พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 18 พฤษภาคม 2568
เมื่อเร็ว ๆ นี้ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบังได้เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยที่นี่ว่า ตอนนี้โดยเฉพาะคณะวิศวฯ เป็นนักศึกษาชาวเวียดนามมาก หลายคนเลยทีเดียว
เขาตั้งข้อสังเกตว่า นักศึกษาเหล่านี้เก่งกว่าเด็กไทยมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคณิตศาสตร์ หรือเรื่องภาษาอังกฤษ เขามีความขยันเรียนมาก มากกว่าเด็กไทย อาจารย์ชอบนักศึกษาเวียดนามมากเพราะว่าเวลาให้ทำโครงงานหรือทำวิจัย เขาทำได้ดี เพราะว่ามีความรับผิดชอบสูง ผลงานออกมาใช้การได้ดีเลย
อันนี้น่าคิดมาก เพราะว่าตอนนี้พูดถึงการศึกษาของชาวเวียดนามก้าวไปไกลมาก ถ้าเทียบกับเด็กไทยแล้ว เขามีความรู้สูงกว่าเด็กไทยมาก
อดีตอธิการบดีเล่าว่า โรงเรียนมัธยมในเวียดนามดูเก่า ๆ ตึกไม่ใหญ่โต สิ่งอำนวยความสะดวกก็ไม่มาก แต่ว่าคุณภาพการศึกษาที่มอบให้กับเด็กสูงมาก เขาบอกว่าผลการสอบของ PISA คือโครงการประเมินผลการเรียนของนักเรียน ทั้งในประเทศที่ร่ำรวย และประเทศที่ไม่ร่ำรวย พูดง่าย ๆ คือ ประเมินผลนักเรียนทั่วโลกที่อายุไม่เกิน 15 ปี
ปรากฏว่าเด็กเวียดนามได้คะแนน PISA สูงเกือบสูงสุดในอาเซียน ไม่นับสิงคโปร์ที่เขาเก่งจะสอบกี่ครั้ง ๆ ก็ได้อันดับ 1 คะแนน 500 กว่า ๆ ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ที่ได้ 575 วิทยาศาสตร์ได้ 561 การอ่าน 543 ส่วนเวียดนามห่างจากสิงคโปร์เป็นร้อย แต่ยังถือว่าสูงสุดในอาเซียน สูงกว่าเมืองไทย ทั้ง ๆ ที่ปัจจัยสนับสนุนทางด้านการศึกษาเขาสู้ไทยไม่ได้
ไทยเราเดี๋ยวนี้ส่งเสริมให้นักเรียนใช้คอมพิวเตอร์ ใช้แท็บเล็ต โรงเรียนหลายแห่งมีตึกอาคารที่แข็งแรง สร้างใหม่ ไปไกลกว่าเวียดนามเยอะ แต่ว่าสิ่งที่เวียดนามเขาทำได้ดีกว่าไทยมากคือ เรื่องการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษด้วย
ทั้งที่เวียดนามผ่านพ้นสงคราม เพิ่งยุติไปราวปี 2518 ผ่านมาเกือบ 50 ปีแต่เขาไปไกลกว่าไทยมาก ทั้งที่เศรษฐกิจของไทยดีกว่าเวียดนามมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เราเริ่มถดถอยแล้ว เวียดนามเขามีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าไทย แต่นั้นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญกว่าและมีผลระยะยาวคือ คุณภาพการศึกษา ซึ่งตอนนี้เวียดนามเขาไปไกลมาก
อาจารย์ตั้งข้อสังเกตว่า เด็กเขาที่มาเรียนในไทยเรียกว่าหัวปานกลาง เพราะว่าถ้าเก่งจริง ๆ เขาไปอเมริกาไปเมืองนอก ไม่มาเรียนที่เมืองไทย ถ้าเขามีปัญญาไปเรียนต่อที่อเมริกาได้เรียนมหาวิทยาลัยชื่อดัง และส่วนใหญ่เขาไปเรียนด้านวิทยาศาสตร์ วิศวะ คอมพิวเตอร์ ไฮเทค
ตอนนี้เด็กเวียดนามที่ไปเรียนในอเมริกามีถึง 24,000 คน ขณะที่เด็กไทยไปเรียนที่นั่นแค่ 6,000 ต่างกัน 4 เท่า แล้วลองนึกภาพเด็กเหล่านี้พอจบการศึกษาเป็นดอกเตอร์ จบปริญญาเอกกลับมาช่วยเหลือประเทศชาติ เวียดนามมีภาษีเหนือกว่าไทยมาก เพราะว่าเด็กที่ฉลาดมีความสามารถ นอกจากคุณภาพเขาจะสูงกว่าของไทยแล้ว เขายังมีปริมาณมากกว่าด้วย
อันนี้ทำให้เรามาตั้งคำถามว่า ทำไมเด็กไทยจึงมีคุณภาพทางด้านการศึกษาต่ำกว่า ผลการเรียนต่ำกว่ายังไม่เท่าไรถ้าหากว่ามีความขยันหมั่นเพียร ยังมีโอกาสที่จะพัฒนาตัวเองได้ แต่อย่างที่เรารู้ ความขยันของเด็กไทย รวมถึงความรับผิดชอบ ตอนนี้ถดถอยมาก อาจเป็นเพราะความสะดวกสบายก็ได้
