พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ค่ายสามเณรและศีลจาริณี วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 10 เมษายน 2568
พบกันอีกนะลูกเณร ลูกศีล เช้านี้มีเรื่องเล่าไม่ใช่นิทานแต่เป็นเรื่องจริง ที่หมู่บ้านหนึ่งในประเทศจีนมีหมาตัวหนึ่งสีขาวน่ารักชื่อเสี่ยวปา มีนิสัยที่แปลกอย่างหนึ่ง ชอบคาบข้าวของชาวบ้าน จะเรียกว่าเป็นขโมยก็ได้
บางวันก็คาบกระทะ บางวันก็คาบจอบ คาบเสียม ตอนหลังก็คาบพืชผลชาวบ้าน อย่างฟักนี่คาบแล้ววิ่งหนี ชาวบ้านก็ไล่ตามแต่ว่าไม่เคยจับได้ บางทีก็คาบผัก ตอนหลังนี้คาบไก่ทั้งตัวเลย บางทีก็คาบปลาของชาวบ้าน แต่ก่อนนี้มันชอบดำน้ำหาปลาในสระ ตอนหลังเสียเวลาแล้ว วิธีที่ง่ายกว่านั้นคืออะไร คาบกรงที่ใช้จับปลา ไม่เหนื่อย คาบทีเดียวลากมาได้หลายตัว
ชาวบ้านก็ตามล่าวิ่งไล่ตาม แต่ไม่เคยทันเลยเพราะมันวิ่งเร็ว ชาวบ้านนี่ตราหน้าเลยว่าเสี่ยวปาหมาขี้ขโมย บางทีเห็นก็อยากจะเอาก้อนหินขว้าง แต่ดีนะไม่มีใครใช้วิธีเอายาเบื่อหมา เมืองไทยนี้มีเยอะ ไม่ชอบหมาตัวไหนก็เอายาเบื่อมาวางคลุกกับเนื้อไว้ แต่เราอย่าทำนะ คนจีนในหมู่บ้านนี้เขาก็ไม่ทำกันขนาดนั้น อย่างมากก็วิ่งไล่หรือว่าตะโกนไล่
ใครๆ ก็ว่าหมาตัวนี้นิสัยไม่ดี แต่ปรากฏว่าหมาตัวนี้คาบของนี้เอาไปให้ใคร ให้เจ้าของ เจ้าของเป็นชายแก่ยากจน เสี่ยวปาสงสารเจ้าของ และมันคงกตัญญูด้วย ความกตัญญูประสาหมาคือว่าเอาของที่เห็นมาให้เจ้าของ มันไม่รู้จักเรื่องขโมย มันไม่ได้รู้เรื่องศีล ไม่รู้เรื่องกฎหมาย
มันเห็นว่าของไหนที่เจ้าของไม่มี มันก็จะไปคาบมาให้ มันไม่รู้ว่านี่คือการขโมย ชาวบ้านที่เห็นนิสัยของเสี่ยวปาแล้วว่ามันชอบขโมยทั้งอาหาร ทั้งปลา ทั้งไก่ ทั้งเป็ด จอบ เสียม ก็เกลียดชังเสี่ยวปา
แต่ถ้าติดตามไปดูดีๆ จะพบว่า เสี่ยวปานี้เป็นหมากตัญญู เห็นแต่ฉากแรกนี้ก็เห็นว่ามันขี้ขโมย แต่พอตามไปดูถึงที่สุดนี้จะเห็นว่า ของที่ได้นี้มันไม่ได้เอามาใช้เองเลย เอามาให้เจ้าของเพราะความสงสารและเพราะความกตัญญู ก็ถือว่าเป็นหมาที่มีคุณธรรมถ้าเราดูให้ตลอดนะ เป็นหมาที่มีน้ำใจเพียงแต่ไม่รู้ประสีประสา
ตอนหลังเจ้าของก็สอนนะ ว่าอย่าไปขโมยของชาวบ้านเขา มันก็เชื่อ และที่จริงนี้มันไม่ใช่แค่ขโมยของชาวบ้าน เวลาคนแก่หาบฟืน มันก็ไปช่วย เวลาฟืนตกลงมาจากกองที่คุณยายหาบอยู่ มันก็ช่วยคาบ แล้วก็เดินนำหน้าคุณยายเอาฟืนมาส่งที่บ้าน
บางทีเด็กหิ้วกู้น้ำหนักมาก เด็กตัวเล็กๆ ในเมืองจีนนี้ 4-5 ขวบทำงานต้องหิ้วกู้น้ำแล้ว ทำเกินกำลังเด็ก เสี่ยวปาเป็นหมาตัวใหญ่ มันก็คาบกู้น้ำไปส่งบ้านเด็ก
