พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 28 พฤษภาคม 2568
เมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ที่ประเทศจีน มีนักศึกษาหนุ่มคนหนึ่งนั่งรถรถเมล์เพื่อที่จะไปสอบ เป็นการสอบเข้าเรียนเทคนิคการแพทย์ เป็นการสอบที่สำคัญเพราะว่ามีแค่ปีละครั้ง ระหว่างที่นั่งรถอยู่ ปรากฏว่ามีเพื่อนที่มาด้วยเกิดหัวใจวายเฉียบพลัน หมดสติ แล้วชัก และหยุดหายใจไปต่อหน้าต่อตานักศึกษาคนนี้ ชื่อ เจียง ทำอย่างไร
เขารีบช่วยทันที และเขารู้วิธีการทำ CPR คือ การปั๊มหัวใจ เดี๋ยวนี้มีคนที่ประสบอุบัติเหตุแบบนี้เยอะ ไม่เลือกวัย ถ้าไม่มีคนรู้จักวิธีการทำ CPR หรือการปั๊มหัวใจ คนป่วยตายแน่ เขามีเวลาไม่กี่นาที แต่เขาปั๊มหัวใจ และบอกให้คนขับรถรีบพาไปส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
รถเมล์ก็ร่วมมือเต็มที่ ผ่าไฟแดงตั้ง 6 แยก ไปถึงโรงพยาบาลใน 7 นาที ระหว่างนั้น เจียงก็ปั๊มหัวใจเพื่อน ทำไป 4 นาที เพื่อนเริ่มหัวใจเต้น แต่ว่าเต้นได้ไม่นานก็หยุดเต้นอีก ยังดีที่พาไปส่งโรงพยาบาลทัน โรงพยาบาลทำการช่วยชีวิต ใช้เวลาเกือบ 30 นาที และต้องใช้ไฟฟ้าช็อตหัวใจ 8 ครั้ง จนเพื่อนของเจียงเริ่มกลับมาหายใจได้ต่อเนื่อง หัวใจเต้นเป็นปกติ
ระหว่างนั้น เจียงเฝ้าดูเพื่อน ทั้งที่เวลาสอบคือ 9 โมงเช้า แต่เจียงไม่ได้ทิ้งเพื่อนเลย อยู่กับเพื่อนตลอด ทั้ง ๆ ที่เพื่อนตอนนั้นอยู่ในมือหมอแล้ว แต่เจียงยังไม่วางใจ อยู่กับเพื่อนจนกระทั่งเพื่อนเริ่มกลับมาหายใจได้ตามปกติ 8 โมง 50 อีก 10 นาทีจะได้เวลาสอบ เจียงไปไม่ทัน ไปถึงห้องสอบก็ปิดแล้ว ไม่รับคนที่มาสาย เป็นอันว่าเจียงไม่ได้สอบวิชาสำคัญ พูดง่าย ๆ คือ สอบตก
ปรากฏว่าคนเห็นใจ พอข่าวของเจียงช่วยเพื่อนแต่ลงเอยด้วยการที่เข้าสอบไม่ได้ มีหลายคนพูดชื่นชมและเห็นใจเจียงไปด้วย มีคนหนึ่งบอกว่า ถึงแม้คุณไม่ได้สอบ แต่ว่าคุณได้คะแนนเต็มวิชาชีวิต วิชาเทคนิคการแพทย์ได้ศูนย์ แต่ว่าวิชาชีวิตได้เต็มร้อย
ทางผู้จัดสอบเขาไม่ยอมให้เจียงสอบ แต่เจียงเขาบอกว่า เขาไม่เสียใจเลยที่ไม่ได้สอบ เขาพูดอีกว่า ถ้าหากว่าย้อนเวลากลับไปได้ เขายังทำเหมือนเดิมคือ เลือกที่จะช่วยชีวิตเพื่อนมากกว่าที่จะทิ้งเพื่อนแล้วไปสอบ
เจียงเขาเป็นคนที่กล้าตัดสินใจ และจัดลำดับความสำคัญได้ถูก เขาเลือกช่วยชีวิตเพื่อนมากกว่าที่จะสอบให้ได้ ถ้าต้องเลือกระหว่างสอบเอาคะแนนกับช่วยชีวิตเพื่อน เขายังเลือกช่วยชีวิตเพื่อนเหมือนเดิม
คนที่มีคุณธรรมเขาตัดสินใจได้ไม่ยาก ระหว่างชีวิตกับคะแนน ระหว่างเพื่อนกับการสอบ แต่ว่าคนสมัยนี้จำนวนไม่น้อย ถ้าให้เลือกจะเลือกสอบมากกว่า เพราะว่าหมายถึงอนาคตของตัวเอง แต่นั่นหมายถึงการปล่อยให้เพื่อนตาย ซึ่งอาจจะไม่คุ้มก็ได้ เพราะว่านอกจากพ่อแม่ของเพื่อนจะเสียใจแล้ว บางทีเจ้าตัวที่ทิ้งเพื่อนไปเพื่อไปสอบ แม้จะสอบได้ปริญญาเอก คงจะมีความรู้สึกผิดติดค้างใจไปตลอดชีวิต
