PAGODA

  • Create an account
  • Forgot your username?
  • Forgot your password?
or

Connection

Your e-mail is required to ensure the proper functioning of the Website and its services and we make a commitment not to reveal it to third parties

  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก

เข้าสู่ระบบ

  • สมัครสมาชิก
  • ลืมชื่อผู้ใช้?
  • ลืมรหัสผ่าน?

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • ได้อะไรบ้างจากแมลงวันตอม
ได้อะไรบ้างจากแมลงวันตอม รูปภาพ 1
  • Title
    ได้อะไรบ้างจากแมลงวันตอม
  • เสียง
  • 13924 ได้อะไรบ้างจากแมลงวันตอม /aj-visalo/2025-06-04-04-09-44.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันพุธ, 04 มิถุนายน 2568
ชุด
ธรรมะสั้นๆ ก่อนอาหารเช้า 2568
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • Tags
    สมุทัย
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้า วันที่ 23 พฤษภาคม 2568

    ช่วงนี้ตอนเช้า ๆ ระหว่างที่เรารอกินอาหาร หรือแม้กระทั่งระหว่างที่เรากินอาหารนั้น จะแมลงวันค่อนข้างชุม และบางทีก็มียุงมาแจมด้วย ถ้าเรามองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่รบกวน สร้างความรำคาญให้กับเรา เราก็ขาดทุน คือเป็นทุกข์ ให้มองว่ามันเป็นสิ่งที่มาฝึกเรา ถ้ามองแบบนี้แล้วเราจะได้ ฝึกอะไร ฝึกสติ ไม่ใช่แค่ฝึกความอดทน แต่ฝึกสติ คือ พอมันมีความหงุดหงิด รำคาญ ไม่พอใจ ก็เห็นมัน เห็นความหงุดหงิด เห็นความรำคาญ เห็นความไม่พอใจ หรือบางทีเห็นโทสะที่เกิดขึ้น

    เขามาเพื่อฝึก ฝึกสติของเรา และก็ฝึกให้เรารู้จักยอมรับ ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมันเป็นธรรมชาติ เป็นฤดูกาล มันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องยอมรับ ก่อนที่จะทำอย่างอื่น ยอมรับก่อน เพราะถ้าเรายอมรับใจเราก็ไม่ทุกข์ แต่ถ้าเราไม่ยอมรับ ใจเราบ่น โวยวาย ตีโพยตีพาย ก็จะทุกข์เลย อันนี้เรียกว่าเสีย แต่ถ้าเรายอมรับได้ก็เรียกว่าเราได้ประโยชน์ และถ้าเราสังเกตก็จะพบว่า ความทุกข์ที่เกิดขึ้นระหว่างที่มีแมลงวันตอมจริง ๆ แล้ว เป็นเพราะใจเราไม่ยอมรับ ใจเราบ่น ใจเราโวยวาย

    ใจเราเกิดความหงุดหงิด รำคาญ ไม่ใช่เพราะแมลงวัน แมลงวันนี่เป็นเพียงส่วนประกอบ แต่ตัวหลักที่ทำให้ทุกข์ก็คือใจ

    หรืออารมณ์ที่หงุดหงิดไม่พอใจ ไม่ยอมรับพอเราเห็นมัน อารมณ์เหล่านี้และทำให้ใจกลับมาเป็นปกติได้ ก็ไม่ทุกข์ แมลงวันตอมก็ตอมไป แต่ใจไม่ทุกข์ ตรงนี้เราจะเห็นเลยว่า ความทุกข์ใจนั้นไม่ได้อยู่ข้างนอก สาเหตุไม่ได้อยู่ข้างนอก แต่อยู่ที่ใจ เราวางใจไม่ถูก เรียกว่า หลง ปล่อยให้ความหงุดหงิด ความรำคาญใจ ผุดขึ้นมาแล้วก็ปล่อยให้มันครอบครองใจ และที่หงุดหงิดก็เพราะว่าไม่ยอมรับความจริง พอเรายอมรับมันได้ ใจเราก็ไม่ทุกข์ อันนี้เราก็ได้ประโยชน์แล้ว คือเห็นสมุทัย เหตุแห่งทุกข์ อยู่ที่ใจ มันเกิดที่ใจ เกิดจากใจไม่ใช่เกิดจากแมลงวัน หรือเกิดจากยุงที่มาตอม

    นอกจากเห็นเหตุแห่งทุกข์แล้วก็ยังรู้จักหรือเข้าใจเหตุแห่งสุขด้วย เวลาเรากินข้าว อาหารอร่อยอย่างไรเราจะไม่มีความสุขถ้าใจเราหงุดหงิด รำคาญ อาจจะหงุดหงิดรำคาญแมลงวันที่ตอม อาจจะหงุดหงิดคนที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ ถ้าเราไปกินที่ร้านอาหารแล้วเขาส่งเสียงดัง เราหมั่นไส้ เรารำคาญ พอเรามีอารมณ์อย่างนี้เกิดขึ้น อาหารอร่อยอย่างไรกินแล้วก็ไม่มีความสุข เพราะจะสุขหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่รสชาติอาหาร มันอยู่ที่ใจ ถ้าใจหงุดหงิด ใจรำคาญก็ไม่มีความสุข แม้จะกินอาหารอร่อย กินอาหารในร้านที่มีมิชลิน 2 ดาว 3 ดาวด้วยซ้ำ ก็ไม่มีความสุข แต่ตรงกันข้ามถ้าอาหารไม่อร่อยแต่ถ้าใจผ่องใสเบิกบาน เราก็มีความสุข อย่างที่เขาพูดว่าผักต้มขมเพียงใดก็ว่าหวาน ใครที่ว่าหวาน ก็คือเจ้าบ่าวหรือชายหนุ่มที่ได้อยู่ใกล้คนรัก เรียกว่าข้าวใหม่ปลามัน เพิ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ นี่ ผักต้มรสชาติจะขมอย่างไรเจ้าตัวก็กลับบอกว่าหวาน คือมีความสุข เพราะใจมีความเบิกบาน มีความผ่องใส น้ำขมก็กลายเป็นของอร่อยไปได้ หรือกินแล้วมีความสุข

