พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ค่ายสามเณรและศีลจาริณี วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 2 เมษายน 2568
หลวงพ่อจะพูดถึง เอก เด็กชายอายุ 9 ขวบ อายุก็ใกล้ๆ กับลูกเณรหลายคนนะ วันหนึ่ง ตอนเช้าก่อนจะไปโรงเรียน พ่อแม่ลูกก็กินข้าวกันบนโต๊ะ เอกนี้เป็นลูกชายคนเดียว แต่เช้าวันนั้นเอกไม่ยอมกินข้าว จานก็วางอยู่ข้างหน้าหน้า แม่ก็ถามว่าเอกทำไมไม่กิน ไม่อร่อยหรือ
เอกตอบว่า อร่อยครับ แต่ว่าผมยังไม่อยากกิน พ่อก็เลยถามว่า ทำไมไม่กินล่ะ ต้องรีบกินนะเพราะว่าเราจะต้องรีบไปโรงเรียน เอกก็นิ่งไม่ยอมกินข้าว พ่อและแม่พูดอย่างไรก็ไม่ยอมกิน ก็แปลกใจเพราะปกตินี้เอกก็เป็นเด็กที่เรียบร้อย เชื่อฟังพ่อแม่ แต่ทำไมวันนี้ดื้อ
พอพ่อแม่คะยั้นคะยอให้เอกกินข้าว เอกก็เลยบอกพ่อแม่ว่า ถ้าผมกินข้าวนี้พ่อแม่จะยอมอย่างหนึ่งให้ผมได้ไหม พ่อแม่จะสัญญาได้ไหมว่าจะยอมให้ผมทำอย่างหนึ่ง
พ่อแม่ก็แปลกใจนะ แต่ว่าเอกก็ท่าทางจริงจังมาก ในใจพ่อแม่ก็นึกว่าเอกคงอยากจะได้โทรศัพท์มือถือ หรือไม่ก็แท็บเล็ต หรืออยากได้จักรยานก็เลยต่อรองไม่กินข้าว จะกินข้าวก็ต่อเมื่อพ่อแม่ยอมให้เอกมีโทรศัพท์มือถือ หรือมีแท็บเล็ต แต่นี่ก็เป็นความคิดของพ่อแม่อยู่ในใจนะ
สุดท้ายพ่อแม่ก็ยอมนะ ยอม ถ้าหนูกินข้าว หนูอยากได้อะไรก็บอกมาเลย เอกอยากได้อะไรรู้ไหม อยากโกนหัว โกนหัวผมเช้านี้เลยนะถ้าผมกินข้าว พ่อแม่ก็ประหลาดใจนะ แต่ว่าในเมื่อพ่อแม่รับปากแล้วว่าจะยอมลูก พอเอกกินข้าวเสร็จก็เลยช่วยกันโกนผมให้ลูกก่อนไปโรงเรียน พ่อแม่ก็ไม่เคยโกนผมให้เด็กนะ หัวนี้ก็เลยอาจจะไม่สวยเท่าไหร่ ไม่เหมือนหลวงพ่อหลวงพี่โกนให้พวกเรา แต่ก็พอดูได้นะใช้แบตตะเลี่ยนนะไม่ได้ใช้มีดโกน
เสร็จแล้วก็พาเอกไปโรงเรียน พ่อเป็นคนขับรถ แม่ก็นั่งไปด้วยนะเพราะว่าแม่ก็ต้องไปทำงานต่อ ส่งลูกกลางทางแล้วพ่อก็ไปส่งแม่ พอถึงโรงเรียนเอกลงจากรถ ก็มีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาหาเลยชื่อมะลิ
มะลิก็ถามเอกว่า อ้าว ทำไมเธอหัวโล้นล่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า เอกบอก เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร ฉันแค่อยากเป็นเพื่อนเธอ มะลิหัวโล้นเพราะอะไรรู้ไหม เพราะเป็นมะเร็ง เดี๋ยวนี้เด็ก 9 ขวบ 10 ขวบก็เป็นมะเร็งกันนะ มะเร็งเช่น ลูคีเมีย นี่เป็นกันเยอะ พอเป็นมะเร็งก็ต้องฉายแสง ฉีดคีโม ผมก็ร่วง
