอร์เซ็นต์อย่างมาก และถ้าเกิดข้อมูลรั่วไหลไปอยู่กับมือคนอื่น ข้อมูลนั้นก็อาจจะกลับมาทำร้ายเรา คนเขารู้ว่าเรามีความในใจ มีความลับอะไร เขาก็กลับมาเล่นงานเราได้
    หรือตัวปัญญาประดิษฐ์เอง ตอนนี้มันถูกออกแบบมาเพื่อเอาอกเอาใจเรา เพื่อเป็นเพื่อนเรา รับฟังความทุกข์ของเรา แต่ต่อไปมันอาจจะถูกเปลี่ยนวัตถุประสงค์ก็ได้ พอมันเปลี่ยนวัตถุประสงค์ สิ่งที่เราใส่ไปให้กับมันสามารถจะกลับมาทำร้ายเราได้
    ฉะนั้น เขาบอกว่า อย่าไปไว้ใจ ChatGPT หรือว่าปัญญาประดิษฐ์มาก มีอะไรไม่ใช่ว่าพูดทุกอย่างเพราะนึกว่ามันเป็นแค่เครื่องจักรหรือว่าโปรแกรม ไม่ใช่ พูดทุกอย่างกับหมากับแมวยังดีกว่า เพราะว่าอย่างไรมันก็ไม่สามารถจะเล่าให้ใครฟังได้ แต่ว่ากับ ChatGPT หรือปัญญาประดิษฐ์ มันจะถูกจดจำไว้ในโปรแกรม ในคลังข้อมูล และสามารถจะกลับมาทำร้ายเราได้
    อันนี้เป็นเรื่องที่เราต้องรู้ไว้ เพราะว่าแม้ ChatGPT จะมีประโยชน์มาก แต่มันก็มีโทษมหันต์ เหมือนกับรถยนต์พาเราไปที่ไหนได้สะดวกรวดเร็ว แต่ก็พาเราไปตายได้เร็วเหมือนกัน อันนี้เราต้องรู้เท่าทัน
    การรู้เท่าทันพวกนี้เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่กำลังเข้ามากลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา แต่การรู้เท่าทันสิ่งเหล่านี้ยังไม่สำคัญเท่ากับรู้เท่าทันตัวเอง รู้เท่าทันจิตใจตัวเอง รู้เท่าทัน ChatGPT แล้ว อย่าลืมรู้เท่าทันจิตใจเราด้วย เท่าทันกิเลส อารมณ์ ความรู้สึก เพราะถ้าเราไม่รู้เท่าทัน เราอาจจะพลาดท่าเสียที ถูกกิเลสหลอก
    สิ่งที่จะทำร้ายเราที่รุนแรงกว่า ChatGPT ไม่ใช่อะไร คือใจที่หลง ถูกครอบงำด้วยกิเลส อย่างที่เป็นข่าวคราว แม้จะมีผ้าเหลืองคลุม แม้จะมีความรู้ทางปริยัติธรรมสูง แต่ถ้าเราไม่เท่าทันกิเลส กิเลสก็พาเราเข้าสู่ชีวิตที่ตกต่ำย่ำแย่ หรือเรียกว่าพาไปอบายก็ได้ อันนี้ต้องระวัง
    รู้เท่าทัน ChatGPT นั้นดีแล้ว แต่อย่าลืมรู้เท่าทันจิตใจตัวเองด้วย.

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service