พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 13 เมษายน 2568
วันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งสำหรับชาวไทย ถือว่าเป็นวันปีใหม่ แต่วันปีใหม่อย่างวันนี้ต่างจากวันปีใหม่ 1 มกราคมอย่างไร 1 มกราคมเป็นวันปีใหม่สากล แต่ว่าปีใหม่สงกรานต์วันนี้เป็นปีใหม่แบบไทยเรียกว่าตรุษไทย ก็ว่าได้
และที่แตกต่างกันอย่างหนึ่งคือ พอถึงวันสงกรานต์ผู้คนทั้งหลายก็กลับไปเยี่ยมบ้าน กลับไปให้พ่อแม่ได้เห็นหน้าเห็นตา กลับไปคืนสู่ภูมิลำเนา และมีกิจกรรมที่เกี่ยวกับครอบครัว ญาติผู้ใหญ่ ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และที่จากไป ที่จากไปก็มีการทำบุญสังฆทานอุทิศบุญกุศลให้ มีการทำความสะอาดธาตุ เช็ดขัดถูให้สะอาดสำหรับบรรพบุรุษที่ล่วงลับ
แต่สำหรับพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ที่ยังมีชีวิตอยู่ เรามีการรดน้ำดำหัว บางคนมีการล้างเท้าบุพการีและขอขมา บางคนรอโอกาสมานานแล้วอยากจะขอขมาพ่อแม่แต่ว่าขัดเขิน กระดาก เพราะไม่เคยทำ ก็อาศัยช่วงวันสงกรานต์เป็นโอกาสดีที่จะได้ทำ เจ้าตัวก็ไม่ค่อยขัดเขิน พ่อแม่ก็ไม่กระดาก อันนี้เป็นโอกาสดีที่ผู้คนทั้งหลายจะได้กลับมาพบปะญาติพี่น้อง พ่อแม่บุพการี และทำสิ่งดี ๆ ให้แก่กันและกัน
ความแตกต่างอีกอย่างหนึ่งระหว่างปีใหม่ไทยกับปีใหม่สากลคือ ปีใหม่สากลเขาอิงปฏิทินสุริยคติ แต่ปีใหม่ไทยเราอิงปฏิทินจันทรคติ ปฏิทินจันทรคติเป็นของเก่า และถือว่าราศีเมษเป็นราศีแรกในจักรราศี และสงกรานต์คือวันเวลาที่ดวงอาทิตย์จะเปลี่ยนหรือย้ายราศี
ที่จริงย้ายราศีทุกเดือน แต่ว่าการย้ายราศีจากมีนไปเมษถือว่าเป็นการเปลี่ยนศักราช เพราะเมษหรือราศีเมษเป็นราศีแรกของจักรราศี เปลี่ยนเข้าสู่เดือนแรกหรือราศีแรกของจักรราศีเปรียบเท่ากับขึ้นปีใหม่ อันนี้เป็นที่มาของคำว่าสงกรานต์ สงกรานต์แปลว่าเปลี่ยนผ่านคือเปลี่ยนราศี และเป็นราศีที่สำคัญ เพราะว่าราศีเมษ เป็นราศีแรกในจักรราศี
ที่จริงคำว่าเปลี่ยนผ่าน มีความหมายที่ดี เราอย่าปล่อยให้แค่ดวงอาทิตย์เปลี่ยนราศี แต่ว่าจิตใจเราก็เหมือนกัน ควรจะใช้โอกาสนี้เปลี่ยนหรือผ่านจากภาวะที่ทุกข์ เปลี่ยนไปสู่ความสุข เปลี่ยนจากร้ายให้กลายเป็นดี เปลี่ยนจากร้อนให้กลายเป็นเย็น และเราทำได้ด้วย
การเปลี่ยนผ่านจากร้ายกลายเป็นดี ให้ชีวิตเราเปลี่ยนผ่านสู่ความสงบเย็น เปลี่ยนผ่านสู่ความเจริญงอกงาม อันนี้เราทำได้ และควรทำด้วย
แต่การที่ชีวิตหรือจิตใจเราจะเปลี่ยนผ่านจากร้ายกลายเป็นดี จากร้อนกลายเป็นเย็น ไม่ใช่แค่บนบานศาลกล่าวหรือรอโชคเท่านั้น ต้องอาศัยการกระทำของเราเอง ทำอย่างไร
