พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 8 กรกฎาคม 2568
ชายหนุ่มคนหนึ่งมีอาชีพเป็นนักวิ่งราว ถ้าเรียกว่าการวิ่งราวเป็นอาชีพ เหยื่อของแกก็มักจะเป็นหญิงสาวหรือคนแก่ เพราะว่าง่ายที่จะฉกชิงวิ่งราวกระเป๋า ส่วนใหญ่ก็เป็นกระเป๋าสะพาย
มีคราวหนึ่งเห็นรถคันหนึ่งคนขับเป็นผู้หญิง หญิงสาวด้วย ท่าทางมีฐานะเพราะรถก็ดี ก็เลยขี่มอเตอร์ไซค์ตาม จนกระทั่งหญิงสาวคนนี้จอดรถข้างถนน ถนนก็ค่อนข้างโล่งห่างไกลจากตัวเมือง อาจจะอยู่ชานเมือง พอหญิงสาวหยุดรถแล้วก็ลงจากรถ เปิดประตู มิจฉาชีพก็ตรงเข้าไปเลย
แต่หญิงสาวคนนี้เห็นทันก็เลยจับกระเป๋าไว้แน่น กระเป๋าสะพาย โจรพยายามยื้อก็ไม่สำเร็จ หญิงสาวนี่ทำอย่างไร จะหนีเงื้อมมือโจรก็ต้องวิ่ง เธอก็วิ่งวนรอบรถ 2-3 รอบ ก็คงวิ่งเร็วอาจจะเพราะไม่ได้ใส่ส้นสูงด้วย แต่หลังจากวิ่งไปสัก 2-3 รอบรู้ว่าคงจะวิ่งต่อไม่ไหว เหนื่อย สู้นักวิ่งราวคนนี้ไม่ได้
เธอทำอย่างไร เธอโยนเลย กระเป๋าสะพายโยนไปข้างหน้า โยนไปไกล ๆ เลย โจรคนนั้นซึ่งขี่มอเตอร์ไซค์ตามเธออยู่ พอเห็นกระเป๋าลอยไปไกลก็หยุดรถอยู่ข้าง ๆ รถของเธอ แล้วก็ลงจากมอเตอร์ไซค์เพื่อวิ่งไปเอากระเป๋า สำเร็จ ผู้หญิงคนนั้นพอโยนกระเป๋าเสร็จแกก็เดินกลับมาที่รถของตัว ก็ฉุกใจเห็นมอเตอร์ไซค์ของมิจฉาชีพ เธอทำอย่างไร เธอไปเอากุญแจรถมอเตอร์ไซค์คันนั้น ดึงออกมาแล้วเธอก็เข้าไปในรถของเธอ เตรียมจะขับหนี
แต่ว่ามิจฉาชีพกลับมาทัน ตอนแรกนี่ก็คิดแต่ว่าจะขี่มอเตอร์ไซค์หนี ได้เงินแล้ว ได้ทรัพย์แล้ว แต่พอไปถึงมอเตอร์ไซค์ปรากฏว่าไปไม่ได้เพราะว่าสตาร์ทรถไม่ติด จะสตาร์ทติดอย่างไร กุญแจมันอยู่กับผู้หญิง หนุ่มคนนั้นก็พยายามเข้าไปในรถ เอามือล้วงเพื่อที่จะเปิดประตูรถ แต่ว่าผู้หญิงเธอก็ไว เธอก็รีบเลื่อนกระจกรถ เหลือช่องอยู่นิดเดียวที่กระจกรถ ชายคนนั้นก็ลอดมือเข้าไป ปรากฏว่าโดนกระจกรถบีบเอาไว้
จะดึงแขนออกก็ดึงไม่ออก ผู้หญิงคนนั้นทีแรกก็สตาร์ทรถแล้ว แล้วก็ค่อย ๆ เคลื่อนไป หนุ่มคนนั้นก็วิ่งเพราะว่าแขนติดอยู่กับรถ แต่ว่าพอเธอเคลื่อนรถไปได้สักพักเธอก็หยุด ลงจากรถออกทางอีกประตูหนึ่ง แล้วก็โทรศัพท์เรียกตำรวจ มิจฉาชีพมันก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเรียกตำรวจ แต่หนีออกไปไม่ได้เพราะมือติดหน้าต่างรถ ดึงอย่างไรก็ดึงไม่ออก พยายามใช้ความรุนแรงอย่างไรก็ทำไม่สำเร็จ สุดท้ายก็ถูกตำรวจรวบตัว
ผู้หญิงคนนี้ถือว่านอกจากใจเด็ดแล้วก็มีสติด้วย สติทำให้เธอเปลี่ยนจากการเป็นเหยื่อ เพลี่ยงพล้ำมิจฉาชีพ กลายเป็นว่ามิจฉาชีพกลับเพลี่ยงพล้ำเธอแทน อันนี้เพราะว่าเธอมีสติ แต่ที่เธอมีสติได้นี่เพราะอะไร เพราะว่าเธอไม่เสียดายกระเป๋า ถ้าเธอเสียดายกระเป๋า ไม่ยอมสูญเสียกระเป๋าเลย เธอจะไม่มีสติ จะพยายามรักษากระเป๋าให้ได้ แต่นี่เธอเห็นแล้วว่ายอมเสียกระเป๋าดีกว่าเสียอย่างอื่น
อันนี้ก็เรียกว่าตรงกับพุทธภาษิต สละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ สละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต เธออาจจะมองว่าสละกระเป๋าดีกว่า อย่างน้อยก็ยังรักษารถเอาไว้ได้ คนบางคนไม่ยอมสละกระเป๋า หวง ยึดกระเป๋าไว้ ก็เลยไม่มีสติเลย ไม่สามารถที่จะหาทางหนีทีไล่ได้ แต่เธอไม่เสียดายกระเป๋าอย่างน้อยก็ถือว่าสละกระเป๋าเพื่อรักษารถเอาไว้
