พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 3 พฤษภาคม 2568
มีบริษัทใหญ่ระดับโลกบริษัทหนึ่งมีสาขาอยู่ใน 40 ประเทศ แต่ว่าไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เพราะธุรกิจหลักของเขาคือ การประมูลงานศิลปะและของเก่าสะสมที่ราคาแพงและเป็นของดี ชื่อซัทเทอบีส์ (Sotheby's) เขามีสาขาอยู่ที่ฮ่องกงด้วย
ตอนนี้มีข่าวหนึ่ง ซึ่งจะว่าไปก็เป็นข่าวเล็กๆ แต่ว่าเป็นที่ฮือฮากันในแวดวงศิลปะ รวมทั้งแวดวงชาวพุทธในหลายประเทศด้วย นั่นคือในวันที่ 6 นี้บริษัทซัทเทอบีส์จะประมูลพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกเรื่องใหม่ พระบรมสารีริกธาตุที่ว่านี้ขุดพบมาตั้งแต่ปี 2441 สมัยรัชกาลที่ 5 ที่รัฐอุตรประเทศ
การค้นพบครั้งนั้นทำให้มีหลักฐานยืนยันว่า พระพุทธเจ้าเป็นบุคคลที่มีชีวิตจริงในประวัติศาสตร์ เพราะมีจารึกว่าพระบรมสารีริกธาตุดังกล่าวเป็นของพระพุทธเจ้าแห่งศากยวงศ์ ก่อนหน้านั้นความรู้เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าได้เลือนหายไปนานแล้ว เพราะว่าพระพุทธศาสนาสูญหายไปจากอินเดียเป็นพันปีแล้ว แม้กระทั่งเมื่อฝรั่งมาเจอพุทธคยา ก็ยังไม่รู้เลยว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับพระพุทธเจ้า
จนกระทั่งมีหลักฐานมากมายที่ระบุว่า พระพุทธเจ้าหรือพระสมณโคดมเป็นบุคคลที่มีจริงในประวัติศาสตร์ ไม่ใช่เรื่องเล่า และหลักฐานยืนยันที่สำคัญชิ้นหนึ่งก็มาจากพระสถูปที่เมืองปิปราห์วา (Piprahwa) ซึ่งเป็นที่มาของการพบพระบรมสารีริกธาตุนี้
พระบรมสารีริกธาตุที่ขุดพบส่วนหนึ่งตกเป็นของ วิลเลียม แคล็กซ์ตัน เปปเป (William Claxton Pepe) ซึ่งเป็นผู้ขุดพบและตกทอดมาจนถึงลูกหลานของเขาหลายชั่วคน ตอนนี้ลูกหลานของเขาที่ถือครองพระบรมสารีริกธาตุนี้ได้มอบให้ซัทเทอบีส์ทำการประมูลในวันที่ 6 นี้ ก่อนวันวิสาขบูชาไม่กี่วัน ข่าวนี้สร้างความกังขาและเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนทั่วไปไม่ใช่น้อย แต่ชาวพุทธเมืองไทยไม่ค่อยรู้เรื่อง
คำถามหนึ่งก็คือว่าพระบรมสารีริกธาตุนี้เอามาขายหรือประมูลได้ด้วยหรือ บางคนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะทุกวันนี้อะไร ๆก็ถือว่าเป็นสินค้าไปหมด ทุกอย่างมีราคาซื้อขายได้ เพราะเป็นโลกทุนนิยม เพราะฉะนั้นพระบรมสารีริกธาตุจึงกลายเป็นสินค้าที่นำมาประมูล
ซัทเทอบีส์ไม่ได้ตะขิดตะขวงอะไรที่จะเอาพระบรมสารีริกธาตุมาประมูล เขาอ้างว่าของที่มาประมูลนี้ไม่ใช่กระดูก ไม่ใช่อัฐิของมนุษย์ แต่ว่าเป็นแก้วที่สวยงามมาก มีหลายสิบเม็ดเลย แต่ชาวพุทธบอกว่านี่คือพระบรมสารีริกธาตุ ไม่ใช่แก้ว ไม่ใช่อัญมณี ซัทเทอบีส์เขาก็เลี่ยงไป ยืนยันว่า ที่เอามาประมูล ไม่ใช่กระดูกหรืออัฐิของมนุษย์
การนำเอาพระบรมสารีริกธาตุมาประมูลนั้นเรียกว่าเป็นการทำให้ทุกอย่างกลายเป็นสินค้าแม้กระทั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็หนีไม่พ้น แม้ว่าคนส่วนหนึ่งไม่ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ว่ามีคนจำนวนไม่น้อยคือชาวพุทธนับถือว่าศักดิ์สิทธิ์ ของศักดิ์สิทธิ์จะเอามาประมูลมาขายไม่ได้