มะลิก็อายนะ อายที่หัวโล้นคนเดียวในโรงเรียน เอกสงสาร อยากเป็นเพื่อน ก็เลยขอให้พ่อแม่โกนหัวให้ แต่ก็รู้ว่าพ่อแม่คงไม่ยอมโกนให้แน่ ๆ ก็เลยต้องต่อรองโดยการไม่กินข้าว จะกินข้าวก็ต่อเมื่อพ่อแม่ยอมโกนหัวให้
ทีแรกพ่อแม่ก็ไม่รู้หรอกเพราะเอกก็ไม่ได้อธิบาย เพราะอธิบายแล้วพ่อแม่ก็จะหว่านล้อมว่าอย่าเลย เอกนี้ใจเด็ดนะ แล้วก็มีเมตตาด้วย เมตตาคือรักเพื่อน เห็นเพื่อนเสียใจที่โกนหัว หัวโล้นอยู่คนเดียว ก็อยากจะเป็นเพื่อน
เพราะว่าคนเรานี้เวลามีความทุกข์และมีเพื่อนมาร่วมทุกข์ด้วย ส่วนใหญ่ก็จะมีความอบอุ่นใจ เอกนี้เรียกว่าใจใหญ่นะแม้อายุ 9 ขวบ แต่ก็เห็นใจเพื่อน เพื่อนหัวโล้นเพราะว่าเป็นโรคมะเร็ง เจอสองเด้งเลยนะเป็นมะเร็งด้วยแล้วก็หัวโล้นด้วย เอกก็อยากจะช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของเพื่อนด้วยการโกนหัวตาม
เรื่องนี้คล้ายๆกับเรื่องของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนะชื่อเหมย เหมยเป็นเด็กจีนอายุประมาณ 13-14 เป็นวัยรุ่นใกล้ๆ กับลูกศีล เป็นมะเร็ง ฉีดคีโม ฉายแสง หัวก็โล้น ผมร่วง ร่วงจนโล้นแหละ เด็กวัยวัยรุ่นก็อายนะ ทนอยู่มาได้หลายเดือน จนกระทั่งถึงปีใหม่ก็บอกแม่ว่า อยากได้วิก วิกที่ใส่ผม
แต่พ่อแม่ไม่มีเงิน แม่บอกว่าพ่อป่วยเป็นโรคหัวใจ ก็ต้องเก็บเงินเอาไว้เพื่อรักษาโรคหัวใจ การรักษาโรคหัวใจนี้มันสำคัญมากกว่าวิกใส่ผมนะ เหมยก็เสียใจแต่ก็เห็นใจ แต่ไปโรงเรียนก็อาย ไปห้างก็อายที่หัวโล้น
จนกระทั่งวันหนึ่ง พอถึงวันเกิดได้ของขวัญจากเพื่อนร่วมห้อง เป็นอะไรรู้ไหม เป็นผม เป็นผมสวยเลยนะ เธอตัดมาให้เหมยเป็นของขวัญวันเกิด เพื่อเอาไปทำวิก เพราะวิกนี้ต้องทำจากผมจริงนะ และเพื่อนคนนี้ผมสวย ผมยาว รักผมมากเลยตามภาษาผู้หญิงวัยรุ่นนะ รักผมเพราะผมสลวยสวยงาม
แต่เธอยอมสละผมเพื่อให้เหมยนี้เอาไปทำวิกนะ เพราะวิกนี้ต้องอาศัยผมจริงๆและผมของเพื่อนก็สวยด้วย เพื่อนคนนี้จากผมยาวตอนนี้กลายเป็นผมสั้นไปแล้ว ผมสั้นแต่ว่าดีใจเพราะว่าได้ช่วยบรรเทาความทุกข์ให้กับเหมยซึ่งเป็นเพื่อนรัก อย่างน้อยเธอก็มีวิกใส่ผมจะได้ไม่ต้องอับอายเวลาไปไหนมาไหน
