พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 1 พฤษภาคม 2568
วันนี้ก็ขึ้นเดือนพฤษภาคมแล้ว อีก 10 วันจากนี้ไปจะเป็นวันที่เรียกว่าสำคัญที่สุดของปีสำหรับชาวพุทธเลยทีเดียว คือ วันวิสาขบูชา พอถึงวันนี้ชาวพุทธเราก็นิยมทำสิ่งที่ดีๆ ให้กับตัวเอง ก็คือทำบุญทำกุศล ใส่บาตรบ้าง ถวายสังฆทานบ้าง จำนวนไม่น้อยก็ไปเวียนเทียนวัดใกล้บ้าน หรือบางทีก็ไปวัดที่มีครูบาอาจารย์ที่ตัวเองเคารพนับถือศรัทธา
สำหรับผู้ที่จะไปเวียนเทียนในโอกาสนี้ อาตมาขอเชิญชวนให้เตรียมกล้าไม้ไปร่วมเวียนเทียนด้วย เพื่ออะไร นอกจากเพื่อระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าแล้ว เรายังจะได้ระลึกถึงความสำคัญของต้นไม้ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการตรัสรู้ของพระองค์ อีกทั้งยังมีบทบาทในการประสูติ รวมไปถึงการปรินิพพานของพระองค์ แม้กระทั่งการเผยแผ่คำสอน และการแสดงปฐมเทศนาที่ทำให้มีพระสงฆ์สาวกเป็นครั้งแรกในพุทธศาสนาครบองค์สามนี้เกิดขึ้นท่ามกลางต้นไม้
เพราะฉะนั้น ต้นไม้นี้มีความสำคัญต่อชาวพุทธเรา มีความสำคัญสำหรับการเผยแผ่พระพุทธศาสนานับแต่อดีตถึงปัจจุบัน
นอกจากการระลึกถึงความสำคัญของต้นไม้แล้ว การเวียนเทียนด้วยต้นไม้ยังเป็นการเตือนใจให้เราระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีข้อหนึ่งที่คนมักจะลืมไปนั่นก็คือ คำสอนเรื่องรมณีย์ รมณีย์หมายถึงความสงบร่มรื่น เมื่อสถานที่สงบร่มรื่นเป็นรมณีย์ ก็จะน้อมจิตใจให้เป็นกุศล เกื้อกูลต่อการบำเพ็ญภาวนาจนพ้นทุกข์ อันที่จริงรมณีย์ไม่ได้มุ่งหมายถึงความสงบร่มรื่นของธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความสงบเย็นในจิตใจชนิดที่ไม่มีทุกข์มาแผ้วพาน ดังเคยเปรียบนิพพานว่าเป็นรมณีย์เลยทีเดียว
จะว่าไปแล้วการที่เรานำกล้าไม้มาร่วมเวียนเทียนด้วยนี้ ยังเป็นการตอกย้ำให้เราระลึกถึงพระประสงค์ของพระพุทธเจ้า ที่พระองค์อยากให้วัดทั้งปวงเป็นถิ่นรมณีย์ และให้ถิ่นรมณีย์นี้กระจายกว้างขวางออกไป เพื่อน้อมนำจิตใจผู้คนให้มีความสงบร่มเย็น มีจิตใจที่เป็นกุศล
ตอนนี้จึงมีหลายวัดเรียกว่าหลายร้อยวัดเลยทั่วประเทศ รวมทั้งในกรุงเทพพยายามเชิญชวนแนะนำญาติโยมที่มาเวียนเทียน ให้นำต้นไม้มาร่วมเวียนเทียนด้วย
ขณะเดียวกันทางวัดก็เกื้อกูลญาติโยมในส่วนนี้ด้วย เพราะบางคนไม่สะดวกไปหากล้าไม้มาจากบ้าน จึงมีหลายร้อยวัดทีเดียวเตรียมกล้าไม้เอาไว้สำหรับแจกญาติโยมเพื่อนำไปเวียนเทียนในวันวิสาขบูชาด้วย รวมทั้งที่วัดป่าสุคะโตนี้ด้วย
ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอกย้ำให้ญาติโยมเข้าใจถึงพระประสงค์ข้อหนึ่งของพระพุทธเจ้า ซึ่งปัจจุบันถูกลืมกันไปเยอะนั่นคือ การทำวัดให้เป็นถิ่นรมณีย์ รวมทั้งมีถิ่นรมณีย์กว้างขวางออกไป แต่มีหลายวัดที่ประสบอุปสรรคในการไปหากล้าไม้มาแจกญาติโยมสำหรับการเวียนเทียนในวันวิสาขบูชา
ทางมูลนิธิปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะจึงได้เสนอตัว หากล้าไม้ไปถวายให้แก่วัดเหล่านี้ เพื่อส่งเสริมวัตถุประสงค์ดังกล่าว ขณะนี้มีการตั้งเป้าว่า จะหากล้าไม้ประมาณ 7,000 กล้าให้กับวัด 70 แห่งทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