ฉะนั้น จะว่าไป สิ่งที่เจียงเลือก นอกจากเป็นการช่วยชีวิตเพื่อนแล้ว เป็นการช่วยตัวเองด้วย เพราะว่าทำให้ไม่มีเรื่องติดค้างใจ และมีสิ่งที่ภาคภูมิใจในชีวิต ไม่ได้สอบ แต่ว่าภูมิใจที่ได้ทำความดี มันหาไม่ได้ง่าย ๆ ช่วยชีวิตเพื่อน คนเราหลายคนทั้งชีวิตไม่มีโอกาสที่จะได้ช่วยชีวิตเพื่อนเลย หรือช่วยชีวิตคนอื่น แต่เจียงเขามีโอกาส และเขาไม่ทิ้งโอกาสนี้
ที่จริงเรื่องนี้ตัดสินใจไม่ยาก เพราะว่าถึงแม้ไม่ได้สอบปีนี้ ปีหน้ายังมีโอกาสได้สอบ แต่ถ้าเพื่อนตาย ไม่สามารถชุบชีวิตเพื่อนให้กลับคืนมาได้ ถ้าเราคิดแค่นี้ ก็ชัดแล้วว่าควรจะตัดสินใจอะไร
พูดถึงโรงเรียนหรือผู้จัดสอบ เขายืนกรานว่าเจียงเข้าสอบไม่ได้ เพราะว่ามาไม่ทันเวลาเปิดสอบ ที่จริงถ้าเราคิดสักหน่อย การสอบ สอบเพื่ออะไร สอบเพื่อวัดความรู้ของผู้เข้าสอบ แต่การที่เจียงได้ศูนย์ ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีความรู้ เขามีความรู้ อาจจะเพียบเลยก็ได้ แต่ว่าที่เขาได้ศูนย์เพราะว่าเขามาไม่ทัน
จริงอยู่ การตรงต่อเวลา รวมทั้งความซื่อสัตย์สุจริต เป็นเกณฑ์วัดคุณสมบัติของผู้ที่ผ่านการสอบ การสอบเขาไม่ได้วัดความรู้อย่างเดียว เขาดูที่่คุณธรรมด้วย เช่น ความตรงต่อเวลา ความซื่อสัตย์สุจริต
ความรู้เยอะ แต่ถ้าโกงข้อสอบ ปล่อยให้เพื่อนร่วมมือกับเพื่อนทุจริตในการสอบก็ศูนย์ เพราะว่าการสอบเขาไม่ได้วัดแค่ความรู้ เขาดูที่คุณธรรมด้วย และคุณธรรมส่วนหนึ่งคือ การมีวินัย เช่น มาตรงเวลา ตรงเวลาไม่ได้คะแนนเพิ่ม แต่ไม่ถูกตัด ซื่อสัตย์สุจริตก็ไม่ได้คะแนนเพิ่ม แต่ว่าไม่ถูกตัดคะแนน แต่ถ้าไม่ตรงเวลาถูกตัดคะแนน ถ้าไม่ซื่อสัตย์ ทุจริตในการสอบก็ถูกตัดคะแนน
แต่เจียงเขาไม่ได้ไร้วินัย ที่เขามาสายเพราะว่าเขาติดภารกิจสำคัญคือ ช่วยเพื่อน เพราะฉะนั้น ถ้าหากว่าผู้ที่จัดการศึกษาหรือผู้อำนวยการสอบ ถ้าเข้าใจจุดมุ่งหมายของการสอบอย่างแท้จริง ก็ไม่ยากที่จะอนุญาตให้เจียงได้สอบใหม่
การที่สอบพร้อมกัน และมีเวลาที่แน่นอนก็เพื่อประโยชน์ในการจัดการสอบ หรือเพื่อประโยชน์ของผู้จัดสอบนั่นเอง เพราะถ้าต่างคนต่างสอบมันเหนื่อย คน 100 คน สอบพร้อมกัน เริ่มเวลาเดียวกัน เลิกพร้อมกัน เป็นความสะดวกกับผู้จัดสอบ แต่ไม่ได้วัดคุณสมบัติของผู้สอบเลย
ถ้ามองแบบนี้ การที่เจียงเขามาสอบไม่ทันก็ไม่ยาก แค่จัดสอบใหม่ ผู้จัดสอบอาจจะไม่สะดวก มีความไม่สะดวกเพิ่มขึ้น แต่ว่าอย่างน้อยก็ได้วัด ได้ทำให้การสอบได้บรรลุวัตถุประสงค์ที่แท้จริงคือ วัดความรู้ของผู้เรียนหรือผู้เข้าสอบ
แต่ว่าคนเดี๋ยวนี้ไปยึดติดที่ระเบียบมากจนลืมจุดมุ่งหมายว่าทำเพื่ออะไร พออะไรที่ไม่เข้ากับระเบียบก็ปฏิเสธ
แต่ถ้าเข้าใจจุดมุ่งหมายของการสอบ เรื่องนี้ก็ตัดสินใจไม่ยาก จัดสอบใหม่ให้กับเจียงโดยเฉพาะ เพื่อจะได้วัดความรู้ความสามารถของเขาอย่างแท้จริง ไม่ต้องให้คะแนนเพิ่มก็ได้ ไม่ต้องให้คะแนนเพิ่มเรื่องคุณธรรม ความเมตตากรุณา ความเสียสละ แต่แค่เปิดโอกาสให้เขาได้สอบ
เรื่องนี้ตัดสินใจไม่ยากสำหรับผู้จัดสอบถ้าหากว่าเข้าใจจุดมุ่งหมายของการสอบ ไม่ใช่ติดที่รูปแบบ.