PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • อย่าสิ้นศรัทธาในพระรัตนตรัย
อย่าสิ้นศรัทธาในพระรัตนตรัย รูปภาพ 1
  • Title
    อย่าสิ้นศรัทธาในพระรัตนตรัย
  • เสียง
  • 13995 อย่าสิ้นศรัทธาในพระรัตนตรัย /aj-visalo/2025-07-16-09-05-00.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันพุธ, 16 กรกฎาคม 2568
ชุด
ธรรมะสั้นๆ ก่อนอาหารเช้า 2568
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันอาสาฬบูชา 10 กรกฎาคม 2568

    วันนี้ญาติโยมพุทธบริษัทมากันพร้อมพรั่งเต็มศาลา แล้วก็มาทำบุญด้วยการใส่บาตรถวายสังฆทาน เพราะรู้ว่าวันนี้เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา ปีหนึ่ง ๆ ก็มีวันสำคัญทางพุทธศาสนาไม่กี่วัน และวันอาสาฬหบูชาก็เป็นวันหนึ่ง เป็นวันที่เตือนให้เรารำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในพุทธศาสนา เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้พุทธศาสนามีสิ่งที่เรียกว่ารัตนตรัย ครบองค์ 3 เรียกว่าพระรัตนตรัย หรือไตรรัตน์ คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่ก่อนพุทธศาสนายังมีไม่ครบก่อนหน้านั้น มีแต่พระพุทธมีแต่พระธรรม วันอาสาฬบูชาสืบเนื่องกับเหตุการณ์วันเพ็ญเดือน 8 ที่ทำให้มีพระสงฆ์เกิดขึ้นมาเป็นครั้งแรกในโลก

    ศาสนาพุทธถ้าหากว่ามีไม่ครบองค์ 3 ก็ยังถือว่าไม่สมบูรณ์ แต่ว่าพุทธศาสนามีครบองค์ 3 แล้วชาวพุทธเราก็ต้องนับถือให้ครบด้วย คือนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นับถือนี่ไม่ใช่นับถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะดลบันดาลให้ประสบโชคลาภ แต่ว่านับถือในทางที่เป็นสรณะ เรียกว่า สรณะอันประเสริฐ สรณะแปลว่าที่พึ่ง หรือจะเรียกว่าเป็นที่นำทางก็ได้ เป็นเครื่องนำทางการดำเนินชีวิต จึงจะเรียกว่าเป็นที่พึ่ง ไม่ใช่ที่พึ่งที่ทำให้อบอุ่นใจสบายใจแล้วแล้วก็งอมืองอเท้าไม่ทำอะไรเพราะคิดว่าปลอดภัยแน่นอน ที่พึ่งในที่นี้หมายถึงว่า เป็นเครื่องกำกับการดำเนินชีวิต เพื่อให้เกิดความเจริญงอกงาม

    คนเราชีวิตจะเจริญงอกงามได้ต้องมีสรณะ 3 ประการ
    ประการแรกคือ พระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นพระบรมศาสดาของเรา เรานับถือพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ แปลว่าเราเป็นศิษย์มีครู ศิษย์มีครูหมายความว่าอะไร หมายความว่ามีครูที่จะชี้นำแนวทางการดำเนินชีวิต พระพุทธเจ้าไม่ใช่ผู้วิเศษ แต่เป็นผู้ที่ตรัสรู้ธรรม เมื่อพระองค์ตรัสรู้ธรรมเราก็ต้องนำเอาธรรมะของพระองค์ไปปฏิบัติ ด้วยความเชื่อว่าการพ้นทุกข์มันเป็นไปได้ เพราะว่าพระพุทธเจ้านี่เป็นแบบอย่างมาแล้ว แสดงให้เราเห็นแล้ว ไม่ใช่แค่รู้ธรรมเฉย ๆ แต่ว่าเอาธรรมะมาปฏิบัติจนพ้นทุกข์ เป็นอิสระในจิตใจ อันนี้ก็คือเจริญรอยตามพระพุทธเจ้า นำเอาพระธรรมของพระองค์ไปปฏิบัติ

    ส่วนพระธรรมที่พระองค์ทรงค้นพบเราก็มาศึกษา ศึกษาอย่างเดียวด้วยการอ่านอย่างเดียวไม่พอ ด้วยการฟังอย่างเดียวไม่พอ ต้องไปปฏิบัติ มีปัญหาชีวิตอะไร มีความทุกข์อะไรก็เอาธรรมะมาใช้แก้ไขปัญหาชีวิต ต้องการความสุขความเจริญก็เอาธรรมะมาปฏิบัติเพื่อให้เกิดความสุขความเจริญ

