PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • งอกงามได้เพราะอาศัยกัลยาณมิตร
งอกงามได้เพราะอาศัยกัลยาณมิตร รูปภาพ 1
  • Title
    งอกงามได้เพราะอาศัยกัลยาณมิตร
  • เสียง
  • 13983 งอกงามได้เพราะอาศัยกัลยาณมิตร /aj-visalo/2025-07-01-09-14-20.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันอังคาร, 01 กรกฎาคม 2568
ชุด
ธรรมะสั้นๆ ก่อนอาหารเช้า 2568
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • Tags
    กัลยาณมิตร
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 25 มิถุนายน 2568

    ในสมัยพุทธกาล มีมานพหนุ่มคนหนึ่งชื่อ 'ภารทวาชะ' ความรู้ดี โดยเฉพาะวิชาไตรเพท ซึ่งเป็นวิชาในลัทธิพราหมณ์ เลยตั้งตนเป็นเจ้าสำนักสอนชายหนุ่มที่สนใจลัทธิไตรเพท หรือไตรเวท แต่ภารทวาชะเป็นคนที่โลภในการกิน ไม่รู้จักประมาณในการบริโภค พูดง่าย ๆ คือ เห็นแก่กิน เพราะฉะนั้น ลูกศิษย์ลูกหาก็ไม่ค่อยศรัทธาเท่าไร อยู่ไป ๆ ลูกศิษย์ค่อย ๆ หายไปทีละคนสองคน ไม่มีรายได้ ความเป็นอยู่ฝืดเคือง เลยย้ายไปตั้งสำนักใหม่ที่อื่น แล้วก็มีปัญหาเดียวกัน เพราะความที่ตัวเองเห็นแก่กิน ลูกศิษย์เลยไม่ศรัทธาและหดหายไป ความเป็นอยู่ลำบากฝืดเคือง

    ตอนหลังได้ทราบว่า หรือเห็นกับตาด้วยซ้ำว่า พระภิกษุในพุทธศาสนาความเป็นอยู่ไม่ค่อยฝืดเคือง บิณฑบาตเมื่อไรก็ได้อาหารไปขบฉัน ภารทวาชะเห็นเลยอยากจะมาบวชในพุทธศาสนา จะได้ไม่ลำบากเหมือนแต่ก่อน และเผอิญได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าก็เกิดศรัทธา แต่ว่าแรงจูงใจหลักคงจะเป็นว่า มาบวชเป็นพระในพุทธศาสนาแล้วอยู่สบาย ไม่ฝืดเคืองเหมือนแต่ก่อน แต่พอมาบวชแล้วได้ฟังธรรมคำสอนจากพระพุทธเจ้า ได้เห็นแบบอย่างจากพระองค์ และจากพระอรหันต์หลายท่าน เกิดศรัทธาตั้งมั่น ทำความเพียร จนกระทั่งได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์

    แต่ว่าเรื่องราวของท่านไม่ได้จบแค่นั้น เพราะว่าตอนที่ท่านอยู่ที่ราชคฤห์ เมืองราชคฤห์มีเศรษฐีคนหนึ่งทำบาตรไม้จันทน์แดง เป็นบาตรอย่างดี ปรากฏว่าเจ้าสำนัก 6 สำนักนอกพุทธศาสนาที่เราเรียกว่า อัญญเดียรถีย์ เช่น สัญชัยปริพาชก นิครนถ์นาฏบุตร อยากได้บาตรประดับบารมี ขอจากเศรษฐี แต่เศรษฐีบอกว่า ถ้าอยากได้ ข้าพเจ้าจะนำบาตรไปตั้งไว้บนยอดเสา และให้ท่านเหาะขึ้นไปนำบาตรนั้นกลับมาเพื่อแสดงว่ามีคุณวิเศษ ปรากฏว่าไม่มีเจ้าสำนักคนใดเลยที่เหาะไปเอาบาตร ผ่านมา 6 วันแล้ว จนกระทั่งวันที่ 7 ชาวเมืองก็ลือกันว่า เจ้าสำนักทั้ง 6 อ้างว่าเป็นพระอรหันต์ แต่ว่าไม่มีความสามารถ ไม่มีคุณวิเศษที่จะเหาะไปเอาบาตรบนยอดเสาได้ แสดงว่าพระอรหันต์ไม่มีในโลกนี้

