แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้า วันที่ 27 เมษายน 2568
ที่ประเทศญี่ปุ่น มีคุณตาคนหนึ่งอายุ 82 แกเกษียณมาเป็นสิบปีแล้วตอนหลังก็มาอยู่แบบหงอย ๆ ไม่มีชีวิตชีวา ยิ่งระยะหลังนี้เริ่มป่วยเป็นรูมาตอยด์ ปวดแขน ปวดขา เดินไม่สะดวก วัน ๆ ก็เลยเอาแต่นอนอยู่บนเตียง ไม่กระตือรือร้นที่จะทำอะไร แล้วก็ไม่สนใจจะพูดคุยกับใครเลย แต่ก็มีบางวันบ่นขึ้นมาว่า หลับแล้วไม่อยากตื่นเลย อยากให้ตายไปเลยไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ที่แกบ่นคงไม่ใช่เพราะความเจ็บป่วยอย่างเดียว แต่เป็นความรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระกับลูก ต้องให้ลูกคอยดูแล อยากได้อะไรก็ต้องให้ลูกไปซื้อ ตัวเองมีหลานจะหาซื้ออะไรของขวัญอะไรให้หลานก็ลำบาก รู้สึกว่าตัวเองนี้ไร้คุณค่าเป็นภาระ
ลูกสาวนี้เวลาเจอพ่อก็ไม่รู้จะพูดคุยอะไร เพราะว่าพ่อนี้บึ้งตึงก็เลยอยากจะอยู่ห่าง ๆ มากกว่า เวลาใครถามถึงพ่อแกก็เล่าว่าพ่อนี้เอาแต่นอน ไม่ยอมลุก ไม่ยอมพูดคุยกับใคร สีหน้าบึ้งตึง บางทีก็ชอบโวยวายใส่คน ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้แล้ว ตัวลูกสาวนี้บางทีก็นึกในใจ ถ้าพ่อตายนี่ก็น่าจะดีจะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมานแบบนี้ ภรรยาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่วันหนึ่งลูกสาวเห็นจักรเย็บผ้าที่พ่อเคยใช้ เพราะว่าพ่อเคยเป็นช่างเย็บผ้า แต่เลิกมาเกือบ 20 ปีแล้ว แต่ว่าจักรเย็บผ้านั้นแม้เก่าก็ยังพอใช้ได้อยู่ ก็เลยยกมาวางไว้หน้าเตียงพ่อ เผื่อพ่อจะทำอะไรได้บ้างว่าง ๆ คุณตาแกเห็นจักร ทีแรกแกก็เฉยไม่สนใจอะไร แต่ตอนหลังแกก็ลุกขึ้นมาลองใช้ดู ลองเหยียบ ลองเย็บ แต่ก่อนอื่นก็ซ่อมก่อน แกก็ใช้เวลาซ่อมอยู่นาน พอซ่อมเสร็จก็ลองเหยียบดู เหยียบแป้นที่เท้าแล้วก็เย็บ เออ มันก็ใช้ได้
ตอนหลังก็เริ่มเย็บปกหนังสือ คนญี่ปุ่นนี้หนังสือเขาชอบมีปก บางทีก็เป็นปกกระดาษ แต่บางคนก็อยากได้ปกที่เป็นผ้ามันสวยดี แกก็เย็บ เย็บเล่น ๆ แต่ตอนหลังก็เย็บกระเป๋าใส่สตางค์ เย็บกระเป๋าใส่ดินสอ มันก็พอใช้การได้ ลูก ๆ ก็ว่า เออ ดีกว่าอยู่เปล่า ๆ วันหนึ่งลูกสาวก็บอกว่าไหนพ่อลองเย็บกระเป๋าสะพายให้หน่อย พ่อก็เย็บ ปรากฏว่าลูกสาวบอกว่า โอ้โห ไม่ได้เรื่องเลย พ่อแทนที่จะโกรธ แกก็บอกว่า เออ ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะทำให้ดีกว่านี้ แกก็เริ่มตั้งใจที่จะทำกระเป๋าให้กับลูกอย่างดีเลย สุดท้ายนี้ก็เย็บได้สวยเลยแต่ก็ใช้เวลา
