แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 17 กรกฎาคม 2568
เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ประเทศเยอรมันมีการค้นพบ เรียกว่าโบราณสถานก็ได้ แต่มันเก่าแก่ยิ่งกว่าโบราณสถานที่เรารู้จัก คืออายุประมาณ 120,000 ปี และมันไม่ใช่เป็นสถานที่ที่เกี่ยวกับศาสนาอย่างพวกพีระมิด หรือความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นักโบราณคดีเขาเรียกสิ่งที่เขาค้นพบตรงนั้นว่า โรงงานไขมัน โรงงานไขมันเพราะว่ามันเกลื่อนกล่นไปด้วยเศษกระดูกนับแสนชิ้นเลย ที่ถูกทุบให้ละเอียด เป็นกระดูกของสัตว์ประมาณ 170 กว่าตัว เขาทำละเอียดเลย เขาบอกว่าสัตว์ 170 ตัวนี้ก็มีทั้งพวกจิ้งจอก ม้า เสือ แล้วก็แรด แน่นอนนั้นมันก็คงเป็นสัตว์ที่มนุษย์ไปล่ามาได้ แล้วก็สังเกตว่าส่วนกระดูก ส่วนที่ถูกทุบละเอียด หรือว่ามนุษย์ในเวลานั้นนี่จงใจทุบก็คือส่วนที่มีไขมันเยอะ แล้วก็มีเศษซากของพวกทั่ง ค้อน แล้วก็มีร่องรอยของการจุดไฟ ก็เลยเดาว่ามันเป็นสถานที่ที่คนแต่ก่อน ซึ่งก็แสนกว่าปีที่แล้ว เอากระดูกนี่มาทุบเอาไขมัน แล้วก็ผ่านกรรมวิธีอะไรบางอย่าง เพื่อจะได้เอามากิน เรียกว่ากินไขมันล้วน ๆ เลย หรือไม่ก็คาร์โบไฮเดรต
มันเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยได้เกิดขึ้นหรือหาไม่ค่อยได้เจอ แต่ไปเจอที่เยอรมัน แล้วก็เก่ามาก แสนกว่าปี แล้วเวลานั้นมันก็มีมนุษย์จำพวกเดียวที่อยู่ในยุโรปตอนนั้น ก็คือพวกนีแอนเดอร์ธัล (Neanderthal) เป็นมนุษย์คนละพันธุ์กับมนุษย์ยุคใหม่ในปัจจุบัน แต่ว่าเป็นญาติกัน นีแอนเดอร์ธัลก็สูญพันธุ์ไปแล้วเมื่อ 40,000 ปีที่แล้ว แล้วแต่ก่อนก็คิดว่าเป็นมนุษย์พันธุ์ที่โง่ ฉลาดสู้มนุษย์ปัจจุบันไม่ได้ มนุษย์ปัจจุบันเรียกว่า โฮโมเซเปียนส์ (Homo sapiens) โฮโมเซเปียนส์นี่ฉลาดกว่าก็สามารถกำจัดนีแอนเดอร์ธัลให้หมดไปจากยุโรปได้ แต่ตอนนี้เขาไม่เชื่อเช่นนั้นแล้วเพราะว่าพวกนีแอนเดอร์ธัลสามารถจะทำโรงงานไขมันได้ แสดงว่าก็มีความรู้พอสมควร และสิ่งหนึ่งที่มันชี้ให้เห็นก็คือว่า คนสมัยก่อน หรือยุคหิน หรือถอยหลังไปไกล ชอบไขมัน ชอบคาร์โบไฮเดรต เหมือนกับคนในยุคนี้เลย คนในยุคนี้ก็ชอบกินไขมัน ชอบกินอะไรมัน ๆ แสดงว่ามันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แล้วคนสมัยก่อนชอบถึงขั้นขนาดทำโรงงานเพื่อที่จะคั้นเอาไขมันออกมากินเลย
ทำไมมนุษย์เราชอบไขมัน มันไม่ใช่เป็นเรื่องของวัฒนธรรมแล้ว มันเป็นเรื่องของสัญชาตญาณที่ฝังอยู่ใน DNA เลย เช่นเดียวกับน้ำตาล ความชอบน้ำตาล ความชอบไขมันนี่มันฝังอยู่ในร่างกายของมนุษย์เลย เรียกว่าเป็นสัญชาตญาณเลยทีเดียว เพราะอะไร ก็คงเป็นเพราะว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นต่อความอยู่รอด แต่ไม่ใช่แค่นั้น อาจจะเป็นเพราะว่าในธรรมชาติเมื่อสักแสนกว่าปีก่อน หรือแม้กระทั่ง 50,000 ปีที่แล้ว น้ำตาล กลูโคส ไขมัน คาร์โบไฮเดรตมันหายาก ร่างกายเรามันก็เลยมีการสร้างกลไกที่ทำให้เกิดความชอบ ชอบน้ำตาล ชอบไขมัน เพื่ออะไร เพื่อจะได้ไปดิ้นรนหามา เพราะพอคนเราชอบอะไรก็ตามมันก็จะดิ้นรนไปหามา แล้วธรรมชาตินี้ก็สร้างกลไกให้คนเราเกิดความชอบน้ำตาล ชอบไขมัน จนกระทั่งต้องไปดิ้นรน ไปหามาจากที่ไกล ๆ บางทีก็ต้องยอมที่จะเหนื่อยยากเพื่อเข้าป่าล่าสัตว์
