พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 6 มีนาคม 2568
มด เราก็รู้ว่าเขาอยู่กันเป็นฝูงเป็นรัง รังหนึ่งมีเป็นหมื่นเป็นแสนตัว หรือบางทีเป็นล้านตัว มดเหล่านี้ก็มีการแบ่งหน้าที่กัน หน้าที่สำคัญอันหนึ่งก็คือหน้าที่ป้องกันรัง ซึ่งเป็นหน้าที่ของมดทหาร
ส่วนใหญ่มดทหารก็จะตัวใหญ่เพราะว่าจะได้สู้กับศัตรู ซึ่งมีทั้งมดต่างพันธุ์ หรือว่ามดต่างรัง หรือว่าต่อ แตน ซึ่งก็ตัวใหญ่ แต่ว่าในบอร์เนียว (บอร์เนียวเป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซีย บรูไน และอินโดนีเซีย) มดทหารพันธุ์หนึ่งตัวมันเล็กมาก แต่ว่ามันสามารถที่จะป้องกันรังของมันได้อย่างเด็ดขาดมากเวลามีศัตรูเข้ามา
นอกจากมันจะเข้าไปกัดแล้ว มันยังมีวิธีหนึ่งเป็นไม้ตายของมันก็คือ ระเบิด ส่วนท้ายของมันเวลามันสู้ไม่ไหว ตรงตูดหรือก้นของมันจะมีระเบิด เป็นระเบิดที่มากพอที่จะทำให้แมลงบางตัวกระเด็นหรือตายได้
แต่ว่าที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ มีสารเหนียวหนืดพอระเบิดออกมา มันก็จะกระเด็นสาดใส่ศัตรู เป็นสารสีเหลืองเหมือนกาวเลย ตัวไหนเจอสารสีเหลืองนี้ มันก็จะขยับเขยื้อนไม่ได้เลย เพราะมันเหมือนกับกาวที่เหนียวมาก แถมมีพิษด้วย ถึงตายได้เลย แต่ว่าตัวมดทหารก็ตายด้วย ก็เรียกว่าพลีชีพ บางคนให้สมญานามมดชนิดนี้ว่า กามิกาเซ่ (Kamikaze)
กามิกาเซ่ก็เป็นเครื่องบินของญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่นักบินขับบังคับเครื่องชนเรือรบของศัตรู ถ้าชนดีๆ นี่เรือก็อับปางได้ ถ้าหากว่าไปโดนตรงจุดยุทธศาสตร์คือที่ห้องเครื่อง นักบินก็ตายได้ แต่ถือว่าคุ้ม เพราะว่าฝ่ายตัวตายคนเดียว แต่ว่าฝ่ายตรงข้ามนี้ตายกันเป็นพัน
แล้วก็คุ้มอีกอย่างหนึ่งด้วยก็คือ เครื่องบินจะราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับเรือรบ เขาก็มาใช้สมญานามกับมดชนิดนี้ว่ากามิกาเซ่ คือ ยอมตายเพื่อปกป้องรังของมัน
และก็พบว่า มีปลวกบางชนิดในอเมริกาใต้ ก็มีวิธีการแบบเดียวกันเลย ตรงบั้นท้ายของมันจะอัดแน่นด้วยสารเคมี เป็นสารเหนียว แต่ว่าไม่ใช่สีเหลือง เป็นสีฟ้า พอศัตรูเข้ามาอย่างมด มันก็จะเข้าไปสู้ ปกติหน้าที่นี้เป็นหน้าที่ของปลวกที่แก่แล้ว พอแก่แล้วมันก็จะมีอวัยวะส่วนที่เป็นระเบิดของมัน จะอัดแน่นไปด้วยสาร
ดังนั้น พอมดไปกัดตรงบั้นท้ายของมันนี้ มันก็จะระเบิด สารเหลวๆก็จะกระจายออกมา มดก็เสร็จเลย เจอสารที่เป็นพิษนี้ ปลวกก็ตาย แต่ว่าศัตรูก็ตายด้วย
นี้เป็นวิธีการของสัตว์ ของแมลงที่มันพร้อมจะยอมตายเพื่อหมู่คณะ เพื่อส่วนรวม เป็นสัญชาตญาณที่มีอยู่ในสัตว์และก็แมลงจำนวนมาก โดยเฉพาะที่เห็นชัดก็คือพวกมด พวกปลวก ยอมตายได้เพื่อหมู่คณะ
ที่จริงในร่างกายของคนเราก็มีกลไกแบบนี้เหมือนกัน เซลล์ต่างๆในร่างกายของเรามันมีเยอะแยะไปหมดเลย และเซลล์พวกนี้มันก็ทำหน้าที่รักษาตัวให้อยู่รอด
