พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 14 กรกฎาคม 2568
เมื่อหลายปีก่อนที่สวนสัตว์ซานฟรานชิสโกมีลิงกอริลลาตัวหนึ่ง เป็นตัวเมีย อยู่ ฉลาดมาก กอริลลาตัวนี้ชื่อโคโค่ นักวิทยาศาสตร์สอนให้โคโค่รู้ภาษาคน แต่ว่าสื่อสารด้วยภาษามือ
โคโค่ฟังภาษาคนรู้เรื่องแต่ว่าเวลาจะสื่อสารกับคนนี้ใช้มือ เขาพบว่าโคโค่ สามารถจะสื่อสารด้วยมือถึง 1,000 คำ ตอนที่โคโค่อายุประมาณสัก 12 ปี ผู้เลี้ยงก็ถามโคโค่ว่า คริสต์มาสปีนี้อยากได้ของขวัญอะไร โคโค่ก็ส่งภาษามือบอกว่า อยากได้ลูกแมว
สิ่งที่โคโค่ได้คือตุ๊กตาลูกแมว เพราะว่าตัวลูกแมวจะหายาก แล้วเขาก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเอาลูกแมวมาให้โคโค่หรือกอริลลาเลี้ยง ก็เลยให้ตุ๊กตาลูกแมว
โคโค่เห็น โคโค่ก็ทำหน้าเศร้าเลย ผิดหวัง ส่งภาษามือบอกว่าเสียใจ sad แต่ก็จำยอม ได้ตุ๊กตาแมวมาก็เอามาเล่น เอามันลูบ แต่ก็ไม่ทำให้หายเศร้าเท่าไหร่ โคโค่คงเหงา หรือว่าอาจจะเป็นเพราะความเป็นแม่ อยากเลี้ยงลูก แต่ว่าอยู่ในสวนสัตว์ก็มีลูกยาก
พอให้ตุ๊กตาแมวมา โคโค่ไม่ชอบ แล้วก็ทำท่าเศร้า เหงา ผู้เลี้ยงหรือครูผู้สอนก็เลยเอาลูกแมวมาให้จริง ๆ เลย ลูกแมวตัวเล็ก ๆ หย่านมแล้ว โคโค่เห็น ดีใจมาก แล้วก็ตั้งชื่อลูกแมวตัวนี้ว่า All-Ball ภาษาของโคโค่ All-Ball ตั้งชื่อเอง แล้วก็เลี้ยงดูลูกแมวตัวนี้อย่างทะนุถนอมด้วยความรักลูก ลูกแมว All-Ball แล้วก็บางทีก็เอามากอดอย่างนุ่มนวล ดูแลเอาใจใส่อย่างดีเลย เหมือนเป็นลูกของตัว
แต่ว่าโชคร้าย ผ่านไปหกเดือน All-Ball ก็ตาย อุบัติเหตุ โคโค่เศร้ามากเลย มันเศร้าเหมือนคนเวลาสูญเสียลูกน้อย ผู้เลี้ยงหรือผู้สอนก็เลยตัดสินใจเอาแมวมาให้ ตอนนี้เอาแมวมาให้หลายตัวเลย ให้โคโค่เลือก โคโค่ก็เลือกตัวหนึ่ง สีเทา ตั้งชื่อว่าหนูเทา
แต่ปรากฏว่ามันมีตัวดำอยากเล่นกับโคโค่ ชอบ ก็เลยปีนกล่องมาหาโคโค่ โคโค่ก็เลยรับเลี้ยง 2 ตัวเลย ตัวหนึ่งสีเทา ตัวหนึ่งสีดำ เลี้ยงอย่างทะนุถนอม แต่อาหารมาจากคนให้ เพราะว่าโคโค่ไม่มีปัญญาให้อาหารแมว คนให้อาหารแมว แต่ว่าเวลาส่วนใหญ่ของแมวก็อยู่ในกรงกับโคโค่ โคโค่ก็มีความสุขมากเลย เพราะมีเพื่อนหรือเพราะมีลูกก็แล้วแต่
อันนี้มันเป็นสิ่งที่สะท้อนว่า ลิง อย่างน้อยก็กอริลลา รวมทั้งอุรังอุตังด้วยที่เคยเล่าไปแล้ว เขามีความรู้สึกคล้ายคน นอกจากฉลาด รู้ภาษา สามารถจะสื่อด้วยมือ แม้จะพูดไม่ได้ แล้วไม่ใช่แค่มีความฉลาดอย่างเดียว เขามีความรู้สึกเหมือนคน คือต้องการเพื่อน ต้องการมีลูก ถ้าไม่มีเพื่อน แม้จะกินอิ่มนอนอุ่นก็ยังไม่มีความสุข
คนเราก็เหมือนกัน กินอิ่มนอนอุ่นแต่ว่าไม่มีคนรู้จักมาสัมพันธ์ด้วย ก็เหงา สุดท้ายก็หงอย แล้วก็อาจจะอยู่อย่างไม่มีความสุข
มันมีกอริลลาตัวหนึ่ง คุ้นกับผู้เลี้ยงมาก สนิทกันเหมือนเพื่อนเลยเพราะรู้จักกันมาเป็น 10 ปี ต่อมาคนเลี้ยงก็แยกย้ายไปที่อื่น กอริลลาตัวนี้ก็มีคนเลี้ยงคนใหม่ มันก็โอเค
แต่ต่อมากอริลลาตัวนี้ป่วยหนักใกล้ตาย อาการพะงาบ ๆ ปรากฏว่าพอเจอหน้าคนเลี้ยงคนเก่า ท่าทางมันดีใจมาก ทางสวนสัตว์คงรู้ว่ากอริลลาตัวนี้มีความผูกพันกับคนเลี้ยงคนแรก ๆ พอได้เจอเพื่อน ดีใจมากเหมือนคนเราใกล้ตายเวลาได้เจอคนรู้จัก เจอเพื่อนสนิทจะรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาเลย แล้วสุดท้ายกอริลลาตัวนี้ก็ตายอย่างสงบในอ้อมกอดของอดีตคนเลี้ยง