อันแรกคือ ทำความดี สร้างบุญสร้างกุศล รักษาศีล อย่างช่วงสงกรานต์เราทำความดีกันหลายอย่าง ไม่ใช่แค่สนุกสนานอย่างเดียว สนุกสนานนั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่ว่าความดีเราก็ทำ เช่น ถวายสังฆทาน ทำบุญเลี้ยงพระ ทำดีต่อบุพการี รดน้ำดำหัว ขอขมาลาโทษท่าน
แต่ว่าทำดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีการทำใจหรือฝึกจิตวางใจด้วย อย่างเช่น อากาศร้อน ๆ อย่างนี้ ทำดีอย่างไรก็ไม่หายร้อน ทำบุญทำกุศลอย่างไรอากาศก็ยังร้อนอยู่ แต่ถ้าเรารู้จักทำใจฝึกใจ แม้อากาศร้อนแต่ว่าใจไม่ร้อน นี่ทำได้
มีผู้หญิงคนหนึ่ง วันนั้นเป็นวันเสาร์เดือนเมษา แดดร้อนมาก อากาศอ้าว ต้องหลบเข้าไปในห้องเปิดแอร์ ขนาดเปิดแอร์เต็มที่แล้วก็ยังอ้าวอยู่ สักพักประมาณบ่าย ๆ ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ในซอยจอดหน้าบ้านนั้นบ้านนี้
ปรากฏว่าเป็นเสียงมอเตอร์ไซค์ไปรษณีย์ประจำหมู่บ้าน จอดบ้านไหนก็ส่งเสียงตะโกนเรียกเจ้าของให้มารับจดหมาย มารับเอกสาร แล้วมอเตอร์ไซค์ของไปรษณีย์คนนั้นก็มาหยุดที่หน้าบ้านของตัว และมีเสียงเรียกให้ไปรับเอกสาร
ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าพอได้ยินเสียงไปรษณีย์เรียก ก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที หงุดหงิดแบบพุ่งขึ้นมาเลย ทำไมถึงหงุดหงิด เพราะว่าไม่อยากออกจากห้องแอร์ไปรับเอกสารที่หน้าประตู เพราะว่าต้องเจอแดด ความเย็นในห้องแอร์กับความร้อนข้างนอกต่างกันเยอะ
เจ้าของบ้านผู้หญิงคนนี้ไม่ยอม ไม่อยากจะออกไปรับเอกสารจากบุรุษไปรษณีย์
แต่บุรุษไปรษณีย์เขารู้ว่ามีคนอยู่ แล้วเขาก็ดับเครื่อง นั่งรอ เพราะว่าเขาเห็นแอร์ดัง และมีรถจอดในบ้าน แสดงว่ามีคนอยู่ในบ้าน ตัวเองทำหน้าที่เอาเอกสารเอาจดหมายมาส่ง ต้องเรียกให้คนมารับ เรียกแล้วไม่มารับก็รอ แล้วเรียกอีก
แต่ระหว่างที่รอ หลังจากเรียกแล้วเจ้าของยังไม่ออกมาก็ร้องเพลงลูกทุ่ง และทำท่าว่าจะร้องนาน เจ้าของบ้านสุดท้ายเลยออกจากห้องแอร์ไปรับจดหมาย ไปเจอแดดหน้าบ้านก็เกิดความหงุดหงิด รับจดหมายเสร็จเห็นบุรุษไปรษณีย์หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เธอเลยพูดขึ้นมาว่าอากาศร้อนแบบนี้ ยังมีอารมณ์ร้องเพลงลูกทุ่งอีกหรือ
บุรุษไปรษณีย์คนนั้นแม้เสื้อจะเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่ว่าเขาพูดดีมาก เขาบอกว่า “โลกร้อน แต่ถ้าใจเย็นมันก็เย็นครับ ผมร้องเพลงลูกทุ่งแล้วใจมันเย็นครับ” ว่าแล้วก็สตาร์ทรถแล้วออกไปส่งไปรษณีย์บ้านอื่นต่อไป