    เพราะฉะนั้นเหตุแห่งทุกข์อยู่ที่ใจฉันใด เหตุแห่งสุขก็อยู่ที่ใจฉันนั้น ไม่ได้อยู่ที่ว่ามีอะไรเกิดขึ้น หรือว่าได้เสพอะไร

    ตรงนี้ถ้าเราเห็นแล้วเราก็จะได้ประโยชน์แล้ว ได้ความรู้ ได้ความรู้เกี่ยวกับสมุทัย เหตุแห่งทุกข์ และได้ความรู้เหตุแห่งความสุขว่าอยู่ที่ใจ ทุกข์ก็เพราะใจ สุขก็เพราะใจ อย่างนี้เรียกว่าได้ประโยชน์แล้ว แต่ถ้าเราไม่ดูแลรักษาใจ แม้จะปัดมันอย่างไรเราก็ยังทุกข์ ยิ่งรำคาญเพราะปัดมัน มันก็ไม่ไป พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าพอเรามีสติ รู้ความหงุดหงิด รู้ความรำคาญ ยอมรับมันได้ ใจปกติแล้ว ก็ไม่ต้องปัด เฉย ๆ ก็ไม่ใช่ เราก็ปัดหรือมิเช่นนั้นก็หาอะไรมาคลุมภาชเอาไว้ เพื่ออนามัย เพื่อสุขภาพ อย่างนี้เรียกว่า ทำกิจ ทำกิจ คือ ทำภายนอก แต่เราก็ไม่ลืมการทำภายใน คือดูใจของเราด้วย พุทธศาสนาไม่ได้สอนให้ทำจิตหรือทำแต่ภายใน แต่ให้ทำกิจด้วย

    ทำกิจคือทำภายนอก มีแมลงวันก็ต้องปัดมันบ้าง มียุงก็ต้องปัดมันบ้าง ไม่ให้มันกัด แต่ว่าก็อย่าลืมทำภายนอกหรือทำกิจแล้ว ก็ต้องทำจิต คือทำภายในด้วย แต่จะทำภายในได้ก็ต้องมีปัญหา มีแบบฝึกหัด มีโจทย์ โจทย์ที่ว่านี้ก็คือแมลงวัน เพราะฉะนั้นมองในแง่นี้แมลงวันมาตอมก็ถือเป็นของดี เป็นโอกาสให้เราได้ฝึกสติ เป็นโอกาสให้เราได้ฝึกใจยอมรับ เป็นโอกาสให้เราได้เรียนรู้ว่า เหตุแห่งทุกข์นั้น โดยเฉพาะความทุกข์ใจ อยู่ที่ใจของเรา ไม่ได้อยู่ที่แมลงวัน และขณะเดียวกัน ความสุขนั้นโดยเฉพาะสุขใจ ก็ไม่ใช่เป็นเพราะว่ากินอะไรอร่อยอย่างเดียว แต่เป็นเพราะใจเรามีความผ่องใสเบิกบาน ผ่อนคลายด้วย ถ้าใจเราหงุดหงิด อาหารอร่อยอย่างไรกินแล้วก็ไม่มีความสุข ถ้าหากว่ารำคาญหมั่นไส้คนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ร่วมโต๊ะเดียวกัน กินอาหารอะไรอร่อยอย่างไรก็ไม่มีความสุข เพราะใจไม่เปิดรับความสุขหรือความอร่อยจากอาหาร

    ทั้งหมดนี้เราเรียนรู้ได้จากแมลงวันที่มาตอม เพราะฉะนั้นเรียกว่า อะไรที่เกิดขึ้นกับเราล้วนดีทั้งนั้น แมลงวันตอมก็ดี ได้ฝึกใจ ได้เรียนรู้การทำกิจ และทำจิต ได้เรียนรู้เรื่องสมุทัย ถ้าเรามองแบบนี้อะไรเกิดขึ้นกับเราก็ดีทั้งนั้น ยุงมากัด มดมากัดก็ดีไม่เสีย เราได้ ได้ประโยชน์ ได้ฝึกจิต ใครมาต่อว่าด่าทอก็ไม่เสีย แต่กลับได้ ได้เห็นสัจธรรม อย่างที่หลวงพ่อคำเขียนบอกว่า แม้ถูกด่าก็เห็นสัจธรรม เพราะฉะนั้น ถ้าเรามองให้ดี ๆ ก็จะเห็นว่าอะไรเกิดขึ้นกับเราก็ดีทั้งนั้น เรามาเพื่อฝึกจิตเพราะฉะนั้นก็ต้องเจอ ต้องมีอะไรที่ไม่ถูกใจเราบ้าง แมลงวันตอมก็ไม่ถูกใจแต่ก็ให้อะไรกับเราได้เหมือนกัน ถ้าเรารู้จักมอง รู้จักปฏิบัติ รู้จักวางใจ.

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service