    ส่วนพระสงฆ์ก็หมายถึงผู้ที่ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วก็เห็นผลคือความพ้นทุกข์ พระสงฆ์ในที่นี้ท่านหมายถึงอริยสงฆ์ ไม่ใช่สมมติสงฆ์ สมมติสงฆ์ก็คือคนที่โกนหัว ห่มเหลือง อันนี้เรียกว่าสมมติสงฆ์ แต่พระอริยสงฆ์หมายถึงหมู่ชน ทั้งภิกษุ ทั้งภิกษุณี ทั้งอุบาสก อุสาสิกาที่ได้บรรลุธรรม นำเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติแล้วก็บรรลุธรรม เห็นผล เป็นเครื่องชี้ว่า การปฏิบัติธรรมเพื่อบรรลุธรรมเพื่อพ้นทุกข์นี่เป็นไปได้ มีสมมติสงฆ์เป็นแบบอย่าง และเราเองก็ควรจะตั้งจุดมุ่งหมายว่า เราจะทำความเพียรเพื่อบรรลุธรรม เจริญรอยตามพระอริยสงฆ์เหล่านั้นด้วย อันนี้คือการนับถือพระสงฆ์อย่างถูกต้อง ไม่ใช่แค่กราบไหว้บูชา แต่ว่าตั้งใจว่าจะน้อมนำคำสอนท่านมาปฏิบัติ จนกระทั่งได้เห็นผลคือพ้นทุกข์ หรือว่าทุกข์เบาบาง

    ถ้าเราปฏิบัติอย่างถูกต้องกับสรณะทั้ง 3 คือพระรัตนตรัย เราก็จะมีแต่ความสุขความเจริญถ้าเรากราบไหว้พระพุทธเจ้า บูชาพระสงฆ์ แต่ว่าไม่ปฏิบัติธรรม เราก็ไม่ประสบความสุขความเจริญ และการนับถือพระสงฆ์ก็ต้องนับถือด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องว่าพระสงฆ์ในที่นี้คืออริยสงฆ์ ผู้พ้นทุกข์แล้ว อาจจะพ้นทุกข์ในระดับต้นเรียกว่า โสดาบัน ถ้าพ้นทุกข์อย่างสิ้นเชิงก็เรียกว่า อรหันต์ ไม่ใช่สมมติสงฆ์ สมมติสงฆ์ก็เป็นปุถุชนคนธรรมดาที่โกนหัวห่มเหลือง อาจจะมีนิสัยใจคอเหมือนปุถุชน อาจจะมีการปฏิบัติที่พลั้งพลาดได้ ช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้ โดยเฉพาะช่วงอาทิตย์สองอาทิตย์ที่ผ่านมา หรือแม้กระทั่งเมื่อวานก็มีข่าวคราวเกี่ยวกับพระสงฆ์ที่ทำให้หลายคนเกิดความเสื่อมศรัทธา จะเสื่อมศรัทธาในพระสงฆ์ที่เป็นสมมติสงฆ์นี่ก็ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องความสมัครใจ จะนับถือไม่นับถือก็ได้ แต่ว่าอย่าเสื่อมศรัทธาในพระรัตนตรัย อันนี้สำคัญมาก

    จะไม่นับถือพระสงฆ์ที่นุ่งห่มเหลืองก็ได้ แต่ว่าอย่าเสื่อมศรัทธา ละทิ้งพระรัตนตรัย

    เพราะว่าพระรัตนตรัยจะเป็นเครื่องนำพาชีวิตเราให้ประสบความสุขความเจริญ รวมทั้งการนับถือพระอริยสงฆ์ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เดี๋ยวนี้เราเข้าใจผิด ไม่เข้าใจ เราเข้าใจว่าใครที่นุ่งเหลืองโกนหัวแล้วเป็นสงฆ์ในพระรัตนตรัย อันนั้นไม่ใช่ เพราะฉะนั้นเมื่อมีข่าวคราวที่ไม่สู้ดีเกี่ยวกับพระภิกษุสงฆ์ หลายคนก็เสื่อมศรัทธา บอกว่าจะไม่นับถือพระแล้ว ไม่นับถือพระก็ไม่เป็นไรแต่ว่าขอให้นับถือพระรัตนตรัย แล้วขณะเดียวกันก็อย่าไปโกรธเกลียดพระที่เป็นข่าว เพราะอะไร เพราะถ้าเราโกรธเกลียด จิตใจเราก็จะหม่นหมอง เห็นพระมาบิณฑบาตผ่านหน้าบ้าน ถ้าเรามีความโกรธเกลียด จิตใจเราก็เศร้าหมองแต่เช้าเลย และนี่เหตุผลที่เราต้องปฏิบัติธรรม เพราะว่าข่าวคราวที่เกิดขึ้นนี่แสดงให้เห็นเลยว่าเป็นเพราะการปฏิบัติธรรมของบุคคลเหล่านั้นย่อหย่อน เพียงแค่ห่มจีวรอย่างเดียวไม่พอ ต้องปฏิบัติธรรมด้วย ฉะนั้นถ้าเราเอาบุคคลเหล่านั้นเป็นเครื่องเตือนใจให้ไม่ประมาท เราก็จะได้ประโยชน์ เพราะขนาดเป็นพระ มีคนกราบไหว้ มีผ้าเหลืองห่ม ก็ยังพลาดพลั้งได้ อันนี้เตือนใจให้เรารู้ว่าการปฏิบัติธรรมสำคัญ เพราะถ้าไม่ปฏิบัติธรรมแล้วก็อาจจะพลั้งพลาด