แต่ถ้าเกิดว่ามันเป็นเซลล์ที่เกิดแก่หรือว่าผิดปกติ เพราะว่าการถ่ายทอดยีนส์ในเซลล์ตัวนี้มันผิดปกติ ถ้ามันอยู่ต่อไปก็จะเป็นปัญหา เป็นปัญหากับมนุษย์ เป็นปัญหากับอวัยวะที่เซลล์เหล่านั้นอยู่ มันก็จะทำการฆ่าตัวตาย มันจะยอมตายเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
กระบวนการนี้ทางวิทยาศาสตร์รู้ดีชื่อ อะพอพโทซิส (Apoptosis) เซลล์มันจะสลายตัวด้วยความเต็มใจ เพื่อไม่ให้เป็นภาระหรือเป็นปัญหาแม้กับร่างกายของมนุษย์เรา
และมันก็มีกระบวนการนี้เกิดขึ้นในร่างกายเราทุกวันเลย อย่างผู้ใหญ่ วันๆหนึ่งจะมีเซลล์ที่ตายแบบนี้ ห้าหมื่นถึงแสนล้านเซลล์ ตายเพื่อให้ร่างกายเราทำงานได้ปกติ
ดังนั้นขณะที่เรามีลมหายใจ ขณะที่เรามีชีวิตอยู่ มีสุขภาพดีนี้ มันก็เป็นเพราะว่า มีเซลล์ที่ยอมเสียสละ ยอมพลีชีพ ยอมตาย เรียกว่ามีความตายเกิดขึ้นกับเรา ทุกลมหายใจเลย เราไม่ค่อยรู้ การที่เรามีชีวิตอยู่ได้นี้ ก็เพราะว่ามีการเสียสละของเซลล์ต่างๆในร่างกาย คือยอมตาย
ถ้าไม่ตายจะมีปัญหา เซลล์ที่ไม่ตาย มันจะกลายเป็นโทษกับร่างกายของเรา เซลล์ที่ไม่ตายนี้เขาเรียกว่าเซลล์อมตะ ก็คือเซลล์มะเร็งนั่นแหละ ถ้าเซลล์ในร่างกายเราไม่ยอมตาย ไม่ยอมทำหน้าที่ มันจะกลายเป็นมะเร็งเลย เสร็จแล้วร่างกายเราก็จะอยู่ไม่ได้
การที่เรามีชีวิตอยู่รอดได้ก็เพราะมันมีความตายเกิดขึ้นในร่างกายเราทุกวินาทีเลยก็ว่าได้
เพราะฉะนั้น ความตายกับชีวิตนี้ มันไม่ได้แยกจากกัน พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ความตายมีในชีวิต ความแก่มีอยู่ในความหนุ่มสาว โรคภัยไข้เจ็บอยู่ในความไม่มีโรค
อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เรียกว่าที่เรามีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะความตาย ไม่ใช่เฉพาะความตายของสัตว์ต่างๆที่กลายมาเป็นอาหารของเรา แต่ว่ารวมถึงความตายของเซลล์ในร่างกายเรา ที่เขายอมตายเพื่อให้เรามีสุขภาพดี
ที่จริงการที่เรามีนิ้ว 5 นิ้วก็เพราะว่าเซลล์มันตาย เพราะปกติคนเราเวลาตอนที่แรกเกิด มือเรา แขนเรา จะเหมือนกับมือเป็ดเลย ไม่มีนิ้วชัดเจน แต่ว่าพอผ่านไปสักระยะหนึ่งเซลล์ที่อยู่ระหว่างนิ้ว 2 นิ้วจะค่อยๆตายไป เกิดเป็นนิ้วที่ชัดเจนขึ้นมา ถ้าเซลล์ไม่ตายเราก็ไม่มีนิ้ว 5 นิ้วเอาไว้ทำการทำงานได้
เพราะฉะนั้น คนเรานี้ที่มีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะความตาย ความตายจึงเป็นส่วนสำคัญของการมีชีวิต และที่มันตายได้ก็เพราะเซลล์ยอมเสียสละเพื่อส่วนรวม เพื่อร่างกายโดยรวมของเรา อันนี้ก็เรียกว่ามันเป็นสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ
การที่คนเราเสียสละเพื่อส่วนรวม จะว่าไปมันก็ไม่ใช่เป็นสิ่งแปลกใหม่ มันก็เป็นส่วนหนึ่งของสัญชาตญาณ และเราก็พัฒนาให้เป็นคุณธรรม ฉะนั้นถ้าหากว่าใครที่คิดแต่ทำอะไรเพื่อตัวเองนี้ นอกจากเสียหายต่อส่วนรวม แล้วสุดท้ายก็เกิดผลเสียกับตัวเองด้วย.