ทั้งหมดนี้ก็เป็นความจงใจของธรรมชาติเพื่อให้มนุษย์เราอยู่รอด ก็เหมือนกับการแพร่พันธุ์ การแพร่พันธุ์การสืบพันธุ์เป็นเรื่องยาก แต่ธรรมชาติก็ทำให้มนุษย์เราเกิดความอยากที่จะสืบพันธุ์ เพราะว่ามันช่วยทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์หรือเผ่าพันธุ์สัตว์ทุกชนิดนี่มันอยู่รอดไปได้
อาจารย์พุทธทาสท่านใช้คำว่า ให้รางวัล ให้รางวัลเพื่อล่อให้คนทำสิ่งที่เหนื่อยยากแต่ว่าเป็นประโยชน์ต่อเผ่าพันธุ์
ความอร่อยเมื่อได้กินน้ำตาลหรือไขมันนี่ก็เป็นรางวัลของธรรมชาติที่ล่อให้คนดิ้นรนไปหาผลไม้ ไปหาสัตว์ ต้องเข้าป่าไปต่อสู้กับอันตรายเพื่อจะได้มีไขมัน มีคาร์โบไฮเดรตมา และทำให้มนุษย์อยู่รอดได้ มันเป็นสัญชาติญาณพื้นฐานเลย เพราะว่าถ้าไม่มีกลไกตรงนี้ มนุษย์เราก็ขี้เกียจ จะไปหาน้ำตาล จะไปหาไขมัน มันยาก มันไกล อยู่เฉย ๆ ดีกว่า
แต่เพราะความอร่อย ความชอบมันทำให้ต้องดิ้นรน พูดง่าย ๆ ว่าเกิดตัณหา พอเกิดตัณหาแล้วมันก็เกิดความเพียรพยายาม ปัญหาก็คือว่าสมัยก่อนไขมันน้ำตาลมันหายาก แต่เดี๋ยวนี้ไขมันน้ำตาลหาง่ายมากเลย มันราคาถูก แต่มนุษย์เราก็ยังมีความชอบน้ำตาลไขมันเหมือนเดิม เหมือนกับบรรพบุรุษเมื่อ 50,000 ปีหรือแสนปีที่แล้ว
ผลก็คืออะไร ก็เลยกินใหญ่เลย มีของหวาน มีไขมัน มีเนื้อ ก็กินใหญ่เลย แล้วก็เลิกไม่ได้ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ากินมาก ๆ ไขมันเยอะ น้ำตาลมากนี่เป็นอันตราย เดี๋ยวนี้คนสมัยใหม่ป่วยด้วยโรคภาวะไขมันในเลือดสูงเยอะมาก จนเป็นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ทำให้เป็นโรค Stroke เส้นโลหิตในสมองแตก เส้นโลหิตในสมองตัน เป็นกันเยอะ เป็นกันตั้งแต่อายุ 40 แล้ว
อันนี้เพราะอะไร เพราะว่าร่างกายเรามันยังเหมือนเดิม เราเอาร่างกายของคนที่เป็นบรรพบุรุษเมื่อ 50,000 กว่าปีที่แล้วมาจนถึงทุกวันนี้ ในขณะที่โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ไขมันมีมากขึ้นแต่ความชอบไขมันที่เป็นมรดกตกค้างมาจากมนุษย์ยุคหินก็ยังมีอยู่ ก็เลยกินใหญ่ ๆ ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะมีไขมันในเลือดสูง
แต่หลายคนก็พบว่ามันเลิกไม่ได้ เห็นแฮมเบอร์เกอร์ เห็นเฟรนช์ฟรายส์ เห็นพิซซ่าแล้วห้ามใจไม่อยู่ เห็นไอศกรีม เห็นช็อกโกแลตแล้วมันห้ามใจไม่อยู่ ทั้งที่สมองบอกว่า อย่ากินเยอะ ๆ เพราะว่าเป็นเบาหวาน เป็นโรคหัวใจ แต่ใจมันห้ามไม่ได้ เพราะอะไร เพราะว่าเรารับเอามรดกตกค้างจากมนุษย์บรรพบุรุษเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ก็คือความความชอบน้ำตาลชอบไขมัน