อีกอย่างหนึ่ง ทัศนคติต่อการศึกษาไม่ค่อยดี คือไม่ได้สนใจความรู้ สนใจเกรดมากกว่า ทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้เกรดสูง ได้คะแนนดี สุดท้ายมาลงเอยด้วยการทุจริต ทุจริตในห้องสอบ ซึ่งที่จริงก็ทำมาก่อนแล้ว ก่อนจะสอบก็มีการลอกการบ้านกัน มีการตัดแปะ แต่ก่อนใช้ Google, Wikipedia มาช่วยตัดแปะ เดี๋ยวนี้ใช้ AI แล้ว
นี่เรียกว่าความใฝ่รู้ของเด็กไทยมีน้อย เพราะเราถูกหล่อหลอมมาให้ใฝ่เสพ ว่าง ๆ เด็กไทยไม่ทำอะไร ไถมือถือเล่นเกม ขณะที่เด็กเวียดนามหรือเด็กจีนที่ไถมือถือก็มี แต่ว่าส่วนใหญ่เขาสนใจค้นคว้าหาความรู้ ว่างเสาร์อาทิตย์ก็ไปเข้าห้องสมุด ส่วนเด็กไทยไปเที่ยวห้าง เรามีทัศนคติใฝ่เสพมาก ผสมกับค่านิยมว่า หวังลาภลอย คอยโชค นิยมทางลัดมากกว่าพึ่งความเพียรของตัว
เดี๋ยวนี้เราหวังลาภลอย คอยโชคมาก หรือไม่ก็ใช้ทางลัด คือ ทุจริต โกง ส่วนลาภลอย คอยโชค เช่น เล่นการพนัน เล่นล็อตเตอรี่ เล่นหวย รวยโดยที่ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องเรียนสูง บนบานศาลกล่าวให้ถูกก็แล้วกัน เดี๋ยวก็สอบได้คะแนนดีเอง นี่เรียกว่าคอยโชค แทนที่จะขยันหมั่นเพียร
ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของการเลี้ยงดูด้วย พ่อแม่ชาวเวียดนามเขาสนใจสอนให้ลูกรักการเรียน ซึ่งมาจากค่านิยมของขงจื๊อด้วยที่ส่งเสริมให้คนรักการเรียน และพ่อแม่คงจะมีเวลาที่จะดูแล อาจจะจ้ำจี้จ้ำไช แต่พ่อแม่ไทยเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีเวลาแล้ว อาจจะเพราะไปทำงาน หรือมิฉะนั้นก็มัวแต่เล่นมือถือ ไม่มีเวลาสอนลูกก็ให้ลูกเล่นเล่นเกมไป เด็กร้องไห้งอแงก็ยัดมือถือให้ ยัดแท็บเล็ตให้
เด็กไทยเล่นเกมเยอะมาก ติดเกม แต่ไม่รู้ว่าถ้าไปแข่งกับเวียดนามจะสู้เขาได้หรือเปล่า เพราะว่าเกมต้องอาศัยสติปัญญาที่ไม่ใช่แค่ทักษะ
เด็กไทยตอนนี้เติบโตมากับการเล่นเกม เล่นมือถือ เล่นแท็บเล็ต เด็กเวียดนามเขาไม่มีปัญญาขนาดนั้นเพราะว่าประเทศเขาจน เขาอาศัยหนังสือ แต่ว่าพอเขาเรียนหนังสือมาก ๆ เขารู้วิธีพัฒนา จากการเรียนหนังสือมาเป็นการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ฉะนั้นเด็กเวียดนามเลยเก่งเรื่องคอมพิวเตอร์ เรื่องไฮเทค เขาไปไกลกว่าเรื่องการเล่นเกมเยอะ ไปไกลกว่าการเป็นผู้เสพ แต่เป็นผู้สร้าง
ตอนนี้ไทยเรากินบุญเก่า และบุญเก่าก็หมดไปเรื่อย ๆ บุญเก่า เช่น ทรัพยากร สิ่งแวดล้อม หรือว่าระบบการศึกษาดี ๆ ที่คนรุ่นเก่าได้สร้างเอาไว้ ตอนนี้กำลังเสื่อมถอยลงไป โรงเรียน มหาวิทยาลัยเริ่มจะไม่ค่อยมีคนสนใจเรียน เพราะคุณภาพตกต่ำ อันนี้บุญเก่าเรากำลังหมด
แต่เวียดนามเขาสร้างบุญใหม่จริงจังมาก หลังจากสงครามยุติเขาพยายามพัฒนาประเทศ 30-40 ปีนี้เขาพัฒนาไปไกลแล้ว เพราะเขาสร้างบุญบุญใหม่เยอะ บุญเก่าเขาแทบไม่เหลือแล้ว เพราะว่าโดนสงคราม แต่ยังพอมีอยู่ มาต่อยอดสร้างบุญใหม่
แต่ของเราสร้างบุญใหม่น้อยมาก เรากินบุญเก่า และสิ่งที่เห็นคือว่า พอไม่สร้างบุญใหม่ อย่างที่เห็น เด็กไทยจะเริ่มมีการศึกษาที่ต่ำลง แถมวินัยความรับผิดชอบก็แย่ พฤติกรรมหรือจริยธรรมก็ไม่ค่อยดีเท่าไร ทุกคนอยากจะเป็นอินฟลูเอนเซอร์กัน
เดี๋ยวนี้เด็กไทยวัยรุ่นอยากจะเป็นอินฟลูเอนเซอร์เพราะว่ารวยเร็ว และไม่ต้องทำงานหนัก ไม่ต้องเรียนหนัก คนที่อยากเป็นอินฟลูเอนเซอร์ตอนนี้มีตั้ง 12-13 ล้านคน แต่เวียดนามเขาอยากจะเป็นวิศวกร เขาอยากจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไฮเทค ไม่ได้คิดอยากจะเป็นอินฟลูเอนเซอร์อย่างเด็กไทย อันนี้คือความความฝันที่แตกต่างกันมาก.