ตอนนี้พ่อเริ่มมีชีวิตชีวาแล้วแทนที่จะเอาแต่นอน ก็เริ่มเอาจักรเย็บผ้านี้มาเย็บโน่นเย็บนี่ ตอนหลังนี้ตื่นตีห้าเลย ตื่นตีห้ามาเย็บสารพัดเลย แล้วก็ฝีมือก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ที่สำคัญก็คือว่าคุณตานี้เริ่มมีชีวิตชีวา ลูกสาวบอกว่าเห็นแววตาของพ่อมันมีไฟ แววตาพ่อเริ่มมีไฟแล้ว ไฟที่ว่านี้ก็คือไฟในการมีชีวิต แต่ก่อนไม่อยากตื่น แต่ตอนนี้ตื่นตีห้ามาเย็บ ตอนหลังนี้ลูก ๆ ก็เลยลงขันกันหาซื้อผ้าดี ๆ ให้พ่อ และก็อุปกรณ์ดี ๆ ให้พ่อเพราะพ่อเริ่มสนุกแล้ว ผลงานของพ่อนี้ก็ดี สวย มีคุณภาพ เพราะว่าได้พัฒนาปรับปรุงฝีมือมาเป็นลำดับ ทำแล้วก็ต้องขายแต่ปรากฏว่าขายไม่ค่อยออก หลานชายก็เลยบอกว่า งั้นโฆษณาทางโซเชียลมีเดียก็แล้วกัน ไปเปิดแอคเค้าท์ Account ทางทวิตเตอร์ แล้วก็โฆษณาว่าตานี้รับจ้างผลิตกระเป๋า กระเป๋าใส่เงิน กระเป๋าใส่ดินสอ มีแบบให้เลือก ปรากฏว่าแค่วันเดียวนี้มีคนสั่งมาถึง 800 ราย ตาก็ดีใจแต่ว่าวัน ๆ วันหนึ่งก็ทำได้แค่ 13 ใบ เพราะออร์เดอร์นี้ตั้ง 800 ทำยังไงล่ะ ทั้งบ้านก็ต้องช่วยกัน ทั้งเมีย ทั้งลูกสาว ทั้งหลานช่วยกัน ไม่กี่วันก็เสร็จ 800 ส่งไปให้กับลูกค้า ลูกค้าก็พอใจ มีบางคนก็เขียน เป็นทวิตเตอร์มาชม ตาเองก็มีความสุข
และตอนนี้แกเริ่มมีกำลังใจ เริ่มมีชีวิตชีวา เริ่มมีรอยยิ้มแล้ว ยิ่งตอนหลังนี้มีเงินใช้ก็รู้สึกว่าไม่ได้เป็นภาระของลูกของหลานแล้ว อยากจะซื้อของขวัญอะไรให้หลานก็ใช้เงินของตัวเอง แต่ก่อนนี้แกรู้สึกว่าไม่มีความหมายเลยเป็นภาระ เคยเป็นกำลังหลักของครอบครัวเมื่อ 30-40 ปีก่อน แต่ตอนนี้กลายเป็นภาระเสียแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ตอนนี้มีเริ่มมีคุณค่าขึ้นมา ตอนหลังแกบอกว่า ทุกเช้านี้เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่ามีจักรรอเย็บผ้า แกรู้สึกว่ามีชีวิตชีวาขึ้นมา และบอกขอบคุณ ขอบคุณที่ยังมีชีวิตถึงวันนี้ ก่อนหน้านั้นไม่กี่เดือนนี้อยากตาย หลับแล้วไม่อยากตื่น แต่ตอนนี้ตื่นเช้าขึ้นมามีกำลังวังชา มีชีวิตชีวา เพราะรู้ว่ามีอะไรให้ทำ มีลูกค้ารอรับผลงานอยู่ ก็เรียกว่าจากคนที่หงอยเหงาก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา แล้วก็อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะอะไร เพราะชีวิตนี้มีจุดมุ่งหมายแล้ว แต่ก่อนนี้ชีวิตไม่มีจุดมุ่งหมาย อยู่ไปวัน ๆ เหมือนกับรอวันตายก็เลยอยากจะตาย แต่ตอนนี้พอมีจุดมุ่งหมายของชีวิตแล้ว ก็ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายใหญ่โตอะไร ก็แค่เย็บของดี ๆ ส่งให้ลูกค้าที่เขารอคอยอยู่ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ตื่นเช้าขึ้นมาตีห้าก็มาทำงาน