เราเอาร่างกายที่เป็นมรดกของคน 50,000 ปีมาแล้วมาอยู่ในยุคปัจจุบัน แต่ถ้าเราไม่รู้จักปรับตัว ไม่รู้จักหักห้ามใจ ไม่รู้จักฝึกจิตฝึกใจเอาไว้เราก็แย่ อายุก็ไม่ยืน ตายเร็ว คนสมัยก่อนไขมันหายาก ต้องทำโรงงานไขมันเลยทีเดียว ซดไขมันไปเลย แต่ว่าเดี๋ยวนี้นี่ทำอย่างนั้นไม่ได้ แต่เราก็ยังเลิกไม่ได้ ห้ามไม่ได้กับการกินไขมัน
ที่จริงไม่ใช่เฉพาะร่างกายที่ชอบกินไขมัน น้ำตาล สมองเราก็เหมือนกัน มันมีมรดกตกค้างจากอดีต มรดกตกค้างที่ว่าคือการที่ชอบมองแบบมองลบ มองระแวง สมองเรามันฉลาดมากในการระแวงภัย อะไรที่ผิดปกติมันจะระแวงไว้ก่อน เพราะสมองเรามีไว้เพื่อให้เราอยู่รอด และความระแวงเป็นเครื่องมือในการทำให้คนเราอยู่รอดได้จนถึงทุกวันนี้
สัตว์ที่ไม่ระแวงก็สูญพันธุ์ไปเยอะแล้ว แต่ว่าสัตว์ที่ระแวงอย่างมนุษย์นี่อยู่รอดมาได้ แต่มาถึงวันนี้ ความระแวงที่มันติดมาในสมองของเรามันทำให้เรามีความทุกข์มาก เพราะว่าพอเราระแวงแล้วเราก็ชอบคิดลบคิดร้าย เพราะการคิดลบคิดร้ายก็เป็นส่วนหนึ่งของการระแวง ทำให้เราปลอดภัยจากอันตรายจากสัตว์ งูเงี้ยวเขี้ยวขอ แต่เดี๋ยวนี้งูเงี้ยวเขี้ยวขอหรืออันตรายภายนอกมันน้อยลงแล้ว แต่เรายังติดนิสัยระแวง ติดนิสัยที่ชอบมองลบ แล้วก็ไวต่อสิ่งที่เป็นลบ สิ่งที่เป็นลบก็เช่น ความสูญเสียในอดีต คำต่อว่าด่าทอ
คำชมมีผลต่อจิตใจเราน้อยกว่าคำด่า ใครชมเราจำไม่ค่อยได้ แต่ใครด่าเรา เราจำได้แม่น ใครให้เงินเรา เราอาจจำไม่ค่อยได้ แต่ใครที่โกงเงินเรา เบี้ยวเงินเรา เราจำได้แม่นเลย อันนี้เพราะมนุษย์เราไวต่อสิ่งที่เป็นลบ ซึ่งมันเป็นผลมาจากสมองของเรา สมองของเราทำหน้าที่เพื่อให้เราอยู่รอด จึงต้องระแวง แต่ว่าความระแวงทำให้เราไม่มีความสุข
ผ่านมาถึงยุคนี้แล้ว โลกมันเปลี่ยนไปเยอะแล้ว จากบรรพบุรุษเมื่อ 50,000 ปีก่อน อันตรายจากภายนอกมันน้อยลง แต่อันตรายจากความระแวง จากการคิดลบ มันกลับทำร้ายเรา ทำให้นอนไม่หลับ ทำให้เป็นโรคประสาท ทำให้เป็นโรคซึมเศร้า ทำให้เป็นโรคเครียด
เดี๋ยวนี้ป่วยกันมากเพราะว่าการชอบคิดลบ การไวในสิ่งที่เป็นลบ แต่มนุษย์ก็ยังดีเรายังมีสติ เรายังมีจิตใจที่พัฒนาได้ สามารถพัฒนาจิตให้เอาชนะความอยากกินน้ำตาล ไขมัน อันนี้เราทำได้
เช่นเดียวกันเราสามารถพัฒนาจิตให้ไม่ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของความระแวง ความคิดลบ อันนี้เราทำได้เพราะว่าเรามีความสามารถในจิตใจ เราเอาร่างกายของคนรุ่นเก่ามาแต่ว่าเราสามารถจะพัฒนาจิตของเราให้สอดคล้องกับชีวิตสมัยใหม่ ก็คือว่าไม่มัวแต่อยากจะกินของหวาน รู้จักหักห้ามใจไม่กินของหวาน ไม่กินไขมันเยอะ อันนี้ก็เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพกาย
แต่สุขภาพใจนี่ก็ต้องอาศัยสติในการที่จะไม่ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของนิสัยที่ชอบคิดลบคิดร้าย มันจะคิดลบคิดร้ายก็รู้ทันมัน มันจะใส่ใจสิ่งที่เป็นลบก็หันมามองสิ่งที่เป็นบวกบ้าง อันนี้เราฝึกได้ แล้วก็เป็นทักษะที่สำคัญของคนในยุคนี้.