PAGODA

  • Create an account
  • Forgot your username?
  • Forgot your password?
or

Connection

Your e-mail is required to ensure the proper functioning of the Website and its services and we make a commitment not to reveal it to third parties

  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก

เข้าสู่ระบบ

  • สมัครสมาชิก
  • ลืมชื่อผู้ใช้?
  • ลืมรหัสผ่าน?

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • ลูกสาวขาขึ้น ลูกชายขาลง
ลูกสาวขาขึ้น ลูกชายขาลง รูปภาพ 1
  • Title
    ลูกสาวขาขึ้น ลูกชายขาลง
  • เสียง
  • 13969 ลูกสาวขาขึ้น ลูกชายขาลง /aj-visalo/2025-06-17-04-37-22.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันอังคาร, 17 มิถุนายน 2568
ชุด
ธรรมะสั้นๆ ก่อนอาหารเช้า 2568
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • ลูกสาวขาขึ้น ลูกชายขาลง
    พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 16 มิถุนายน 2568
    สมัยก่อน คนที่เป็นพ่อเป็นแม่ส่วนใหญ่อยากมีลูกผู้ชาย ไม่ค่อยอยากมีลูกผู้หญิงเท่าไหร่ เพราะอะไร เพราะว่าลูกชายเป็นผู้สืบสกุล พอพ่อแม่แก่ชราลูกชายก็ดูแล ถ้าไม่ได้ดูแลก็เป็นลูกสะใภ้ เพราะฉะนั้นมรดกก็มักจะยกให้ลูกชาย
    แต่ถ้าเกิดว่ามีลูกผู้หญิง ก็ไม่ค่อยมีความดีใจเท่าไหร่ จะตรงข้ามกันเลย ถ้าได้ลูกเป็นผู้ชาย ดีใจมาก จัดฉลอง
    ถ้าเป็นลูกผู้หญิงก็ไม่ค่อยดีใจ รู้สึกเป็นภาระ หากเป็นครอบครัวที่ยากจน บางทีก็หาทางกำจัดลูกผู้หญิงตั้งแต่เป็นทารก หรือไม่ก็พอตอนเด็กๆ ก็ขาย จะได้หมดภาระ
    นั่นคืออดีต แต่ว่าปัจจุบันโลกเริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว ในประเทศที่เคยมีอคติต่อลูกผู้หญิง ไม่ชอบลูกผู้หญิงเริ่มเปลี่ยนไป ปกติตามธรรมชาติจำนวนผู้ชายกับผู้หญิง จะมีสัดส่วนแตกต่างกันเล็กน้อย
    ถ้ามีผู้ชาย 105 ผู้หญิงก็จะมี 100 เรียกว่า 105 ต่อ 100 คืออัตราส่วนที่เป็นปกติ เพราะว่าธรรมชาติผู้ชายตายเร็ว พอถึงอายุวัยเจริญพันธุ์ ผู้ชายกับผู้หญิงมักจะเท่าๆ กัน นี่คืออัตราส่วนตามธรรมชาติ
    และเพราะว่าในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ ในแต่ละประเทศ เช่น จีน หรือเกาหลี ผู้ชายจะมีมากกว่า 30 ปีที่แล้ว ผู้ชายในจีนนี้มีประมาณ 118 ผู้หญิงนี้ 100 ทำไมผู้ชายเยอะ ทำไมผู้หญิงน้อย เพราะว่ามีการหาทางกำจัดผู้หญิงตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เช่น ทำแท้ง เพราะตอนหลังนี้รู้เพศตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ถ้าเกิดว่ารู้ว่าเด็กในท้องนี้เป็นผู้หญิงก็จะหาทางทำแท้ง หรือหาทางกำจัดเมื่อคลอดออกมาแล้ว มันก็เลยทำให้ตัวเลขของผู้ชายในจีนเมื่อ 30-40 ปีที่แล้วนี้ สูงถึง 118 เมื่อเทียบกับผู้หญิง 100 คน