เพราะฉะนั้นถ้ามองผิวเผิน มองด้านเดียวนี้จะเห็นว่าเสี่ยวปานี้เป็นหมาขี้ขโมย นิสัยไม่ดี แต่ที่จริงแล้วมันเป็นหมาที่น่ารัก มีความกตัญญู แล้วก็มีน้ำใจด้วย เวลาเรามองอะไร สิ่งที่เราเห็นนี้มันอาจจะไม่ใช่ความจริงก็ได้ เพราะว่าความจริงก็อาจจะเป็นอีกอย่างหนึ่งก็ได้
มีวัดๆ หนึ่ง คืนนั้นกลางดึกเลย พระหนุ่มขับรถเข้าเมือง ตีหนึ่งตีสองพระขับรถ บังเอิญมีคนเห็น ก็ถ่ายรูปแล้วก็เอาขึ้นเฟซบุ๊ก คนก็เขียนข้อความต่อว่าพระรูปนี้ว่าดึกๆ ดื่นๆ นี้ไปไหน เที่ยวกลางคืนหรือเปล่า ไปทำอะไรที่ชอบไหม พระถูกต่อว่าเสียหายเลย
แต่ความจริงก็คือว่า คืนนั้นมีเณรป่วยท้องร่วง เผอิญคนขับรถที่เป็นโยมไม่อยู่นะ ลาไปสงกรานต์ ไม่มีใครขับรถให้ พระหนุ่มขับรถเป็นก็เลยขับรถพาเณรไปส่งโรงพยาบาลอย่างกระทันหัน
เณรที่ป่วยนอนอยู่เบาะหลัง คนที่เห็นก็เห็นแต่พระขับรถกลางดึกเข้าเมือง ภาพที่เห็นนี้ก็กลายเป็นพระรูปนี้ไม่ดี แต่ความจริงคืออะไร กำลังทำหน้าที่ช่วยเณรเสียสละ สิ่งที่เราเห็นกับความจริง บางครั้งมันก็ขัดแย้งกัน
ที่ป้ายรถเมล์แห่งหนึ่งในกรุงเทพ มีชายหนุ่ม 2 คนกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน คนหนึ่งใส่เสื้อสีดำ อีกคนหนึ่งใส่เสื้อสีขาว คนสีดำพยายามฉุดกระชากกระเป๋าที่คนใส่เสื้อสีขาวนี้ถือเอาไว้ แต่คนเสื้อขาวก็ไม่ยอมปล่อยกระเป๋า คนเสื้อดำก็เลยต่อยคนเสื้อขาว
คนที่มาเห็นจะคิดว่าอย่างไร คนเสื้อดำนี้ผู้ร้ายใช่ไหม เป็นคนไปแย่งกระเป๋า ไปฉกชิงวิ่งราวกระเป๋าคนเสื้อขาว หลายคนมองเห็นแบบนี้ บางคนก็ด่าคนเสื้อดำ บางคนก็ไม่พอใจไปเตะไปต่อยคนเสื้อดำเพื่อช่วยคนเสื้อขาว เพราะคิดว่าคนเสื้อขาวกำลังถูกแย่งชิงกระเป๋า
แต่ความจริงคืออะไร ความจริงคือว่าคนเสื้อดำกำลังเป็นพลเมืองดี คนเสื้อขาวไปแย่งชิงวิ่งราวกระเป๋ามาจากผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงก็ร้องช่วยด้วย ช่วยด้วย ในกระเป๋านี้มีเงินจำนวนมาก คนเสื้อดำผ่านมาก็อยากจะช่วยผู้หญิง ก็เลยจับคนเสื้อขาวและพยายามดึงกระชากกระเป๋า เพราะมันไม่ใช่กระเป๋าของคนเสื้อขาวแต่เป็นกระเป๋าของผู้หญิง
แต่คนเสื้อขาวไม่ยอม เสื้อดำก็เลยใช้กำลังต่อยเอา แต่พวกเราเห็นเหตุการณ์นี้ คนที่เห็นเหตุการณ์อยู่แถวป้ายรถเมล์ก็บอกว่า เสื้อดำนี่แย่ เป็นอันธพาล ต้องจัดการกับมันซะหน่อย เตะต่อยคนเสื้อดำ แต่ที่จริงคนเสื้อดำเป็นพลเมืองดี เขากำลังช่วยผู้หญิง แย่งชิงกระเป๋ากลับคืนมาให้ผู้หญิง เพราะคนเสื้อขาวนี้ไปวิ่งราว
ความจริงกับสิ่งที่เราเห็นนี้ บางครั้งมันไม่เหมือนกัน แต่เดี๋ยวนี้คนเราเห็นอะไรก็คิดว่าสิ่งที่เห็นนั้นคือความจริง ไม่ได้มองให้ตลอดสาย