แต่บังเอิญพอเดินกลับมาที่รถ เห็นมอเตอร์ไซค์ของชายคนนั้นนี่มันจอดนิ่งแล้วมีกุญแจคาอยู่ เธอก็เลยได้คิดเลยว่า อย่างนั้นก็จัดการกับชายหนุ่มคนนี้เสียเลย มิจฉาชีพคนนี้เสียเลย ยึดกุญแจรถ ไปไหนไม่ได้
ชายหนุ่มคนนั้นพอกลับมาแล้ว ได้กระเป๋าแล้ว แต่ว่าไม่อยากเสียรถ ตรงข้ามผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงยอมสละกระเป๋าเพื่อรักษารถ แต่ชายหนุ่มคนนั้น มิจฉาชีพคนนั้นได้กระเป๋าแล้ว ไม่ยอมเสียรถ พยายามเอารถคืนให้ได้ สุดท้ายก็เลยถูกตำรวจจับ มันเป็นเหตุที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้รอดพ้นจากอันตรายได้
เรื่องนี้มันก็เป็นเหตุการณ์ที่สามารถจะเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะคนมีรถ หรือถึงไม่มีรถแต่ก็ต้องอดไม่ได้ที่ต้องเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่คอยวิ่งราวเอากระเป๋า เอาทรัพย์สมบัติไป สิ่งสำคัญคือมีสติ แต่จะมีสติได้มันก็ต้องรู้จักปล่อยรู้จักวางบ้าง เพราะว่าในสถานการณ์จวนตัวแบบนั้นถ้ายังเสียดายเงิน เสียดายกระเป๋า ก็อาจจะเดือดร้อน
แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่เลย แกคิดไว้แล้วว่าเสียกระเป๋าแต่รักษารถเอาไว้ดีกว่า หรืออาจจะคิดไปถึงขั้นว่าเสียกระเป๋าแต่รักษาชีวิต แต่บางคนยึดมั่นถือมั่นกับทรัพย์สมบัติมาก บางทียอมรักษาทรัพย์แต่ว่าเสียชีวิต อันนี้ก็เพราะว่าไปยึดมั่นถือมั่นว่า ทรัพย์ของกู ๆ ก็เลยยอมตายเพื่อมัน แทนที่จะสละมันเพื่อรักษาชีวิต
คนเราเวลาเจอเหตุการณ์วิกฤติแบบนี้ สติสำคัญมาก ความรู้จะมีมากแค่ไหน จบปริญญาเอก แต่ถ้าไม่มีสติก็พลาดท่าเสียที ไม่ใช่แค่เสียทรัพย์บางทีก็เสียอย่างอื่นไปด้วย เสียรถ เสียชีวิต แต่ผู้หญิงคนนี้ความที่มีสติก็กลายเป็นว่านอกจากไม่เสียรถแล้วยังไม่เสียทรัพย์ด้วย แถมจับผู้ร้ายได้
ครองสติให้ได้ ตั้งสติให้ดี เผื่อใจไว้ด้วยก็ดีว่าอาจจะต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้วันใดวันหนึ่งก็ไม่รู้ อันนี้เรียกว่าระวัง แต่ระวังอย่าให้มากจนกลายเป็นระแวง เพราะถ้าระแวงนี่ประสาทเสียเลย เห็นใครอยู่ใกล้ ๆ ก็ระแวงว่าเป็นมิจฉาชีพ อันนี้ก็เรียกว่าระแวงเกินเหตุ ระแวงมาก ๆ ก็ทำให้ประสาท การไม่ประมาทดีแล้ว
คนเราไม่ควรจะประมาท ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท แต่ต้องระวังอย่าให้ความไม่ประมาทนี่กลายเป็นความประสาทไป เป็นกันเยอะเพราะว่าจากระวังกลายเป็นระแวง พอระแวงก็เลยประสาทเลย ประมาทก็ไม่ดี ประสาทก็ไม่ถูก
แล้วถ้าหากว่าเรามีสติรู้ว่าอะไรสำคัญมากสำคัญน้อยระหว่างการเสียทรัพย์กับการรักษาชีวิต อย่างไหนสำคัญกว่า ต้องรู้ แต่ถ้าเกิดว่าไม่มีสติเพราะว่าไปยึดมั่นถือมั่นกับทรัพย์มาก จนกระทั่งไม่รู้ว่าอะไรสำคัญอะไรไม่สำคัญ อะไรสำคัญน้อยอะไรสำคัญกว่า
ผู้หญิงคนนี้แกยอมเสียกระเป๋าเพื่อรักษาชีวิตแล้วเพื่อรักษารถ ตรงข้ามกับผู้ร้ายมิจฉาชีพได้กระเป๋าแล้วก็ยังไม่ยอมเสียรถ ถ้ายอมเสียรถมอเตอร์ไซค์ หนีไปเสียเลยก็อาจจะรอด ได้ทั้งกระเป๋าได้ทั้งอิสรภาพ แต่นี่เพราะว่าได้กระเป๋าแล้วไม่ยอมเสียมอเตอร์ไซด์ ก็เลยพลาดท่าเสียทีถูกตำรวจจับในที่สุด.