    แต่ว่าตอนนี้แตกต่างกันไม่มากแล้ว จาก 118 ต่อ 100 กลายเป็น 110 ต่อ 100 แล้ว ในเกาหลีก็เหมือนกันแต่ก่อนนี้ 116 ต่อ 100 ผู้ชายกับผู้หญิง อันนี้คือเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้ก็ผู้ชายก็ประมาณ 105 ผู้หญิงก็ 100 ก็เรียกว่าเริ่มเข้าสู่ปรากฏการณ์ปกติแล้ว
    อันนี้เป็นแนวโน้มว่า เดี๋ยวนี้ในประเทศที่เคยยากจนหรือกำลังยากจนอยู่ เช่น อินเดีย หรือบังกลาเทศ หรือจีนด้วยที่เคยมีอคติต่อผู้หญิง ตอนนี้เริ่มลดลงแล้ว แม้จะรู้ว่าลูกเป็นผู้หญิงก็เลี้ยงดูไม่ได้หาทางกำจัด ตอนนี้แนวโน้มเป็นอย่างนี้
    ในขณะเดียวกันในประเทศที่ร่ำรวยนี้ก็มีแนวโน้มว่า พ่อแม่ชอบลูกผู้หญิงมากขึ้น อันนี้ในยุโรป ในอเมริกานี้จะเห็นได้ชัด อย่างเช่น ถ้าหากว่าถ้าถามครอบครัวที่อยากจะมีลูกเพียงคนเดียว และก็อยากจะมีลูกเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย
    ในญี่ปุ่นนี้ 70% เลยบอกว่าขอลูกผู้หญิง ไม่ปรารถนาลูกผู้ชาย ในอเมริกาในสแกนดิเนเวียนี้ซึ่งถ้าถามครอบครัวที่เขามีลูกหลายคน หรืออยากจะมีลูกหลายคน ถ้าลูกคนโตลูกคนแรกนี้เป็นผู้ชาย ส่วนใหญ่ก็บอกว่าอยากได้ลูกคนที่สองเป็นผู้หญิง
    เวลาการรับเลี้ยงลูกบุญธรรมในประเทศเหล่านี้ ส่วนใหญ่ก็จะขอรับเลี้ยงผู้หญิงมาเป็นลูกบุญธรรม เด็กหลอดแก้วก็เหมือนกัน สมัยก่อนนี้พ่อแม่ที่ทำเด็กหลอดแก้วก็อยากได้ลูกผู้ชาย ตอนนี้ส่วนใหญ่อยากได้ลูกผู้หญิงแล้ว อันนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต
    ตอนนี้คนก็เริ่มเห็นแล้วว่า ผู้หญิงนี้ไม่ใช่เป็นภาระ ผู้หญิงก็มีความรู้ มีสติปัญญา แต่ก่อนพ่อแม่อยากได้ลูกผู้ชาย เพราะเห็นว่าผู้ชายฉลาด มีอนาคต ทำงานได้เงินเดือนดี ดีกว่าผู้หญิง
    แต่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว เพราะว่าผู้หญิงนั้นพูดถึงความสามารถทางการศึกษาก็สูงกว่าผู้ชายแล้ว ในอเมริกาในยุโรปผู้หญิง 50% จบปริญญาตรี ในขณะที่ผู้ชายที่จบปริญญาตรีมีแค่ 40% หรือจะดูในอีกด้านคนที่อยู่ในคุกเวลานี้ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์เป็นผู้ชาย ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่เป็นผู้หญิง
    เพราะฉะนั้น พ่อแม่ก็เริ่มเห็นแล้วว่าผู้หญิงไม่ใช่ภาระ ลูกผู้หญิงก็สามารถจะมีอนาคตที่ยาวไกลได้ ในทางตรงข้ามลูกผู้ชายบางทีสร้างภาระ เพราะฉะนั้นถ้าเลือกได้ ในประเทศยุโรปอเมริกาอยากได้ลูกผู้หญิง หรือถ้าจะรับเด็กบุญธรรมก็ขอรับลูกผู้หญิงมาเป็นลูกบุญธรรม
    อันนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เริ่มชัดเจนขึ้นในปัจจุบัน เป็นเพราะอะไร เป็นเพราะผู้หญิงมีโอกาสมากขึ้น มีโอกาสทางการศึกษา ได้เรียนมหาวิทยาลัย และปรากฏว่าตั้งใจเรียนมากกว่า
    ที่จริงผู้หญิงกับผู้ชายความฉลาดก็ไม่ได้แตกต่างกัน เพียงแต่ว่าผู้ชายตอนหลังได้รับการสปอยล์หรือว่าตามใจจากพ่อแม่ สะดวกสบายมากกว่า ผลการเรียนก็เลยย่ำแย่กว่าลูกผู้หญิง การที่ลูกผู้หญิงมีโอกาสทางการการศึกษาเท่าเทียมกับลูกผู้ชาย แต่ว่าไม่ได้ถูกตามใจมาก ก็เลยสามารถประสบความสำเร็จทางการศึกษาได้เด่นชัดกว่าผู้ชาย
    อย่างคนที่จบปริญญาตรี เป็นผู้หญิง 50 กว่าเปอร์เซ็นต์ ผู้ชายมีแค่ 40% และถ้าดูไปถึงปริญญาโทปริญญาเอก เดี๋ยวนี้ผู้หญิงทั้งนั้น ฮาร์เวิร์ดมหาวิทยาลัยชั้นนำ อยู่ระดับปริญญาโทปริญญาเอกส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิง ผู้ชายนี้มีน้อย
    ตอนนี้ก็เลยเกิดปัญหาขึ้นมาว่า ผู้ชายเริ่มไม่พอใจผู้หญิงแล้ว ว่ามีโอกาสดีกว่าทางด้านการเรียน มาแย่งที่เรียนในมหาวิทยาลัย ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีถึงระดับเอก ก็มีความเข้าใจแบบนี้ เกิดความรู้สึกเกลียดชังขึ้นมาแล้ว อิจฉาขึ้นมาเริ่มแล้ว
    แต่ประเด็นก็คือว่าจริงๆ แล้วคนเราถ้ามีโอกาสก็มีความสามารถในการพัฒนา ผู้หญิงถ้ามีโอกาสทางการศึกษาก็จะมีความรู้ได้ไม่น้อยไปกว่าผู้ชาย แต่ที่ผู้ชายถดถอยลงไปก็เพราะว่า สุขสบายมากไป เพราะว่าพ่อแม่ตามใจมากไป การตามใจมากไปก็ไม่ดีมันทำให้เด็กอ่อนแอ
    แต่ในขณะเดียวกันถ้าหากว่าถ้าเราได้โอกาสเท่าเทียมกัน เราก็มีโอกาสที่จะพัฒนาตนได้
    คนเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ก็มีความสามารถในการพัฒนาตนทั้งนั้นแหละ อยู่ที่ว่าจะมีโอกาสหรือเปล่า แต่ในปัจจุบันนี้ผู้หญิงก็มีโอกาสมากขึ้นแม้ว่าจะยังไม่เท่าผู้ชาย แต่ว่าพอได้โอกาสมากขึ้น เขาก็สามารถที่จะพัฒนาตนได้มากขึ้น
    เพราะฉะนั้น คนเรานี้ไม่ว่ายากดีมีจนหรือว่าเป็นเพศใด หรือแม้แต่อยู่บนเขาเป็นชาวป่า ชาวดอย ชาวเขาจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนที่มีฐาทางการเงินดีกว่า ขอแต่เพียงมีโอกาสเท่าเทียมกันก็พอ เขาก็สามารถจะพัฒนาตนได้
    อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เราควรจะตระหนักไว้ คนที่รู้สึกว่าฉันด้อย ฉันยากจน ฉันมาจากเป็นชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อย บางทีฉันเป็นลาว เป็นพม่าที่จริงมันไม่เกี่ยวเลย เพราะทุกคนมีศักยภาพเท่ากัน อยู่ที่ว่าโอกาสจะได้เท่ากันหรือเปล่า ถ้าเท่ากันก็สามารถพัฒนาตนได้แม้ครอบครัวจะยากจน หรือว่าแม้จะเป็นผู้หญิงก็ตาม.

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service