เพื่อนของเธอคนนี้ก็ยอมนะ ยอมที่จะลดทอนความสวยลง แต่ที่จริงถึงแม้ว่าจะผมสั้นก็ยังสวยนะ และที่สำคัญก็คือข้างในก็สวยด้วย ข้างในนี้งาม จิตใจงามเพราะว่ายอมสละของมีค่าให้กับเพื่อนซึ่งกำลังมีความทุกข์ เพื่อนมีความหมายตรงนี้แหละคือ ไม่ใช่แค่กินด้วยกัน เล่นด้วยกัน แต่ว่าเสียสละ เสียสละอย่างหนึ่งคือร่วมทุกข์นะไม่ใช่แค่ร่วมสุข
พวกเรานี้เวลามีความสุขก็สนุกด้วยกันนะ เล่นน้ำตกก็เล่นด้วยกัน เวลากินเลี้ยงก็กินเลี้ยงด้วยกัน อันนี้เรียกว่าร่วมสุข แต่ว่าร่วมทุกข์ก็ต้องมีนะ เวลาเพื่อนนี้เขาอับอายเพราะว่าหัวล้าน เพื่อนที่แท้ก็ยอมนะ ยอมที่จะเสียสละ ถ้าไม่เสียสละเส้นผมก็ยอมที่จะหัวโล้นไปด้วยเป็นเพื่อน นี่แหละคือความหมายของมิตรภาพ
และบางคนก็ไม่จำเป็นต้องเสียสละโกนหัว หรือเสียสละเรือนผมนะ อย่างคนที่ชื่อปูน เป็นเด็กอายุ 4 ขวบเป็นเด็กผู้ชายนะ เรียนอนุบาล โรงเรียนของปูนนี้ก็จะมีบอร์ดนะ บอร์ดติดอยู่หน้าห้อง เด็กคนไหนทำความดีก็จะได้ดาว มีการติดดาวไว้ที่บอร์ด มีเด็กหลายคนเลยนะได้ดาวหลายดวง แต่ปูนนี้ได้แค่ 2 ดวง แม่มาเห็นก็ไม่สบายใจว่าทำไมปูนได้น้อยกว่าคนอื่น ไปถามครูเพราะคิดว่าปูนนี้อาจจะทำอะไรไม่ดีไม่ถูกก็เลยได้ดาวน้อย
พ่อของปูนมาถามครูประจำชั้น ครูยิ้มเลย ครูบอกว่าจริงๆแล้วปูนได้ดาวมากกว่านี้นะ แต่ว่าเวลาเห็นเพื่อนคนไหนเสียใจที่ได้ดาวน้อย ปูนก็จะเอาดาวของตัวเองนี้ไปให้เพื่อน สละดาวของตัวเองให้เพื่อนนะ เอาดาวของตัวเองไปติดให้กับชื่อของเพื่อนที่ในบอร์ดหน้าห้อง
ปูนนี้ไม่มีความทุกข์เลยนะ ไม่มีความน้อยใจ ไม่มีความเสียใจเลยที่ได้ดาวน้อยกว่าคนอื่น แถมมีความสุขด้วยที่ได้แบ่งปันดาวให้กับเพื่อนๆ
นี่เรียกว่าทำดีโดยไม่ได้หวังดาวนะ หายากนะคนทำดีแบบไม่หวังผล ทำดีเยอะแต่ว่าไม่สนใจดาว พร้อมจะเอาดาวให้คนอื่น นี่เรียกว่าเป็นเพื่อน เป็นเพื่อนที่ดีนะและก็รู้จักวางใจด้วย ทำดีแต่ไม่หวังดาว และพร้อมจะแบ่งดาวให้คนอื่น
ก็เหมือนกับเครดิตนะ รู้จักเครดิตไหม เราทำความดีแล้วเราก็แบ่งเครดิตให้เพื่อนนะ เราไม่สนใจที่จะไปหาชื่อหาเสียง มีชื่อมีเสียง มีคำสรรเสริญก็แบ่งให้เพื่อนร่วมงาน นี่เป็นวิสัยของคนที่มีน้ำใจ มีความเป็นเพื่อน
ลูกเณรลูกศีลนี้ก็ทำได้นะ ทำให้ใจงามด้วยการแบ่ง เสียสละ อาจจะเป็นขนม อาจเป็นอาหาร อาจจะเป็นของที่ชอบแต่ก็รู้ว่าเพื่อนนี้ชอบเหมือนกัน ก็แบ่งให้ อันนี้แหละคือคุณธรรมของเพื่อนซึ่งเราควรจะมีกันทุกคน.