    ที่จริง ความไม่ประมาท นี่ก็เป็นธรรมข้อหนึ่ง เมื่อเราเจอเหตุการณ์แบบนี้ แทนที่เราจะเกิดความโกรธความเกลียด แทนที่เราจะเกิดความสะใจ แล้วเราเอามาเตือนใจเราว่า เออ..ถ้าเราไม่ระมัดระวัง เราก็อาจจะเป็นแบบนั้น ถึงแม้เราจะเป็นฆราวาสถ้าเราประมาทเราก็อาจจะพลาดพลั้งเรื่องผู้หญิง อาจจะพลาดพลั้งเรื่องผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกัน หรือไม่ก็พลาดพลั้งเรื่องเหล้ายา ยาเสพติด หลายคนที่ไม่คิดว่า หรือไม่น่าจะติดเหล้าก็กลายเป็นคนติดเหล้า เป็นโรคสุราเรื้อรังได้ บางคนดูเหมือนนิสัยดี แต่ว่าติดยาเสพติดจนกลายเป็นอันธพาลก็มีเยอะ ถ้าเราประมาทพลาดพลั้ง แม้จะเป็นฆราวาสก็อาจจะติดการพนันจนหมดเนื้อหมดตัวได้ เป็นเงินเยอะเดี๋ยวนี้ ติดพนันออนไลน์จนโงหัวไม่ขึ้น หรือมิเช่นนั้นก็พลาดพลั้งจนกระทั่งทุจริตคอร์รัปชัน พวกนี้มันเป็นเครื่องเตือนใจเราว่า อย่าประมาท แล้วเราจะไม่พลั้งพลาดได้ก็เพราะเรามีธรรมะ เมื่อเราเอาธรรมะมาปฏิบัติ พยายามเจริญ ทำให้เกิดขึ้นในตัวเรา ในจิตใจของเรา เช่น มีสติ เราก็จะรู้จักอดทน อดกลั้น ไม่พลั้งเผลอตกอยู่ในอำนาจของความโลภ อำนาจของราคะ อำนาจของโทสะ

    โทสะนี่ก็สำคัญ บางทีคู่รักรักกันดูดดื่มในปีแรก ๆ ผ่านไปไม่กี่ปี ฆ่ากันตายเสียแล้ว ผู้ชายฆ่าผู้หญิง หรือไม่อย่างนั้นผู้หญิงก็ฆ่าผู้ชาย หรือผู้ชายก็ฆ่าผู้ชาย ผู้หญิงฆ่าผู้หญิงด้วยความหึงหวง คนเคยรักกันแท้ ๆ แต่ก็กลายเป็นผู้ร้ายฆ่ากัน นี่เพราะความพลั้งเผลอ เพราะขาดธรรมะเป็นเครื่องรักษาใจ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี่อย่ามองว่ามันเป็นเรื่องของคนอื่น เอามาเตือนใจตัวเราเองว่า ขนาดพระมีผ้าเหลืองห่มคลุม ผ้าเหลืองก็ยังรักษาเอาไว้ไม่ได้ ขนาดรู้ธรรมะขนาดประโยค 9 ประโยค 5 ก็มี รู้ธรรมะขนาดนั้นก็ยังพลั้งเผลอ แล้วเรารู้ธรรมะอาจจะน้อยกว่าท่านเหล่านั้น เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเราจะไม่พลาด เราจะไม่พลั้ง แล้วถ้าเราเข้าใจแบบนี้ เราก็จะนึกสงสารคนที่เขาประมาทพลาดพลั้งว่าเป็นเพราะเขาย่อหย่อนในการปฏิบัติธรรม เขาก็เลยต้องประสบเคราะห์กรรม ความโกรธความเกลียดก็จะน้อยลง แล้วก็เกิดความเมตตามากขึ้น แล้วก็ถือเอาคนเหล่านั้นเป็นครู สอนให้เราหมั่นเอาธรรมะมาปฏิบัติ อย่างน้อยก็ให้มีสติ เกิดปัญญ

