พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 15 กรกฎาคม 2568
เมื่อเทียบกับสัตว์นานาชนิดในโลกนี้ มนุษย์เรามีความสามารถพิเศษหลายอย่าง เช่น ความสามารถในการคิดจินตนาการอย่างซับซ้อนพิสดาร เรามีมือ มีนิ้วที่ทำงานนานาชนิดได้อย่างละเอียด สามารถจะจับจะสร้างเครื่องไม้เครื่องมือ หรือว่าผลิตงานศิลปะ ดนตรี วาดรูป ทำให้มนุษย์เรามีความเจริญชนิดที่สัตว์ทั้งหลายเทียบไม่ได้
แต่มีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งที่ผู้คนมักจะมองข้าม อาจจะเพราะเห็นว่ามันธรรมดานั่นคือ การเดิน โดยเฉพาะเดินด้วยขา 2 ข้าง สัตว์ทำได้ยาก เดิน 2 ข้าง อาจจะมีหมาบางตัวทำได้ หรืออาจจะมีนกเพนกวินบางชนิดทำได้ แต่ก็ทำได้ไม่นาน
แต่พวกคนเรา เดินกันเป็นปกติ การเดินนี่สำคัญ มันทำให้มนุษย์เราตั้งแต่ไหนแต่ไรมาหากินได้สะดวก เข้าป่าล่าสัตว์ เก็บหาของกินได้ง่าย รวมทั้งไปไร่ไปนา ทำมาหากิน ช่วยต่ออายุเลี้ยงเผ่าพันธุ์ให้สืบเนื่องมายาวนาน รวมทั้งหนีภัยอันตรายด้วย
เวลาฝนแล้งก็อพยพกัน จนกระทั่งมนุษย์เรากระจายอยู่ทุกทวีปเลย แม้ว่าถิ่นกำเนิดจะอยู่ที่แอฟริกา แต่ว่าไปไกล ไม่ว่ามุมไหนของโลกนี้ก็มีมนุษย์อยู่ที่นั่นเพราะการเดิน เพราะการอพยพ เพราะการเสี่ยงโชค แสวงหาโชค
สังคมปัจจุบันด้วยแล้ว แม้เราจะมีเทคโนโลยี มีเครื่องไม้เครื่องมือ เครื่องยนต์ต่าง ๆ นานาชนิด เช่น รถยนต์ รถไฟฟ้า ที่มาทดแทนการเดิน แต่สิ่งหนึ่งที่มาทดแทนไม่ได้ก็คือ สุขภาพของคนเรา
การเดิน โดยเฉพาะคนยุคนี้ช่วยป้องกันโรคนานาชนิดได้ โรคหัวใจ โรคปอด ตอนนี้ก็พบว่าแม้กระทั่งโรคความจำเสื่อมการเดินก็ช่วยป้องกันหรือช่วยทำให้เกิดช้าลง เพราะว่ามันมีผลต่อสมองมาก เวลาเราเดิน รวมทั้งวิ่งด้วย
และตอนนี้เขาพบว่าแม้กระทั่งมะเร็ง การเดินมีส่วนในการลดโอกาสที่จะเป็นมะเร็งสำหรับคนในยุคนี้ได้มาก เมื่อเดือนที่แล้วมีการเปิดเผยงานวิจัยที่สถาบันมะเร็งของอังกฤษ มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดเขาได้ทำการศึกษา เก็บข้อมูลจากคนถึง 85,000 คน
เขาได้ลองเดินกันดู เดินน้อยก็มี เดินมากก็มี โดยมีนาฬิกาจับระยะทางที่เดินด้วย เขาให้เดินในชีวิตประจำวัน 7 วัน
แล้วเขาได้ข้อสรุปแบบนี้ว่า คนที่เดิน 5,000 ก้าวต่อวัน มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งน้อยลงเมื่อเทียบกับคนที่ไม่เดิน
คนที่เดินวันละ 7,000 ก้าว ลดโอกาสที่จะเป็นมะเร็งถึง 11% เมื่อเทียบกับคนที่เดิน 5,000 ก้าว
เดิน 5,000 ก้าวก็ช่วยลดอยู่แล้ว แต่ถ้าเดิน 7,000 ก้าวมันลดยิ่งกว่านั้น ลดไป 11% เมื่อเทียบกับคนที่เดิน 5,000 ก้าว
แล้วคนที่เดิน 9,000 ก้าวต่อวัน ลดโอกาสที่จะเป็นมะเร็ง 16% เมื่อเทียบกับคนที่เดิน 5,000 ก้าว แล้วมะเร็งที่ว่าเป็นมะเร็งที่คนเป็นกันเยอะ เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งไต มะเร็งเต้านม
อันนี้จะเรียกว่าเป็นข่าวดีก็ได้สำหรับคนที่ไม่อยากเป็นมะเร็ง แต่ว่าอาจจะเป็นข่าวร้ายสำหรับคนที่ไม่ชอบเดิน เพราะเดี๋ยวนี้มันมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากที่ทำให้คนเราเดินน้อยลง หรือขี้เกียจมากขึ้น