    ปรากฏว่าพระภารทวาชะได้ฟังแล้ว อยากจะพิสูจน์ว่าจริง ๆ พระอรหันต์มีในโลก เลยเหาะไปเอาบาตรจากยอดเสามาท่ามกลางสายตาของผู้คนจำนวนมากที่รอว่าใครจะมีคุณวิเศษที่ว่า ผู้คนแซ่ซ้องสรรเสริญ และยอมรับว่าพระอรหันต์มีจริงในโลก และนับถือพระภารทวาชะมาก เท่านั้นยังไม่พอ ยังนิมนต์ให้ท่านแสดงปาฏิหาริย์ต่าง ๆ มากมาย อยากเห็น ไม่ได้อยากฟังธรรม แต่อยากเห็น มีเสียงร้องอื้ออึงดังไปถึงพระกรรณของพระพุทธเจ้า พอพระพุทธเจ้าทราบว่าเสียงร้องอื้ออึงเป็นเพราะว่าพระภารทวาชะไปแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ ไปเอาบาตรบนยอดเสา เลยสั่งห้าม บัญญัติเป็นสิกขาบท ห้ามพระแสดงปาฏิหาริย์ เพราะว่าทำให้ญาติโยมไขว้เขว แทนที่จะเกิดศรัทธาในพระธรรมคำสอนก็เกิดศรัทธาสนใจแต่เรื่องปาฏิหาริย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้ช่วยทำให้พ้นทุกข์เลย

    อันนี้เลยเป็นที่มาของสิกขาบทข้อนี้ และทำให้ท่านภารทวาชะมีชื่อว่า 'ปิณโฑลภารทวาชะ' แต่ว่าชื่อนี้ยาว เลยเรียกสั้น ๆ ว่าพระปิณโฑละ เป็นพระอรหันต์ที่มีชื่อในสมัยพุทธกาล เพราะว่าท่านเป็นเอตทัคคะด้วย เอตทัคคะ คือ มีความพิเศษกว่าพระอรหันต์รูปอื่น เป็นเอตทัคคะด้านบันลือสีหนาท เพราะท่านมีความมั่นใจมากในความเป็นพระอรหันต์ เรื่องราวของท่านเป็นตัวอย่างของพระอรหันต์ที่ไม่ได้มาบวชเพราะศรัทธาจริง ๆ ในพุทธศาสนา ไม่ได้ศรัทธาในพระธรรม แต่เพราะอยากสบาย พื้นเพคือนิสัยโลภในอาหาร หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า เห็นแก่กิน เห็นว่าพระในพุทธศาสนามีกินไม่ขาด เลยอยากจะมาบวช แต่บวชแล้วปรากฏว่าได้ศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมวินัย จนกระทั่งได้บรรลุเป็นพระอรหันต์

    มีพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลเยอะที่ไม่ได้บวชทีแรกเพราะศรัทธา อย่าง 'พระอนุรุทธะ' เป็นพระญาติของพระพุทธเจ้า อยู่ในตระกูลศากยวงศ์ ที่มาบวชเพราะว่าไม่อยากทำงาน เรื่องของเรื่องคือว่าพี่ชาย พระมหานามะ เป็นกษัตริย์ และภายหลังได้ข่าวว่าพระญาติของพระพุทธเจ้าออกบวชตามเสด็จพระพุทธเจ้าเป็นจำนวนมาก พระมหานามะเลยบอกว่า ตระกูลเรายังไม่มีใครออกบวชเลย น่าจะมีใครสักคน ไม่เราก็น้องชาย น้องชายคือ พระอนุรุทธะ

    พระอนุรุทธะถามว่า "บวชนี้เป็นอย่างไร ต้องทำอย่างไรบ้าง" ก็ตอบว่า "ต้องโกนหัว ต้องห่มจีวร ต้องนอนพื้นดิน ต้องบิณฑบาต" 
    "โอย ไม่เอา ลำบาก" พระมหานามะเลยบอกว่า "ถ้าไม่อยากบวชก็ต้องทำงาน ครองราชย์สมบัติแทนเรา" พระอนุรุทธะถามว่า "ทำงานเป็นอย่างไร"
    พอพระมหานามะจำแนกว่างานมีอะไรบ้าง แจกแจง พระอนุรุทธะบอก "โอย ไม่ไหว บวชดีกว่า" บวชเพราะอยากสบาย ไปขอแม่ แม่บอกว่าบวชได้ แต่ต้องมีเพื่อนมาบวชด้วย เพื่อนที่ว่านี้คือ 'พระภัททิยะ' พระอนุรุทธะเลยไปอ้อนวอนพระภัททิยะว่า บวชเถิด เราจะได้บวชด้วย พระภัททิยะขัดเพื่อนไม่ได้ ไม่กล้าปฏิเสธเพื่อน เลย เอา..บวชก็บวช ไม่ได้บวชด้วยศรัทธา พระอนุรุทธะบวชเพราะว่าไม่อยากทำงาน ไม่อยากรับภาระแทนพี่ชาย