    เกิดปัญญาว่า สุขบางอย่างมันเป็นสุขชั่วคราวแต่มันเป็นทุกข์ยาวนาน การทุจริตบางอย่าง การทำชั่วบางอย่างทำให้แม้จะประสบความสำเร็จ ได้ความสุข แต่ก็เป็นสุขชั่วคราว แล้วก็มีความทุกข์ตามมา หรือทุกข์ยาวนานอย่างที่เป็นข่าว เอาข่าวนี้มาเตือนใจเราว่า ธรรมะเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องน้อมเข้ามาใส่ใจ จะไม่นับถือพระก็ได้ แต่ว่าอย่าทิ้งพระรัตนตรัย และถ้าเรานับถือและปฏิบัติตามพระรัตนตรัย เราก็จะเห็นคนเหล่านั้นเป็นครูสอนเราว่าอย่าประมาท และต่อไปแทนที่เราจะโกรธ เราจะเกลียด เราก็จะขอบคุณที่มาเตือนใจให้เราเกิดความไม่ประมาท และเกิดความเมตตาสงสารที่เขาพลาด เพราะเขาเพลินในความสุขชั่วคราว แต่แล้วต้องเจอทุกข์ยาวนาน นี่แหละเป็นสิ่งที่เตือนใจเราว่า วันสำคัญแบบนี้เราต้องน้อมใจมานำพระรัตนตรัยมาเป็นสรณะของชีวิตให้ได้ 

    อย่าเพียงแค่นับถือด้วยการบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียน แต่ว่าต้องบูชาด้วยการปฏิบัติ เรียกว่าปฏิบัติบูชา แล้วชีวิตเราก็จะมีความสุขความเจริญ

    เอาข่าวคราวทั้งหลายที่เกิดขึ้นมาเป็นเครื่องเตือนใจให้เกิดความไม่ประมาท จิตใจจะได้เกิดศรัทธาในพระรัตนตรัย จิตใจจะได้เกิดศรัทธาน้อมนำในพระธรรมมากขึ้น ไม่ใช่ว่าพอเจอข่าวคราวแล้วก็ไม่นับถือศาสนาแล้ว อย่างที่อาตมาบอก ไม่นับถือพระก็ไม่เป็นไรแต่อย่าทิ้งพระรัตนตรัยก็แล้วกัน แล้วถ้าปฏิบัติตามพระรัตนตรัย ในที่สุดเราจะพบว่าถ้าเรารู้จักเลือกพระที่ดี รู้จักแยกแยะพระที่ไม่ดี มันก็จะไม่มีปัญหาในการที่จะปฏิบัติด้วยความหลงผิด ด้วยความไม่รู้ จะไม่มีความเสียใจ จะไม่มีความท้อแท้ เพราะอะไรเกิดขึ้นกับเรามันก็เป็นบทเรียนให้กับเราทั้งสิ้น โดยเฉพาะบทเรียนในทางธรรม

    วันนี้ก็เป็นวันอาสาฬหบูชา ใครที่ว่างก็ขอเชิญไปร่วมทำบุญด้วยการเวียนเทียน อันนี้เป็นประเพณีของเราชาวพุทธอยู่แล้ว วัดใกล้บ้านก็ดีหรือวัดที่ศรัทธาก็ดี เห็นผ้าเหลืองในวัดแล้วก็อย่าเสื่อมศรัทธา ขอให้ผ้าเหลืองเหล่านั้นน้อมใจเราให้เกิดศรัทธาในพระรัตนตรัย และปีนี้ก็เช่นเดียวกับปีก่อน ๆ ที่เราจะชักชวนกันให้เวียนเทียนกันด้วยกล้าไม้ ใครที่นำกล้าไม้จากบ้านไปเวียนเทียนในวัดใกล้บ้านได้ก็อนุโมทนา แต่ถ้าไม่มีเวลา วัดหลายวัดที่เราเวียนเทียนเขาจัดเตรียมต้นไม้ให้เราเพื่อร่วมเวียนเทียนเป็นการขอบคุณ ระลึกถึงบุญคุณของต้นไม้ด้วย นอกจากระลึกถึงพระรัตนตรัย

    ใครที่ไม่มีเวลาก็ทำบุญได้ด้วยการเป็นเจ้าภาพต้นไม้ที่จะนำไปเวียนเทียน มูลนิธิปลูกต้นไม้ปลูกธรรมะเขาจัดหากล้าไม้ให้วัดต่าง ๆ นำไปชักชวนญาติโยมให้เวียนเทียน เราก็ร่วมทำบุญกับมูลนิธิได้ เป็นเจ้าภาพต้นไม้ ถือว่าเป็นการทำบุญปลูกต้นไม้ รักษาโลก เพิ่มพื้นที่สีเขียว เป็นการทำบุญในวันอาสาฬหบูชาสำหรับท่านที่ไม่มีเวลาจะไปเวียนเทียน หรือถึงมีเวลาแต่ว่าอยากจะทำบุญให้มากกว่านี้ก็ขอเชิญ.

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service