PAGODA

  • Create an account
  • Forgot your username?
  • Forgot your password?
or

Connection

Your e-mail is required to ensure the proper functioning of the Website and its services and we make a commitment not to reveal it to third parties

  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก

เข้าสู่ระบบ

  • สมัครสมาชิก
  • ลืมชื่อผู้ใช้?
  • ลืมรหัสผ่าน?

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • เพื่อนคุยเพื่อนดื่ม
เพื่อนคุยเพื่อนดื่ม รูปภาพ 1
  • Title
    เพื่อนคุยเพื่อนดื่ม
  • เสียง
  • 13591 เพื่อนคุยเพื่อนดื่ม /aj-visalo/2025-03-28-09-31-10.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันศุกร์, 28 มีนาคม 2568
ชุด
ธรรมะสั้นๆ ก่อนอาหารเช้า 2568
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 7 มีนาคม 2568
    ที่เมืองบริสเบน (Brisbane) ในออสเตรเลีย มีโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทุกวันพฤหัสเวลา 4 โมงเย็น จะมีคุณปู่วัย 92 ปีมาที่โรงพยาบาล
    เขาไม่ได้มาเปล่า ๆ เขาเข็นรถเข็นซึ่งใส่เครื่องดื่มนานาชนิด น้ำอัดลม น้ำผลไม้ แม้กระทั่งเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ แต่ว่าต่ำ ๆ หน่อย ชนิดที่คนป่วยดื่มได้ด้วย เรียกว่า จินโทนิค (Gin Tonic)
    เขามาเพื่อพบปะพูดกับคนป่วย โดยเฉพาะคนป่วยระยะสุดท้าย หรือว่าคนป่วยที่นอนติดเตียง เพราะเขารู้ว่าคนเหล่านี้เหงา ไม่ค่อยมีคนมาพูดคุยด้วย
    อาจจะต่างจากบ้านเรา บ้านเราถ้าเป็นคนต่างจังหวัด เวลาป่วยนอนโรงพยาบาลจะมีลูกหลานญาติมิตรเพื่อนฝูงมาเยี่ยม บางทีมานอนค้างด้วย แต่ไม่ได้นอนค้างในห้อง ไปนอนค้างตามสนามหญ้า เพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดกับคนป่วย
    แต่เมืองนอกเวลาป่วยแล้ว ถ้าป่วยยาวไม่ค่อยมีใครมาเยี่ยม คุณปู่เขาเข้าใจความรู้สึกของคนที่ป่วย โดยเฉพาะระยะสุดท้าย นอกจากเหงาแล้วอาจจะมีความหวาดวิตก เขาเลยอาสามาเป็นเพื่อนคุย แล้วคนป่วยหลายคนก็รอเย็นวันพฤหัส ไม่ได้รอเพราะหวังเครื่องดื่มจากคุณปู่ รอคุณปู่
    คุณปู่คนนี้ชื่อ โคลิน เอเพลต์ (Colin Apelt) คนเขาไม่ได้หวังจะได้กินจินโทนิคหรือว่าน้ำอัดลมจากคุณปู่ แต่เขาสนใจที่จะได้มีเพื่อนคุยมากกว่า
    แล้วทำไมคุณปู่เขาถึงเข็นเครื่องดื่มควบคู่กับการมาเป็นเพื่อนคุยด้วย เขาบอกว่าเครื่องดื่มคล้าย ๆ เป็นสะพานให้ได้มีโอกาสพูดคุยกับคนป่วย เพราะคนป่วยส่วนใหญ่เป็นคนแปลกหน้า ไม่ได้รู้จักเขา และเขาก็ไม่รู้จักคนป่วย แต่ได้เครื่องดื่มเป็นเครื่องช่วยละลายพฤติกรรม
    บ่อยครั้งเขาจะเดินเข็นรถไปหน้าห้องคนป่วย ห้องพิเศษ แล้วเคาะประตู บอกว่าอยากจะดื่มเครื่องดื่มอะไรไหม อันนี้เรียกว่าอาศัยเครื่องดื่มมาเป็นข้ออ้างก็ได้ในการที่จะได้พูดคุยกัน เพราะถ้าจะไปตัวเปล่า ๆ ไปเคาะประตูคนป่วยซึ่งเป็นคนแปลกหน้าก็กระไรอยู่
    แล้วเขาพบว่าคนป่วยพอได้มีเครื่องดื่มย้อมใจแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจินโทนิคหรือว่าน้ำอัดลม บรรยากาศก็ดีขึ้น การพูดคุยเป็นธรรมชาติและออกรสออกชาติมากขึ้น และคนป่วยก็มีความสุขด้วย
    ทุกวันพฤหัสพยาบาลเขาจะเตรียมรายชื่อของผู้ป่วยคนไหนที่สามารถจะดื่มแอลกอฮอล์ต่ำ ๆ ได้มาให้คุณปู่ คุณปู่เขาพอได้รายชื่อพวกนี้เขาก็ไปหาที่ห้องเลย หรือไปหาที่เตียง และพูดคุยกัน
    พยาบาลบอกว่าถ้าหากว่าคุณได้ลองอยู่ในโรงพยาบาลสักพักคุณจะรู้สึกเลยว่าการที่ได้มีชีวิตประจำวันแบบปกติมีความสำคัญมาก ชีวิตประจำวันแบบปกติก็คือการที่มีเครื่องดื่มสบาย ๆ พูดคุยกับคนที่ห่วงใย เพราะว่าคนป่วยนอนติดเตียงทั้งวันทั้งคืน ชีวิตเปลี่ยนไปหมดเลย และเหงา และเบื่อด้วย แม้จะไม่มีความเจ็บความปวดรบกวนมาก แต่ว่ามันก็เบื่อ และห่อเหี่ยว
    หลายคนจะมีความสุขมากเวลาได้กินอาหาร คนป่วยหลายคนเขาจะเรียกร้องอาหาร ถ้าเขากินได้ เพราะว่าอาหารที่มีรสมีชาติช่วยทำให้ชีวิตเขามีอะไรที่มีรสชาติบ้าง ไม่อย่างนั้นมันจืดชืด แม้ว่าอาหารบางอย่างอาจจะไม่ค่อยถูกกับโรค เช่น มีน้ำตาลเยอะ มีไขมันมาก แต่ว่าได้กินนิดกินหน่อยก็เหมือนกับเป็นสิ่งบํารุงจิตใจ เหมือนกับเป็นเครื่องปรุงที่ทำให้ชีวิตมีรสมีชาติมากขึ้น
    เพราะฉะนั้น คนป่วยเวลามีคนจิตอาสาอย่างคุณปู่เอาเครื่องดื่มมาให้ คนไข้จะมีความสุขมากเลย และที่มีความสุขมากที่สุดคือได้พูดได้พูดคุยกับคนที่ห่วงใย ทำให้หายเหงา
    คนป่วยเขาต้องการคนคุย เขาไม่ต้องการคนมาแนะนําสั่งสอนอะไรมาก แค่มาคุย ถ้าเป็นคนรู้จักก็ยิ่งดี ถ้าไม่เป็นคนรู้จักก็ยังดีเหมือนกัน ฉะนั้นจิตอาสาจึงมีความสำคัญมากในโรงพยาบาลแทบทุกแห่ง และจิตอาสาบางคนไม่ใช่มาพูดมาคุยอย่างเดียว มาร้องเพลงด้วย มาร้องเพลงให้คนไข้ฟัง มีความสุข แต่ร้องเพลงก็ร้องประเดี๋ยวประด๋าว แต่ถ้าพูดคุยกันแล้วจะคุยกันได้ยาวเป็นชั่วโมง ๆ
    คุณปู่โคลินเขาบอกว่าแต่ก่อนเขาไม่ใช่เป็นคนที่ชอบพูดชอบคุยกับคน เขาเป็นคนที่ชอบเก็บตัว แต่ภรรยาเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ แล้วเขาได้เรียนรู้จากภรรยา ภรรยาชักชวนคุณปู่ให้ไปเยี่ยมผู้ป่วยด้วยกัน
    ตอนหลังภรรยาจากไป และเขาอยากจะสืบทอดภารกิจของภรรยา ภรรยาอาจจะฝากฝังเอาไว้ว่า ถ้าฉันไม่อยู่แล้ว ช่วยไปเป็นจิตอาสาเยี่ยมผู้ป่วยแทนฉันด้วย สามีก็อยากจะสืบทอดความดีของภรรยา เพราะว่ารักภรรยามาก
    และพอได้ทำก็คงจะมีความสุข เพราะว่าคนที่อายุ 92 อย่างคุณปู่ ภรรยาก็ไปแล้ว เพื่อนพ้องก็ล้มหายตายจากไป โชคดีที่มีอายุยืน แต่ว่าต้องเจอกับความสูญเสียพลัดพราก เพราะคนอื่นเขาไม่มีอายุยืนเหมือนคุณปู่ด้วย
    ฉะนั้นเขาคงเหงาเหมือนกัน แต่ว่าการที่เขาไปเป็นจิตอาสาช่วยเติมเต็มสุขให้แก่จิตใจของเขา คนที่มีความสุขไม่ใช่เฉพาะคนป่วยเท่านั้น ตัวคุณปู่เขาก็มีความสุขด้วย
    และเขาก็ยอมทั้งเสียเวลา ยอมทั้งเสียเงินซื้อเครื่องดื่มนานาชนิดมา เพราะเขาถือว่านอกจากเป็นการช่วยผู้อื่นแล้วก็เป็นการเติมสุขให้ใจด้วย ถ้าพูดอีกอย่างหนึ่งคือว่า เป็นการทำบุญ เป็นการทำบุญที่มีอานิสงส์มาก เป็นการทำบุญที่ไม่ค่อยมีใครคิดถึงเท่าไร แต่เดี๋ยวนี้มีคนทำบุญแบบนี้เยอะในรูปจิดอาสา ซึ่งน่าจะมีกันเยอะ ๆ .

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service