    เช่นเดียวกัน 'พระนันทะ' ก็บวชเพราะว่าไม่กล้าปฏิเสธพระพุทธเจ้า นิมนต์พระพุทธเจ้ามางานแต่งงาน และพระพุทธเจ้าพอฉันเสร็จก็ให้พระนันทะอุ้มบาตร ทีแรกนึกว่าพระพุทธเจ้าจะมารับบาตรคืนตอนที่ออกจากพระราชวัง ปรากฏว่าออกจากราชวังแล้วยังไม่รับบาตรคืนจนกระทั่งไปถึงสำนักของพระองค์ พอไปถึงก็ชวนให้พระนันทะบวช พระนันทะปฏิเสธไม่ได้ ไม่กล้าปฏิเสธ เลยบวชด้วยความจำใจ ทั้งที่ว่าที่ภรรยารออยู่

    จะเห็นได้ว่า ทั้ง 3 รูปไม่ได้ตั้งใจบวช แต่สุดท้ายก็ได้เป็นพระอรหันต์ เป็นธรรมดาที่คนที่มาบวชในพุทธศาสนาที่ไม่ได้ศรัทธามีเยอะ แต่ว่าภายหลังกลับเจริญงอกงามในทางธรรม เป็นพระอรหันต์ เพราะอะไร เพราะว่ามีกัลยาณมิตร มีพระพุทธเจ้า มีครูบาอาจารย์ มีคณะสงฆ์ที่ช่วยกล่อมเกลาให้เกิดศรัทธา ทำให้เกิดกำลังใจในการปฏิบัติ เพราะฉะนั้น เวลาเราเจอใครที่มาบวชพระเพราะไม่ได้มีศรัทธา ไม่ได้ตั้งใจบวช บวชตามประเพณี บวชเพราะอยากสบาย อย่าไปสิ้นศรัทธาหรือหมดหวังว่าเป็นพระที่ไม่ได้ตั้งใจบวช อยู่ไปนาน ๆ อาจจะกลายเป็นพระดี กลายเป็นผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นครูบาอาจารย์ก็ได้
    แต่ทั้งนี้นั้นขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม เช่น คณะสงฆ์ เช่น คณะครูบาอาจารย์ ถ้ามีคณะสงฆ์ดี มีครูบาอาจารย์ มีกัลยาณมิตรดี อาจจะทำให้เกิดความเพียรในการปฏิบัติจนเกิดคุณวิเศษ หรือว่าบรรลุธรรม เกิดปัญญาขึ้นมาได้

    อันนี้คือสิ่งที่ AI ทำไม่ได้ หลายคนกลัวว่า AI จะมาแทนครูบาอาจารย์ในพุทธศาสนา เพราะ AI รู้ดีกว่าครูบาอาจารย์ แต่ว่าคนเราจะเจริญงอกงามในทางธรรมได้ แค่ความรู้อย่างเดียวไม่พอ ต้องมีกัลยาณมิตรด้วย ที่จะช่วยเป็นแบบอย่างแห่งการปฏิบัติ แนะนำคำสอน รวมทั้งคอยชี้ชวน ให้กำลังใจ และตักเตือน AI ทำได้อย่างมากคือ ให้คำสอนที่ถูกต้อง สมมติว่าถูกต้อง แต่ว่าเป็นแบบอย่างให้ไม่ได้ อาจจะชักชวนให้ปฏิบัติธรรมได้ แต่ว่าไม่สามารถให้กำลังใจ หรือว่าตักเตือน เพราะฉะนั้น การที่คนเราจะเจริญงอกงามในทางธรรมยังต้องมีครูบาอาจารย์ มีกัลยาณมิตร ซึ่ง AI เก่งแค่ไหน ดีแค่ไหนก็ทำแทนไม่ได้ บางอย่างก็ทำไม่ได้เลย เช่น การเป็นแบบอย่าง เพราะมันอยู่ในมือถือ มันอยู่ในคอมพิวเตอร์ มันไม่ได้เป็นแบบอย่างที่เห็นได้จากจริยาวัตรของครูบาอาจารย์ที่เราเห็นกับตา

    เพราะฉะนั้น ไม่ว่าโลกจะพัฒนาไปเพียงใด AI จะพัฒนาวิเศษเพียงใด เรายังต้องมีครูบาอาจารย์ ต้องมีหมู่มิตร ที่คอยช่วยแนะนำให้เกิดความเจริญงอกงามในชีวิต และโดยเฉพาะในทางธรรม.

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service