จำนวนก้าวที่เขาว่า มันไม่ใช่เดินครั้งเดียว หมายถึงเดินสะสมตลอดทั้งวัน เพราะฉะนั้นคนที่ไม่มีเวลาจะเดินยาว ๆ 5,000 ก้าว ก็ประมาณสัก 2-3 กม. ได้ อาจจะไม่มีเวลาเดินยาวรวดเดียวขนาดนั้น แต่ถ้าเดินสะสมตลอดทั้งวัน มันไม่ยากเลยที่จะเดินให้ได้ครบ 7,000 ก้าวหรือว่า 9,000 ก้าว เพียงแต่ว่าเราต้องจัดชีวิตของเราให้ดีขึ้น
แทนที่จะนั่งรถไปปากซอย เราก็เดิน แทนที่จะนั่งรถไปสถานีรถไฟ เราก็เดินเอา รวมทั้งแทนที่จะใช้ลิฟต์หรือว่าใช้บันไดเลื่อน เราก็ขึ้นบันไดเอา พวกนี้นี่มันมีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งนั้น แต่เดี๋ยวนี้คนเรารักสบาย บางคนพอใช้ทางเลื่อนแทนการเดินแล้ว แทนที่จะเดินขณะที่อยู่บนทางเลื่อนหรือสะพานเลื่อนก็ยืนแช่
หรือบางทีแค่ขึ้นไปข้างบนชั้น 2 ชั้นเดียวก็ขึ้นลิฟต์แล้ว แทนที่จะเดินขึ้นบันได
ซึ่งเราฝึกเป็นนิสัยได้ อาจจะเริ่มต้นจากการลง แทนที่จะลงด้วยลิฟต์ก็เดินลงบันได จะเป็น 2 ชั้น 3 ชั้น 4 ชั้น 5 ชั้น มันก็ดีทั้งนั้น ถ้าเราทำให้เป็นนิสัย ชีวิตประจำวัน มันก็กลายเป็นเรื่องง่าย
โดยเฉพาะช่วงเข้าพรรษา สำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบเดิน ลองตั้งความตั้งใจ หรืออธิษฐานก็ได้ เคยอธิบายไปแล้วว่าอธิษฐานคืออะไร ก็อธิษฐานเช่นว่าในพรรษานี้เราจะเดินให้ได้วันละ 5,000 ก้าว 7,000 ก้าว 9,000 ก้าว หรือ 10,000 ก้าวก็ตาม
เดี๋ยวนี้มันมีนาฬิกาที่วัดจำนวนก้าวได้ หรือที่จริงก็ไม่ต้องมีก็ได้ แค่กะเอา เช่น เดินจากศาลานี้ไปหอไตร เดินไปกลับนี่มันก็ครึ่งกม.แล้ว ถ้าเดินสองครั้ง ทำวัตรเช้าวัตรเย็นอย่างน้อยก็ 1 กม. เราตั้งเป็นความตั้งใจเลยว่าในพรรษานี้ เราจะเดินให้ได้วันละ 5,000, 7,000, 9,000 ก้าว ถ้าวันไหนเดินไม่ครบ วันรุ่งขึ้นก็เดินชดเชยเพิ่มขึ้นไปอีก
อันนี้มันก็มีประโยชน์ต่อร่างกายและมีประโยชน์ต่อจิตใจเรา เพราะว่าบางทีความขี้เกียจมันเหนี่ยวรั้งไม่ให้เราอยากจะเดิน การที่เดินให้ได้ 5,000, 7,000, 9,000 ก้าว หรือ 10,000 ก้าวมันต้องใช้ความตั้งใจ
ใหม่ ๆ ก็ต้องใช้กำลังใจ ทำให้ใจเรามีความเข้มแข็งในการต่อสู้กับกิเลส ต้องต่อสู้กับความเกียจคร้านก่อน ต่อสู้กับความรักสบาย ต่อไปมันก็จะต่อสู้กับ โลภะ โทสะได้ง่าย
อันนี้เป็นวิธีการปฏิบัติธรรมง่าย ๆ บางคนอาจจะบอกว่าไม่มีเวลานั่งสมาธิ หรือว่านั่งแล้วก็งุ่นง่าน แต่ว่าเดินมันเป็นการปฏิบัติธรรมที่ดี ออกกำลังกายแล้วเติมกำลังใจด้วย แล้วก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราในที่สุด
รายงานนี้เขาไม่ได้บอกว่าต้องเดินนานเท่าไหร่จึงจะลดโอกาสในการเป็นมะเร็งเท่านั้นเท่านี้ได้ แต่ถ้าเริ่มเดินตั้งแต่เดี๋ยวนี้เชื่อว่ามันจะเกิดผลดีมากมาย ไม่ใช่แค่ลดโอกาสในการเป็นมะเร็ง แต่ยังลดโอกาสการเป็นโรคหัวใจ ความจำเสื่อม แล้วก็ทำให้ปอดแข็งแรงด้วย รวมทั้งกล้ามเนื้อก็จะดีขึ้น
ไม่ใช่ว่าพอแก่ตัวลงแล้ว กล้ามเนื้อมันก็ค่อย ๆ ฟีบ แล้วค่อย ๆ เหี่ยว จนกระทั่งเดินลำบาก อันนี้ก็สร้างปัญหาให้กับคนในวัยชรามาก.