สัตว์ก็มีความรู้สึกเหมือนคน มีความรักความผูกพัน ต้องการเพื่อน และบางทีก็ต้องการลูก มันมีเรื่องเล่าเรื่องเกี่ยวกับแม่เสือโคร่งตัวหนึ่ง ลูกมันตายหมด อาจจะเป็นแม่มือใหม่ก็ได้ แล้วมันก็เหงามากจนกระทั่งมันมีอาการเหมือนกับซึมเศร้า
ทางสวนสัตว์ คนเลี้ยงก็เลยหาทางคลายความซึมเศร้าด้วยการเอาลูกหมูมาให้มันเลี้ยง แต่ว่าต้องแต่งตัวลูกหมูให้กลายเป็นลูกเสือ มีเสื้อเป็นลาย ๆ มาพันรอบลูกหมู แล้วให้ลูกหมูทั้ง 5- 6 ตัวมากินนมแม่ใหม่คือแม่เสือ แล้วเขาก็ถ่ายภาพนี้เอาไว้ว่า เสือนี่มันต้องการความรักความผูกพัน ลูกตายมันก็ซึมเศร้า แต่มันจะหายเลยถ้าหากว่ามีลูกคลอกใหม่มาแทนที่
บังเอิญว่าลูกมันไม่ใช่เสือ มันเป็นหมู ลูกหมู แล้วก็ถ่ายภาพ เสือนอนให้ลูกหมูมาดูดนม แต่ลูกหมูแต่งตัวเป็นลูกเสือ ก็เป็นภาพที่แพร่กระจายไปทั่วโลกเลย มันบอกอะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นภาพหรือเรื่องราว
แต่ปรากฏว่าพอเช็คเข้าไปจริง ๆ ภาพน่ะจริง แต่เรื่องราวนี่ไม่จริง มันไม่ถึงขนาดนั้น ภาพนี่เขาถ่ายที่สวนสัตว์เขาเขียว ศรีราชานี่เอง แม่เสือก็ไม่ได้ซึมเศร้าเพราะลูกตายหรอก
แต่ว่าทางสวนสัตว์อยากจะทดลองดูว่าหมูกับเสือมันจะอยู่ด้วยกันได้ไหม ก็เลยลองให้ลูกหมูมากินนมแม่เสือ โดยแต่งตัวให้ลูกหมูเหมือนกับลูกเสือ แม่เสือก็ไม่ได้ซึมเศร้าอะไร แม่เสือก็ไม่ได้รับเอาลูกหมูมาเป็นลูกของตัว เพียงแค่ให้กินนมเท่านั้นแหละ
เช่นเดียวกันในสวนสัตว์นี่เขาก็มีการเอาลูกเสือมากินนมแม่หมู หมูก็ยอมให้ลูกเสือกิน แสดงว่าความเป็นแม่ของเสือกับหมูนี่มันเต็มเปี่ยมเลย แม่เสือก็ยอมให้ลูกหมูกินนม ส่วนแม่หมูก็ยอมให้ลูกเสือมากินนม
เรื่องราวแค่นี้มันก็น่าประทับใจแล้ว เพราะว่าก็เป็นความพยายามของสวนสัตว์ที่อยากจะให้สัตว์ 2 ชนิดซึ่งดูเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน มันจะมีความเป็นเพื่อนกันได้ไหม เรื่องราวก็มีเท่านี้ แต่ว่ามันไม่ได้ไปถึงขั้นว่าแม่เสือซึมเศร้าเพราะเสียลูก แล้วตอนหลังก็รับเอาลูกหมูมาเป็นลูก อันนั้นมันดีเกินไป แต่ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ว่าภาพที่ถ่ายเรื่องราวมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น
แต่ว่าคนก็คิดว่าเรื่องราวที่เล่าเป็นเรื่องจริง ที่จริงมันเติมแต่ง เขาไม่รู้ว่ามีการเติมแต่งก็เลยแพร่กระจายไปทั่ว แต่ว่าถึงแม้ความจริงมันจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่ว่ามันก็น่าทึ่งเหมือนกัน เพราะว่าความเป็นแม่จะว่าไปแล้ว
มันก็ไม่มีเส้นแบ่ง เพราะฉะนั้นแม่เสือก็ยอมให้ลูกหมูมากินนมของตัวได้ ส่วนแม่หมูก็ยอมให้ลูกเสือมากินนมของตัวเองได้ ไม่ได้มีความรังเกียจ กลัว หรือว่าอยากจะขย้ำอะไรเลย
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับธรรมชาติของสัตว์ซึ่งเรายังไม่ค่อยรู้ แต่บางอย่างเราก็ต้องตรวจสอบด้วย ไม่ใช่ว่าได้เห็นข่าวเห็นภาพแล้วจะเชื่อเลย เดี๋ยวนี้ต้องเช็คเพราะว่ามันก็มีการเติมแต่งเยอะมาก เรื่องโคโค่นี่อาตมาก็เช็คแล้วว่าเรื่องจริง เพราะฉะนั้นที่อาตมาเล่าก็ต้อง หรือจะเผยแพร่ไปให้ใคร จะแชร์ไปที่ไหน ก็ต้องเช็คก่อนว่ามันจริงหรือเปล่า บางทีภาพจริงแต่ว่าเรื่องที่เล่ามันไม่จริง มันเติมแต่งก็ได้ ฉะนั้นต้องระวัง.