ถึงแม้ว่าเราอยู่ในยุคทุนนิยมแต่ก็ไม่ได้แปลว่าทุกอย่างจะขายได้ หัวใจ ตับ ปอด ถ้าใครเอามาประกาศขาย บอกว่าใครที่ให้ราคาดีกว่าก็จะตัดปอด ตัดตับ ตัดไต ตัดกระเพาะให้ไปเลย กฎหมายไม่อนุญาตเพราะกฎหมายมีเส้นแบ่งว่าของที่จะขายได้มีอะไรบ้าง อวัยวะคนขายไม่ได้ ถ้าจะขายก็ต้องขายในตลาดมืด
ตำแหน่งก็เช่นเดียวกัน ทุกวันนี้เราไม่อนุญาตให้ซื้อขายได้ แต่ก่อนนี้ซื้อขายได้ อย่างตำแหน่งจอหงวน ตำแหน่งเสนาบดี หรือตำแหน่งคาร์ดินัลในศาสนจักรแคทอลิกสมัยหนึ่งก็ซื้อได้ แต่เดี๋ยวนี้ซื้อไม่ได้แล้ว ประมูลก็ไม่ได้ แม้กระทั่งตำแหน่งรัฐมนตรีก็ประมูลไม่ได้ ซื้อไม่ได้ แต่ทำลับๆได้ เพราะมันผิดกฎหมาย
เพราะฉะนั้นสังคมปัจจุบันแม้ว่าเป็นโลกทุนนิยมเต็มที่ แต่ก็มีเส้นแบ่งว่าอะไรที่ขายได้ อะไรที่ขายไม่ได้ อะไรที่ประมูลได้ อะไรที่ประมูลไม่ได้ ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะขายได้หมด เพราะฉะนั้นมันน่าจะถึงเวลาแล้วที่จะมีเส้นแบ่งว่า พระบรมสารีริกธาตุนั้นเอามาขายไม่ได้ เอามาประมูลไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ถึงแม้ว่าซัทเทอบีส์บอกว่าสิ่งที่เอามาประมูลนั้นเป็นแค่อัญมณี แต่ชาวพุทธก็รู้ว่าพระธาตุ บางทีก็เป็นแก้ว พระธาตุครูบาอาจารย์ที่เราถือว่าเป็นพระอรหันต์ บางทีก็เป็นแก้วไม่ใช่เป็นแค่กระดูก ชาวพุทธเราไม่ได้มองว่าถ้าเป็นแก้วแล้วไม่ใช่พระบรมสารีริกธาตุ แต่ฝรั่งเขาบอกว่าที่เขามาประมูลคือแก้วหรืออัญมณีที่เก่าแก่มาก เฉพาะจารึกในสถูปนี้ก็มีอายุไม่น้อยกว่า 2,200 ปี คือหลังพุทธกาลไม่นานเลย
อีกทั้งมีความสำคัญมาก เนื่องจากมีการสันนิษฐานว่าพระบรมสารีรีกธาตุที่สถูปเมืองปิปะราห์วะคือพระบรมสารีริกธาตุที่เจ้าแห่งศากยวงศ์รับไปหลังจากมีการแบ่งเป็น 8 ส่วนเมื่อถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระพุทธเจ้าเสร็จ ด้วยเหตุนี้การนำเอาพระบรมสารีริกธาตุมาประมูลขายจึงเป็นสิ่งที่ไม่สมควร บริษัทอย่างซัทเทอบีส์ไม่ควรจะนำเอาสิ่งเหล่านี้มาประมูล
อีกคำถามหนึ่งก็คือว่า พระบรมสารีริกธาตุที่นำมาประมูลนั้นควรเป็นของใคร ซัทเทอบีส์ระบุว่าของที่จะนำมาประมูลครั้งนี้เป็นของทายาทของเปปเป ถามต่อว่าทายาทของเปปเปได้มาอย่างไร สุดท้ายก็จะได้คำตอบว่าพระบรมสารีริกธาตุนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของเปปเป
ถามว่าเปปเปเป็นเจ้าของพระบรมสารีริกธาตุนี้ได้อย่างไร คำตอบก็คือ เพราะเป็นผู้ขุดพบ คำถามต่อมาคือ การเป็นผู้ขุดพบนั้น เป็นเหตุผลที่ชอบธรรมหรือมากพอที่จะเป็นเจ้าของพระบรมสารีริกธาตุ หรือในเมื่อพระบรมสารีริกธาตุนั้นควรจะเป็นสมบัติของชาวพุทธ ไม่ใช่ว่าใครขุดเจอแล้วก็จะอ้างเป็นเจ้าของได้ทันที
ถ้าเป็นคนอินเดียขุดพบ เขาคงจะเอาเป็นเจ้าของไม่ได้ แต่นี่เป็นเพราะฝรั่งอังกฤษขุดพบก็เลยอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของได้ เพราะตอนนั้นอังกฤษเป็นเจ้าอาณานิคมอินเดีย เขาก็เลยถือสิทธิ์เป็นเจ้าของ อินเดียตอนนั้นอยู่ใต้การปกครองของอังกฤษ ผู้ปกครองชาวอังกฤษให้อภิสิทธิ์แก่ฝรั่งที่ขุดพบว่า ถ้าพบก็มีสิทธิเป็นเจ้าของได้ส่วนหนึ่ง คนอินเดียในท้องถิ่นไม่มีสิทธิ์ใด ๆ อย่างนี้ถือว่าเป็นการใช้อำนาจของเจ้าอาณานิคมที่ไม่เห็นคนท้องถิ่นหรือผู้ปกครองท้องถิ่นอยู่ในสาย จะเป็นใครก็ไม่มีสิทธิในสมบัติหรือของเก่าที่ฝรั่งขุดค้นเจอ แม้ว่าเจ้าของเดิมจะเป็นบรรพบุรุษของคนอินเดียหรือคนท้องถิ่นก็ตาม
อันนี้เป็นลักษณะอย่างหนึ่งของลัทธิอาณานิคม เมืองไทยสมัยก่อนแม้เราไม่ได้เป็นอาณานิคมของฝรั่ง แต่ถ้าฝรั่งทำผิดกฎหมายก็ไม่ต้องขึ้นศาลไทย ขึ้นศาลอังกฤษถ้าเป็นคนอังกฤษหรือคนในบังคับของอังกฤษ เพราะเขามีอภิสิทธิ์เหนือคนไทย เรียกว่าสิทธิสภาพนอกอาณาเขต อันนี้เป็นผลพวงของลัทธิอาณานิคมที่แพร่หลายในเวลานั้น
แต่ลัทธิอาณานิคมเลิกไปนานแล้ว ด้วยเหตุนี้สมบัติที่พบในประเทศใดควรเป็นของคนประเทศนั้น ฉะนั้นการขุดพบพระบรมสารีริกธาตุนั้น แม้คนขุดพบเป็นฝรั่ง ก็ไม่ควรจะมีสิทธิ์เป็นเจ้าของ เพราะถ้าเป็นเจ้าของแล้วก็สามารถทำอะไรก็ได้ รวมทั้งเอาไปขายหรือประมูล
อันนี้เป็นปัญหาในหลายประเทศ เพราะประเทศที่ฝรั่งเคยเป็นเจ้าอาณานิคมนั้น ต้องสูญเสียสมบัติล้ำค่าเป็นจำนวนมาก สมบัติเหล่านั้นตกไปเป็นของฝรั่งที่เคยปกครองประเทศเหล่านั้น หากเขาค้นพบ ก็ถือสิทธิเป็นเจ้าของ ขนย้ายไปประเทศของตัว บางทีก็เอาไปขาย บางทีก็เอาไปตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์ประเทศตัว ตอนนี้หลายประเทศจึงเรียกร้องทวงคืนสมบัติเหล่านี้ เพราะเขาถือว่าฝรั่งที่ขนเอาไปไม่มีสิทธิ์ แต่ที่เอาไปได้เพราะตอนนั้นมีอำนาจเหนือคนพื้นเมือง
กรณีประมูลพระบรมสารีริกธาตุ จึงเกิดคำถามขึ้นมาอีกข้อหนึ่ง นั่นคือ ทายาทของเปปเปควรมีสิทธิ์เป็นเจ้าของพระบรมสารีริกธาตุนี้ไหม แม้จะมีหลักฐานว่าไม่ได้ขโมยมาก็ตาม เพราะการอ้างสิทธิเป็นเจ้าของ แท้ที่จริงก็คือผลพวงหรือภาพสะท้อนของลัทธิอาณานิคมที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน
สำหรับชาวพุทธไทย พระบรมสารีริกธาตุนี้ที่เมืองปิปราห์วา มีความสำคัญเพราะว่า รัฐบาลอังกฤษซึ่งครองอินเดียในเวลานั้นถวายส่วนที่เป็นพระบรมอัฐิและอังคารให้กับรัชกาลที่ 5 ต่อมาพระองค์นำไปอัญเชิญไว้ที่วัดสระเกศ เจดีย์ที่เราเรียกว่า ภูเขาทอง บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่เป็นกระดูกและอังคารที่ได้จากสถูปเมืองนี้ ซึ่งเป็นที่เดียวกันกับที่ฝรั่งนำเอาสิ่งที่เขาเรียกว่า แก้วหรืออัญมณี มาประมูลในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ แต่สำหรับชาวพุทธ นั่นไม่ใช่แก้วหรืออัญมณี แต่เป็นพระบรมสารีริกธาตุที่ควรแก่การสักการะบูชา
ตอนนี้จึงมีเสียงประท้วงจากชาวพุทธหลายที่ โดยเฉพาะพระภิกษุชั้นผู้ใหญ่ ไม่ว่าที่ลังกา กัมพูชา หรือลาว แต่ไม่มีเสียงจากสงฆ์เมืองไทยเลย จนกระทั่งคนที่เป็นห่วงเรื่องนี้เขาถามอาตมาว่า ทำไมพระไทยไม่แสดงความเห็นในเรื่องนี้เลย หรือว่าเห็นด้วยหมด อันนี้ก็เป็นประเด็นที่น่าจะรับรู้เอาไว้