คนหนึ่งอยู่ในห้องแอร์แต่หงุดหงิด เพราะความร้อนยังแผ่เข้ามา อีกคนหนึ่งตากแดดแต่ว่ายิ้มแย้ม ไม่หงุดหงิด เพราะอะไร คนหนึ่งใจร้อนด้วย แต่อีกคนหนึ่งแม้เจอแดดร้อนแต่ว่าใจไม่ร้อน ไม่ร้อนเพราะอะไร เพราะร้องเพลง เป็นวิธีการกล่อมใจให้ใจไม่ร้อน ตัวนี้ร้อน อากาศก็ร้อน แต่ใจเย็นเพราะว่าร้องเพลง
เรามีหลายวิธีที่จะทำให้ใจเย็นได้แม้อากาศจะร้อน อย่างเช่น บางคนอยู่กับแฟน พออยู่กับแฟน อากาศร้อนอย่างไรก็ไม่รู้สึก เพราะใจไม่ไปรับรู้ด้วย แต่นอกจากร้องเพลงหรืออยู่กับแฟนแล้ว เรายังมีวิธีอีกหลายวิธีที่จะทำได้ เช่น อยู่กับความรู้สึกตัว เอาความรู้สึกตัวเป็นเพื่อน เอาสติเป็นเพื่อน กายร้อน แต่ใจไม่ร้อน อันนี้ทำได้
คนเราแม้จะทำความดีอย่างไร ทำบุญทำกุศลอย่างไร ถ้าไม่ได้ฝึกใจ วางใจไว้ อากาศร้อน ใจก็ร้อน ผู้หญิงคนนั้นก็คงบ่นว่าเมื่อเช้าอุตส่าห์ไปถวายสังฆทานที่วัด อุตส่าห์ใส่บาตร ทำขนาดนี้แล้วทำไมยังร้อนอยู่
ใส่บาตร ถวายสังฆทานดีแล้ว แต่ว่าอากาศร้อนถ้าไม่ฝึกใจ วางใจให้เป็น มันก็ทุกข์ เพราะว่าอากาศร้อน ตัวร้อน ใจก็ร้อนด้วย แต่ถ้าเราฝึกจิตไว้ดี รู้จักธรรมชาติของใจ อากาศร้อน ตัวร้อน แต่ใจไม่ร้อน
ในทางตรงข้าม ถ้าวางใจไม่เป็น แม้อยู่ในห้องแอร์ ก็หงุดหงิด ใจก็ร้อน เรียกว่าพึ่งแต่สิ่งแวดล้อม พึ่งแต่เทคโนโลยี แต่ว่าไม่ได้พึ่งจิตใจ หรือไม่รู้จักรักษาใจ
เพราะฉะนั้นชีวิตของเรามาถึงวันนี้แล้ว เทศกาลสงกรานต์ ขอให้มีความหมายในทางที่ดีงาม ไม่ใช่แค่เปลี่ยนราศี ไม่ใช่แค่เป็นโอกาสที่เราจะสนุกสนาน แต่ว่าเป็นจุดเริ่มต้นกระตุ้นให้เราเปลี่ยนชีวิตของเราผ่านจากทุกข์ไปสู่ความสุข ผ่านความร้อนไปสู่ความร่มเย็น ให้ชีวิตเราเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดี
เราทำได้ ไม่ใช่รอโชค และไม่ใช่เอาแต่ทำบุญ แต่ว่าให้รู้จักฝึกจิตวางใจให้เป็นด้วย สงกรานต์ก็จะเป็นการเปลี่ยนผ่านไปสู่ชีวิตที่เจริญงอกงาม ชีวิตที่สงบเย็น ปัญหาจะมีมากเพียงใดไม่ว่าในอดีตหรือที่จะเจอในอนาคต แต่ปัญหาไม่ทำให้เราเป็นทุกข์ได้ถ้าหากว่าเรารู้จักเปลี่ยนปัญหาให้กลายเป็นปัญญา หรือว่าเปลี่ยนทุกข์ให้กลายเป็นสุขได้ ให้เราเอาคำว่าเปลี่ยนผ่านหรือสงกรานต์ให้มีความหมายที่ดี
ท่านอาจารย์พุทธทาสบอกว่า สงกรานต์แปลว่าก้าวหน้า เปลี่ยนไปสู่ความก้าวหน้า ฉะนั้นเราทำให้สงกรานต์ปีนี้ และปีต่อ ๆ ไปมีความหมายในทางนี้ด้วย แม้จะต้องเจออากาศร้อนอย่างไรแต่ใจก็เย็น แม้จะเจออุปสรรคอย่างไรแต่ว่าใจก็มีความสุข
อนุโมทนาญาติโยมทุกคนที่มาร่วมกันบำเพ็ญกุศล บำเพ็ญบุญในวันนี้ ขอให้ชีวิตเราเปลี่ยนผ่านไปสู่ความก้าวหน้า สู่ความสงบเย็น จากร้ายกลายเป็นดี จากทุกข์กลายเป็นสุขโดยทั่วหน้ากัน.