เด็กบางคนขโมยยางลบดินสอ จะว่าไปก็ไม่ใช่ขโมยหรอก แต่เขาหยิบยืมยางลบดินสอของเพื่อนไปใช้ เพื่อนๆ ก็ว่าเด็กคนนี้เพื่อนคนนี้ขี้ขโมย มีงานอะไรก็ไม่ทำ เวลาเลิกงานนี้ต้องอยู่เวรช่วยทำความสะอาด เก็บกวาดขยะเศษกระดาษตามห้อง
แต่เด็กคนนี้พอเลิกเรียนก็รีบวิ่งกลับบ้านเลย ไม่เคยช่วยส่วนรวมเลย แถมยังเอายางลบดินสอของเพื่อนไปด้วย ในสายตาของเพื่อนร่วมห้องนี้ เด็กคนนี้ไม่ดีเลยไม่มีน้ำใจ ไม่ยอมช่วยเหลือส่วนรวม แถมยังชอบขโมยของคนอื่นไปใช้ แต่ความจริงเป็นอย่างนั้นหรือเปล่านะ
เขาไปดูปรากฏว่าเด็กคนนั้นนี่เขายากจนนะ พ่อแม่นี้ยากจนจนกระทั่งไม่มีเงินที่จะซื้อยางลบดินสอให้ลูก ลูกบางทีก็ต้องมายืมยางลบดินสอจากเพื่อน ถึงเวลาเลิกเรียนก็ต้องกลับไป กลับไปทำอะไร กลับไปช่วยงานบ้าน กลับไปช่วยรับจ้างขายของ เพื่อหาเงินมาให้พ่อแม่ที่ยากจน พ่อก็ลำบาก แม่ก็ป่วย ต้องกลับไปบ้านรีบดูแลแม่ แล้วก็หาเงินมาซื้อยาให้แม่
มองจากพฤติกรรมในห้องเรียนนี้ เด็กคนนี้นิสัยไม่ดี แต่ความจริงเป็นอย่างไร เขานิสัยดี เขาเสียสละ เขารักแม่ เขามีความกตัญญู เวลาเลิกเรียน เด็กๆ ก็เล่นกัน แต่ว่าเขาต้องไปดูแลแม่ และไปทำงานรับจ้าง ได้เงินมาก็ไม่กี่บาทเอามาเป็นค่ายา กว่าจะได้หลับได้นอนก็นาน
แถมเวลามาโรงเรียนก็ชอบลอกการบ้านจากเพื่อน ไม่ได้ทำการบ้านเอง ต้องขอสมุดการบ้านเพื่อนมาลอกเพื่อส่งครู เพราะถ้าไม่ส่งครูก็โดนตี เพื่อนก็ว่าเด็กคนนี้นิสัยไม่ดีชอบลอกการบ้านของเพื่อน แต่ความจริงคืออะไร
ความจริงคือว่า ตั้งแต่เช้านี้ต้องไปทำงาน ทำอาหารให้แม่ กลางคืนกว่าจะกลับถึงบ้านก็ค่ำ ไม่มีเวลาทำการบ้าน เช้าก็ต้องทำงานช่วยแม่ช่วยพ่อ มาโรงเรียนเลยไม่ได้ทำการบ้าน แต่ถ้าไม่มีการบ้านส่ง ครูก็จะถูกตี ก็เลยต้องขอลอกการบ้านจากเพื่อน
เด็กบางคนที่เรามองดูนิสัยเขา สิ่งที่เราเห็นด้วยตาคือเขานิสัยไม่ดี แต่นั่นไม่ใช่ความจริง ความจริงก็คือเขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ เพียงแต่เขายากจน
ฉะนั้น เวลาเราเห็นอะไรก็ตาม ให้เราระลึกไว้อยู่เสมอว่า สิ่งที่เราเห็นกับความจริงอาจจะไม่ใช่อันเดียวกัน
เวลาพ่อแม่ไม่ซื้อของให้เราตามที่เราขอ หรือบางทีพ่อแม่ก็สั่งให้เราทำโน่นทำนี่ ขยันเรียน ขยันทำการบ้าน หรือบางทีเราขอเงินซื้อมือถือ แม่ไม่ซื้อให้ ก็หาว่าแม่ใจร้าย แต่ที่จริงท่านมีเหตุผล เพียงแค่พ่อแม่ไม่ทำตามใจเรา หรือบางทีเข้มงวดกับเรา ไม่ได้แปลว่าท่านโหดร้ายดุร้าย สิ่งที่เราเห็นกับความจริงมันไม่เหมือนกัน
เพื่อนในห้องเราก็เหมือนกัน บางคนนิสัยดูเหมือนไม่ดี แต่ว่าความจริงเขาตรงกันข้ามเลย.