สำหรับผู้ที่ต้องการร่วมบุญกับมูลนิธิปลูกต้นไม้ปลูกธรรมะ ด้วยการหากล้าไม้ไปถวายวัดทั้ง 70 แห่ง อาตมาขอเชิญชวนให้เป็นเจ้าภาพกล้าไม้ในงานนี้ โดยติดต่อที่ มูลนิธิปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะ แจ้งความประสงค์ขอเป็นเจ้าภาพกล้าไม้ กล้าละ 60 บาท
กล้าไม้นี้ส่วนหนึ่งทางวัดจะนำไปมอบให้กับญาติโยมเพื่อไปร่วมเวียนเทียนในวันวิสาขบูชา เวียนเทียนเสร็จแทนที่จะทิ้งเหมือนกับธูปเทียน ก็เอากล้าไม้ไปปลูกที่บ้าน เป็นวิธีการส่งเสริมให้มีถิ่นรมณีย์กว้างขวางออกไป เรียกภาษาชาวบ้านว่า เพิ่มพื้นที่สีเขียว
ถ้าหากว่าปลูกต้นไม้กันเยอะๆ ไม่ใช่เฉพาะต้นไม้ที่นำไปเวียนเทียน ก็จะเกิดความร่มรื่น ต้นไม้ที่นำไปเวียนเทียนนี้ยังถือว่าเป็นไม้ศิริมงคล ซึ่งคนที่รับไปก็น่าจะดูแลรักษาให้ดี ต้นไม้อีกส่วนหนึ่ง ทางวัดก็จะนำไปปลูกในพื้นที่วัด เพื่อให้มีความร่มรื่น เพราะว่าพระประสงค์ของพระพุทธเจ้าประการหนึ่งคือ วัดควรเป็นเป็นถิ่นรมณีย์
สมัยก่อนวัดในสมัยพุทธกาล เวลาจะชักชวนพระอาคันตุกะมาพัก เจ้าอาวาสหรือผู้พำนักก่อนก็จะบอกว่า ที่ของผมนี้เป็นถิ่นรมณีย์ ไม่ได้ชักชวนว่าสบาย ไม่ได้ชักชวนว่ามีอาหารขบฉันบริบูรณ์ แต่บอกว่าเป็นถิ่นรมณีย์ แค่นี้ก็ถือว่าดึงดูดใจพระในสมัยพุทธกาลให้ไปพำนักแล้ว เพราะว่าพระสมัยก่อนนี้ท่านก็เห็นว่า ถิ่นรมณีย์นี้เป็นสิ่งที่เกื้อกูลต่อการปฎิบัติธรรม
แต่ที่จริงแล้วการที่มีพื้นที่สีเขียวหรือถิ่นรมณีย์มากๆ มันไม่ใช่แค่มีผลดีต่อจิตใจ ไม่ใช่แค่บำรุงกุศลกรรมในจิตใจเท่านั้น เดี๋ยวนี้เราก็รู้ว่าต้นไม้นี้ยังมีประโยชน์ในทางสุขภาพด้วย จะเรียกว่าประโยชน์ในทางโลกก็ได้
ยิ่งตอนนี้โลกกำลังร้อนขึ้น ถ้าเราช่วยกันปลูกต้นไม้เยอะๆ ก็จะช่วยลดความร้อนได้ อย่าหวังพึ่งเครื่องปรับอากาศ เพราะว่าเครื่องปรับอากาศนี้มันทำให้ข้างในเย็น แต่ข้างนอกอาคารนี้ร้อน ในทางตรงข้ามถ้าเราปลูกต้นไม้เยอะๆ ความร้อนก็จะเบาบางลง และเดี๋ยวนี้โลกไม่ได้ร้อนอย่างเดียว มีฝุ่นด้วย ฝุ่นเยอะแยะเลย
การปลูกต้นไม้นี้ไม่ใช่แค่ลดความร้อนในบรรยากาศ แต่ว่าช่วยลดฝุ่นด้วย นับว่ามีประโยชน์หลายอย่าง
คนที่ชอบทำบุญด้วยการสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างกุฎิ อาจจะลืมไปแล้วว่าโบสถ์หรือวิหารในสมัยพุทธกาลแวดล้อมด้วยต้นไม้ ไม่มีอิฐ ไม่มีการสร้างอาคารอย่างที่เราเห็น เป็นโบสถ์กลางแจ้งที่อยู่ภายใต้ร่มไม้
เพราะฉะนั้น นอกจากการสร้างโบสถ์ที่ก่อด้วยอิฐสร้างด้วยปูนแล้ว เราลองมาสนับสนุนการสร้างโบสถ์ธรรมชาติดู ก็คือการทำให้วัดเป็นถิ่นรมณีย์ สนับสนุนกล้าไม้เพื่อให้วัดนำไปปลูก ตอนนี้ก็มีวัดหลายวัดที่เห็นความสำคัญของการปลูกต้นไม้มากขึ้น
แต่ก่อนนี้มีต้นไม้ก็ตัดเพื่อสร้างที่จอดรถ เพื่อปูซีเมนต์ แต่เดี๋ยวนี้หลายวัดรื้อซีเมนต์แล้ว ที่เคยเป็นที่จอดรถก็ทำเป็นสวน อันนี้เป็นแนวโน้มที่ดี จะเกิดขึ้นได้มากๆญาติโยมก็ต้องช่วยอุดหนุน อุปถัมภ์จัดหาต้นไม้ให้ท่านนำไปปลูก
มูลนิธิปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะเป็นหน่วยงานหนึ่งที่สนับสนุนความริเริ่มของวัดในด้านนี้ ชื่อมูลนิธิก็น่าสนใจ ปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะ หมายความว่า การปลูกต้นไม้นี้เป็นการช่วยปลูกธรรมะในใจด้วย
เราปลูกต้นไม้ในวัดก็ช่วยปลูกต้นไม้ในใจเรา เราช่วยปลูกต้นไม้ในวัดก็ช่วยปลูกธรรมะในใจเรา และไม่ใช่เฉพาะต้นไม้ในวัดอย่างเดียว ต้นไม้นอกวัดก็สามารถจะช่วยปลูกธรรมะในใจเราได้ ก็ขอเชิญชวนญาติโยมทุกคนร่วมบุญนี้ด้วย.