แต่ก่อนนี้นอนติดเตียงเพราะคิดว่าเป็นรูมาตอยด์ แต่ตอนหลังนี้แม้จะเป็นรูมาตอยด์อยู่แต่ว่าก็สามารถจะลุกขึ้นมาได้ ตอนที่ลุกขึ้นมาไม่ได้นี้มันเป็นที่ใจ ไม่ใช่ที่กาย ใจมันห่อเหี่ยว แต่พอใจเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมาแล้วนี้ สามารถที่จะตื่นขึ้นมาแต่เช้ามาเย็บผ้า คนแก่นี้พอชีวิตไม่มีจุดหมายก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม เป็นมากโดยเฉพาะกับคนแก่ เดี๋ยวนี้หนุ่มสาวก็เป็นกันเยอะ ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม ตื่นเช้าขึ้นมาก็หงอยเหงา บางทีไม่กระตือรือร้นจะทำอะไรเลย มีคุณป้าคนหนึ่งอายุ 70 แกมีแผลที่ขาแล้วแกไม่ยอมรักษาเลย หมอนัดทีไรหมอก็บ่นว่า คุณป้าแกไม่ดูแลรักษาขาเลย ถามว่าทำไมป้าไม่สนใจรักษาขาให้หายเลย ป้าบอกว่าหายหรือตายก็เหมือนกัน แกไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไมเหมือนกัน มีชีวิตอยู่แต่ขาหายไม่มีประโยชน์ ตายก็ดีเหมือนกัน
หมอก็ฉลาด หมอถามว่าป้าชอบไปวัดไหม - ชอบ มีวัดอยู่ใกล้ ๆ ที่บ้านป้ามีไม้กวาดไหม - มี งั้นหมออยากจะแนะนำ ให้ป้าเอาไม้กวาดไปกวาดลานวัด เป็นการช่วยผ่อนเบาภาระของพระในวัด ท่านจะได้มีเวลาปฏิบัติศึกษาปฏิบัติ และญาติโยมที่มาวัดก็จะได้เห็นวัดสะอาดก็สดชื่น เกิดเจริญศรัทธาขึ้นมา หมอพูดแค่นี้ แกยิ้มเลย ตั้งแต่นั้นมาแกก็พยายามรักษาเอาใจใส่ดูแลขาของตัวเอง เพราะอยากจะมีชีวิตแล้ว เพราะว่ารู้จุดหมายของชีวิตแล้ว ทุกวันถ้าขาหายก็จะไปวัด ไปกวาดลานวัด จุดมุ่งหมายของแกไม่มีอะไรที่ใหญ่โต แต่มันทำให้ชีวิตมีความหมายขึ้นมา คนเราพอรู้สึกชีวิตมีคุณค่ามันอยากอยู่ แต่ถ้าสมมุติว่าชีวิตไม่มีคุณค่ามันอยากตาย
บางทีการตั้งเป้าหมายให้กับชีวิตนี้ไม่ต้องใหญ่อะไรมาก แค่รู้ว่าตื่นขึ้นมาแต่ละวันรู้ว่าควรจะทำอะไร หรืออยากจะทำอะไร แค่นี้มันก็มีแรงจะตื่นขึ้นมาเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
การกินดีอยู่ดีนี้มันไม่ช่วยถ้าหากว่าไม่รู้ว่าอยู่ไปเพื่ออะไร หรือไม่รู้ว่าแต่ละวันนี้จะอยู่ไปทำไม แต่ถ้ารู้ว่าชีวิตมีคุณค่านี้แม้เจ็บแม้ป่วย ก็จะขวนขวายในการที่จะรักษาให้หาย หรือว่าไม่เอามาเป็นธุระเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต.