พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 8 มีนาคม 2568

คาเฟ่เดี๋ยวนี้หลายคนรู้จักดีแม้จะเป็นคำฝรั่ง เวลาพูดถึงคาเฟ่หลายคนก็นึกถึงร้านกาแฟ นึกถึงขนมที่เขานำมาบริการลูกค้า แต่ว่าคาเฟ่ยังมีความหมายอื่นด้วย ไม่ใช่หมายถึงร้านกาแฟอย่างเดียว อย่างเช่น อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ก็คือร้านอินเตอร์เน็ตที่ผู้คนโดยเฉพาะเด็กๆวัยรุ่นมาเล่นอินเตอร์เน็ตกัน

แต่อินเตอร์เน็ตคาเฟ่นั้นต่างคนต่างเล่นไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไหร่ เดี๋ยวนี้มีคาเฟ่ชนิดใหม่ ที่จริงก็มีมาได้ 10 กว่าปีแล้วแต่ว่าเมืองไทยยังไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ คือรีแพร์คาเฟ่ repair ที่แปลว่าซ่อม ฟังดูคล้ายกับเป็นร้านซ่อมอุปกรณ์ต่างๆ แต่ที่จริงไม่เชิงเป็นร้านเพราะเขาไม่ได้คิดค่าจ้าง ถ้าเป็นร้านกาแฟ ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ก็ต้องจ่ายเงิน

แต่รีแพร์คาเฟ่นั้น ผู้ใช้บริการไม่ต้องจ่ายเงิน มีของอะไรที่อยากซ่อมก็เอาไปให้เขาซ่อมได้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ เครื่องเล่น DVD หรือแม้แต่เครื่องเล่นซีดี ซึ่งเดี๋ยวนี้คนก็ไม่ค่อยดูซีดีกันแล้ว แต่มีผู้เฒ่าหลายคนก็ยังใช้เครื่องเล่นซีดีอยู่สำหรับฟังเทปธรรมะ แต่พอเครื่องเสียแล้วก็ไม่รู้จะไปซ่อมที่ไหนเพราะเขาเลิกซ่อมกันแล้ว ก็อาจจะไปใช้บริการของรีแพร์คาเฟ่ได้

รีแพร์คาเฟ่มีอยู่ใน 40 ประเทศแล้ว รวม 3,500 แห่งได้ ถึงตอนนี้อาจจะ 4,000 แห่งแล้วก็ได้ ใครที่อยากจะเอาวัสดุอุปกรณ์ไปซ่อมก็ไปได้ตามวันเวลาที่เขานัดหมายเอาไว้ คล้ายๆตลาดนัด ไปซ่อมฟรีเพราะมีจิตอาสามาช่วยซ่อมให้

มันเป็นคล้ายๆคาเฟ่ก็ตรงที่ว่า คนได้มีโอกาสมาพบปะกัน ระหว่างผู้ซ่อมซึ่งเป็นจิตอาสา กับเจ้าของสิ่งของที่จะเอาไปซ่อม คนที่คิดรีแพร์คาเฟ่เขามองว่า ของทุกวันนี้พอเสียแล้ว หลายคนก็ทิ้งเลย ไม่ซ่อม โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า และของที่ทิ้งก็กลายเป็นขยะ สร้างปัญหาให้กับสิ่งแวดล้อม และเขายังมองว่าเป็นการสิ้นเปลืองด้วย เ

ขาก็เลยระดมคนมาทำรีแพร์คาเฟ่ ใครที่อยากจะซ่อมเย็บเสื้อผ้าที่ขาด ก็มาใช้บริการของรีแพร์คาเฟ่ได้ โทรศัพท์มือถือหรือว่าคอมพิวเตอร์มีปัญหาก็เอาไปซ่อมที่รีแพร์คาเฟ่ มันช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ช่วยลดขยะ และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายแทนที่จะไปซ่อมที่อื่นหรือไม่ก็ไปซื้อใหม่ ไปรีแพร์คาเฟ่ก็ไม่เสียเงินเลย

แต่วัตถุประสงค์สำคัญอีกอย่างก็คือ เขาต้องการให้คนมาพบปะกัน เพราะเดี๋ยวนี้คนเราต่างคนต่างอยู่ หงอยเหงา รีแพร์คาเฟ่แห่งแรกเกิดขึ้นที่ฮอลแลนด์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ คนที่นั่นเขาเหงากันมาก เขาก็อาศัยกิจกรรมนี้เป็นสื่อชักนำให้คนมาพบปะ พูดคุยกัน เป็นการเยียวยาจิตใจของคนที่เหงา เป็นการฟื้นฟูความสัมพันธ์ของคนในชุมชน เสริมสร้างความเป็นมิตรขึ้นมา

ไอเดียเขาก็ดี ต้องการสร้างความเป็นชุมชน สร้างความเป็นมิตรให้เกิดขึ้นแทนที่จะต่างคนต่างอยู่ โดยอาศัยการซ่อมเป็นสื่อ เมื่อวานก็ได้พูดไปแล้วว่ามีคุณปู่คนหนึ่งแกต้องการพูดคุยกับผู้ป่วยระยะท้ายซึ่งไม่รู้จักกัน ก็อาศัยเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่ำๆ เช่น ยินโทนิค มาเป็นสื่อในการพูดคุยกันระหว่างจิตอาสากับผู้ป่วย

ในรีแพร์คาเฟ่ก็เหมือนกัน เพราะต้องการที่จะเสริมสร้างฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนในชุมชน แทนที่จะต่างคนต่างอยู่ก็มาพบปะกันโดยอาศัยการให้ซ่อมข้าวของต่างๆ

คาเฟ่แบบนี้ไม่มีกาแฟบริการ แต่มีโต๊ะวางไว้เรียกว่าเต็มห้องเลย ให้คนมานั่ง คนที่มาก็มีทั้งจิตอาสาที่มาซ่อมให้บริการกับเจ้าของที่เอาสิ่งของมาให้ซ่อม

ระหว่างที่รอหรือระหว่างที่มีการซ่อมก็พูดคุยกันไปด้วย หลายแห่งคนมากันเยอะเลย คนที่เข้าคิวรอซ่อมก็ไม่ได้อยู่เปล่าๆ คุยกับเพื่อนฝูง บางคนก็คุยกับคนแปลกหน้า ก็ช่วยเยียวยาจิตใจ ช่วยให้หายเหงาและช่วยเสริมสร้างความเป็นมิตร ความสัมพันธ์ขึ้นมา

ตอนนี้ในเมืองไทยก็มีแล้ว เริ่มมีแล้ว 1 แห่ง รีแพร์คาเฟ่ แต่ว่าสถานที่ก็จะเวียนกันไปเพราะถ้าจะไปเช่าที่เพื่อที่จะให้บริการทุกวัน ก็คงจะใช้เงินเยอะ ตอนนี้เขาก็ใช้วิธีว่าคล้ายๆเป็นตลาดนัดแลกเปลี่ยนเวียนไปตามที่ต่างๆแล้วแต่เจ้าภาพสถานที่จะอนุเคราะห์สถานที่ให้

จุดที่เขาจะจัดครั้งล่าสุด วันที่ 15 มีนาคมนี้ จะจัดที่บ้านสวนสุดาวรรณ แถวธนบุรี ก็ขอเชิญชวนใครที่อยู่แถวฝั่งธน มีของที่อยากไปซ่อมก็เอาไปให้เขาซ่อม หรือไม่ก็ติดตามเว็บไซต์ของเขาก็ได้ เว็บไซต์ของกลุ่มนี้ เรียกว่า Reviv

ซึ่งเขาจะแจ้งข่าวคราวว่าจะเปิดรีแพร์คาเฟ่เมื่อไหร่ จัดมา 2 ครั้งแล้ว ครั้งต่อไปคือครั้งที่ 3 ก็จะเป็น 15 มีนาคมนี้ซึ่งก็เป็นโอกาสดีคนที่มีข้าวของเครื่องใช้แล้ว ไม่อยากซื้อใหม่ แต่มันเสียก็ไปให้เขาซ่อม คนที่มีฝีมือทางด้านการซ่อมไม่ว่าจะเป็นเย็บผ้า ซ่อมกล้อง ซ่อมมือถือ ซ่อมคอมพิวเตอร์ก็มาเป็นจิตอาสาได้ เป็นแหล่งกลางให้คนได้มาพบปะกันโดยอาศัยการซ่อมเป็นสื่อ

เดี๋ยวนี้ก็มีโครงการทำนองนี้อยู่เยอะ เพื่อฟื้นฟูเยียวยาจิตใจของผู้คนและเสริมสร้างความสัมพันธ์ในชุมชนและประหยัดค่าใช้จ่าย เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจและที่สำคัญอีกอย่างก็คือว่า ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วย

เพราะฉะนั้นการที่มีโครงการดีๆแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนา อาตมาก็ไม่รู้จักโครงการนี้ กลุ่มนี้ก็ไม่รู้จัก แต่เห็นว่าน่าสนใจก็เลยมาบอกข่าว และเพื่อให้รู้ว่าเดี๋ยวนี้มีแนวคิดใหม่ๆที่น่าสนใจ ที่สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือผู้คนแบบจิตอาสาโดยที่ไม่ต้องรอรัฐบาลหรือไม่รอบริษัทห้างร้านที่จะมาทำเรื่องแบบนี้.

แนะนำลองเข้าเพจดูที่ https://www.facebook.com/Reviv.thailand